15 มิถุนายน 2551 ฉันตื่นสายค่ะเช้านี้ ตอนลงมาข้างล่างของบ้าน พ่อครูนำเด็กๆไปชมสวนป่ากันแล้ว ไม่ได้ตามไปฟังว่าพ่อพูดกับเด็กๆอย่างไรบ้าง เลยยังไม่มีเรื่องมาเกริ่นโยงเข้าสู่กิจกรรมของเช้าวันนี้ ฉันสังเกตว่า วันนี้คณบดีอารมณ์แจ่มใส คุณหมอมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าให้เห็นค่ะ แถมมียิ้มกว้างๆให้เห็นในบางเวลาด้วย ฉันแปลมันเป็นสัญญาณแห่งความพึงพอใจต่อสิ่งที่สวนป่ามอบให้ในวันวานที่ผ่านมาค่ะ เห็นคุณหมอแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า มีนักศึกษาป่วยเมื่อวาน เดินควานหาตัวเพื่อตามดูอาการว่าเป็นอย่างไร แล้วบ้าง เจอตัวหนุ่มน้อย เขาบอกว่า ดีขึ้นมากครับอาจารย์ ฉันค่อยโล่งใจที่ลูกชายเขาไม่เป็นอะไรไปในระหว่างอยู่สวนป่า ใจยังไม่ยอมวางใจ ยังคอยเล็งแลติดตามดูเขาตลอดในระหว่างที่มีกิจกรรมภาคเช้าค่ะ
กิจกรรมเริ่มขึ้นหลังกินอาหารเช้า ฉันบอกให้เด็กๆนั่งเรียงแถวเดี่ยว ตั้งวงกลมวงใหญ่ ขึ้นเพื่อคุยกันต่อ โจทย์ที่ติดมาจากเมื่อคืนนี้กับความคาดหวังที่ยังค้างอยู่ บอกตรงๆค่ะว่าฉันรู้สึกว่ามันยากที่จะวางตัวกวนใส่ลงไปให้เขาร่วมกันทำจนเกิดผล หันมองคนชอบวิ่งและอึ่งอ๊อบว่า ใครจะอาสาทำหน้าที่ต่อจากเมื่อวาน ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะเริ่ม เหมือนจะเป็นสัญญาณว่า ฉันนั่นแหละถูกถีบลงเขาอีกแล้วครับท่าน ไม่ต่อรองให้เสียเวลา ฉันจึงกลิ้งลงเขาว่าต่อ ทั้งๆที่คิดตัวกวนยังไม่ออก ชวนเด็กสนทนาเริ่มการทักทายว่า ไปทำอะไรกันมาแล้ว รู้สึกอย่างไร ประทับใจอะไร ช่วยบอกกล่าวออกมาให้พ่อครูรู้ซักหน่อย พ่อครูจะได้ชื่นใจว่าแขกที่มานั้นสมความคาดหวังอย่างไรบ้าง 50 ความคิด แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน รู้จักเก็บเกี่ยวไปใช้ มุมมอง 50 มุม มันคือความรู้นะเอง กติกาที่บอกคือจะวางไมค์ไว้ให้พูด ใครที่พร้อมพูด พูดก่อนได้เลย ไม่ไล่ตามลำดับ ใครใคร่จะพูดก็พูดได้เลย ใครยังไม่อยากพูดจะคอยกันค่ะ จนกว่าจะพูดครบกันทุกคน
ตอนเริ่มใหม่ๆยังไม่มีใครออกมาจับไมค์ที่วาง ฉันจึงแก้ด้วยการโยนไมค์เจาะตัว แล้วผ่อนยอมให้วนไมค์ตามใจชอบ เข้าไปแทรกโยนไมค์ข้ามฝั่งสลับไปมาบ้าง เพื่อไม่ให้อีกฟากหลุดออกจากบรรยากาศ สำเร็จเลยค่ะกระบวนการลื่นไหลดี เด็กๆใส่ใจฟังเงียบ และนิ่งเป็นส่วนใหญ่ เทียบแล้วพวกเขานิ่งขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อวานค่ะ มี 2-3 คนที่ไม่นิ่งอยู่บ้าง แล้วเมื่อมีคนเวียนหมอนให้ได้ใช้นอน ก็เริ่มดีขึ้น สุดท้ายทุกคนนิ่ง ฟังกันและกันค่ะ คนที่อยากจะพูด ก็พูดตามใจที่อยากพูด ไม่กลัวว่าเพื่อนจะว่าจะแซวเอา บรรยากาศตอนนี้ไม่ได้เคร่งขรึมสำรวมมาก การแซวการโห่กันมีปนอยู่บ้างประสาเด็ก ซึ่งฉันก็ไม่ได้แทรกแซงเพื่อหยุดมันค่ะ
ส่วนของตัวฉันกับบทกระบวนกรวันนี้ ฉันตามฟังๆเพื่อจับประเด็นหาตัวกวน แล้วในที่สุดฉันก็จับคำง่ายๆที่เด็กๆพูดออกมา มาใช้เป็นขนมผสมเป็นตัวกวนกับน้ำยาของพ่อครูได้ค่ะ ฉันเอามันมาผสมกับความคิดที่แวบถึงคำพ่อครูเมื่อคราวเฮฮา5 ที่พ่อครูบอกว่า เตรียมการไว้ให้เรียนรู้จากการอยู่กับความไม่พร้อม เอาละค่ะฉันได้โจทย์สดที่จะทำงานต่อให้เด็กๆพร้อมแล้วค่ะ
การชวนคุยรอบแรก กลับกลายเป็น เด็กๆได้ทำ AAR ให้พ่อครูรับรู้ว่าเกิดผลลัพธ์อะไรจากกิจกรรมชมสวนป่าและที่พ่อครูพูดคุยให้ฟัง หลังจากคุยจบหนึ่งรอบฉันชวนเขากลับมาเข้าบทสำคัญที่หวังผลกันไว้ ออกหัวออกก้อยลุ้นรอผลกันเลยค่ะ ตอนตัดสินใจใช้ตัวกวนที่ได้จากขนมผสมน้ำยาอย่างที่บอกกล่าวแล้ว ฉันมั่นใจว่าผลที่คาดจะเกิดได้แน่นอนค่ะ แต่จะเลิศแค่ไหนนั้นไม่รู้ได้ ด้วยฉันไม่รู้ภูมิหลังของพวกเขาเลยซักนิดนี่ค่ะ
ตัวกวนที่โยนใส่เป็นคำพูดชวนให้คิดตามอย่างนี้ค่ะ หนึ่งวันที่ผ่านมาเราได้สนทนากัน ได้รับรู้ความรู้สึกของเพื่อนแล้ว ได้รับรู้ว่า มันมีความรู้สึก ทุกข์ใจ ร้องไห้ กลัว ไม่มั่นใจ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา ที่มันธรรมดาเพราะเราทุกคนเป็นมนุษย์ น้องๆได้ความรู้ว่า ป่าให้อะไร สมุนไพรอย่างไหนจะไปใช้ต่อได้เมื่อจบไปเป็นหมอ พี่ขอชวนมาสรุปคติเตือนตนแลกเปลี่ยนกันคนละข้อว่าผ่านมาแล้ว 2 วันมานี้ ได้อะไรมีค่าติดตัวกลับไปสำหรับตัวเองบ้างในฐานะคนจะเป็นหมอ จากที่น้องๆบอกว่า ฟังพ่อครูแล้วได้คิดเรื่อง การทำเรื่องธรรมดาให้ไม่ธรรมดา เรียนรู้ความรักที่มีต่อกันมาแล้ว ในฐานะพี่ พี่รับรู้จากที่เล่า ว่าน้องมีความกลัว มีความไม่มั่นใจ แม้ว่าในระบบที่จบออกไปทำงาน น้องก็พบว่ามีรุ่นพี่บอกว่า พี่รับผิดชอบเอง แต่มันไม่ช่วยลดกลัวของน้องลงได้ พี่รู้ว่า ณ วันแรกที่เป็นหมอเต็มตัวของน้อง มันมีความไม่พร้อมอยู่กับตัวน้องแน่นอนชัวร์ป๊าด การรู้ว่าจะจบไปด้วยความไม่พร้อมนี้กับฐานที่รู้แล้ววันนี้ ยังมีเวลาเตรียมความพร้อมของตัวน้องอีกปีเศษ คติที่สรุปให้ตัวเองวันนี้จะช่วยน้องเมื่อได้กลับไปใช้เวลาที่มีเตรียมตนต่อเพื่อการรับมือกับความคาดหวังที่คนทั้งหลายมอบให้เมื่อจบเป็นหมอ เกริ่นไปแล้วฉันก็บอกกติกาไปว่าให้เขาเริ่มกิจกรรมกันต่ออย่างไร
ก็ต้องขอโทษ สำหรับคนที่ตามอ่าน ที่ต้องจบบันทึกนี้ก่อน ไม่ได้กั๊กอะไรนะค่ะ แต่ด้วยเนื้อที่มันหมดแล้วนะค่ะจึงขอจบลงก่อน แล้วฉันก็ไม่อยากจะใช้ตัวพิมพ์ตัวเล็กๆ ที่เวลาอ่านมันทรมานสายตา สงสารคนตาแก่ทั้งหลายที่เข้ามาอ่านค่ะ อยากรู้ผลตามอ่านตอนต่อไปจนจบก็แล้วกันค่ะ......อิอิ
เค้าให้เป็นหัวหน้าทีมกระบวนกร ถีบครั้งเดียวมีผลตลอดการอบรม ไม่ใช่ถูกถีบอีกครั้งนะครับ อิอิ
ป้า ๆ อิอิ ม่ายช่าย พี่หมอเจ๊ขา
เปลี่ยนวันที่ข้างบนบันทึกจาก 15 เมษายน 2551 เป็น 15 มิถุนายน 2551 ดีไหม อิอิ
จากการได้เข้าร่วมวงสนทนาของน้อง ๆ นักศึกษาแพทย์ในครั้งนี้ น้าอึ่งอ๊อบได้เรียนรู้ในกระบวนการฟังอย่างลึกซึ้ง ได้เรียนรู้กระบวนการปรับจิตเมื่อมีสิ่งเร้า/รบกวน ได้เรียนรู้กระบวนการถ่ายทอด/วิธีการปรับกระบวนการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้เรียนรู้ความแตกต่างของวิธีคิด ได้เรียนรู้ความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างน้อง ๆ นักศึกษา ฯลฯ
"ไม่มา ก็ไม่เรียนรู้
ไม่ดู ก็ไม่เห็น
ไม่ทำ ก็ไม่เป็น
กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จากการลงมือทำ
จะทำให้พบกับนวตกรรมใหม่ ๆ"
ได้ใจอีกแล้วค่ะพี่หมอ