หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

ชวนน้องคุย (๘) : มาฟ้องค่ะว่า.......วันต่อมาถูกถีบลงเขาอีกแล้วครับท่าน......จึงขอมาเล่าว่าเมื่อกลิ้งลงเขาว่าต่อ....ทำอะไรลงไปบ้างไม่ให้ถูกถีบซ้ำค่ะ


การทำเรื่องธรรมดาให้ไม่ธรรมดา เรียนรู้ความรักที่มีต่อกันมาแล้ว ในฐานะพี่ ฉันรับรู้ค่ะว่า วันแรกที่เป็นหมอเต็มตัวของน้อง มันมีความไม่พร้อมอยู่แน่นอนชัวร์ป๊าด บนฐานที่รู้ มีเวลาเตรียมความพร้อมของตัวน้องอีกปีเศษ จะได้กลับไปใช้เวลานี้เตรียมตน เพื่อรับมือกับความคาดหวังที่คนทั้งหลายมอบให้

15 มิถุนายน 2551   ฉันตื่นสายค่ะเช้านี้ ตอนลงมาข้างล่างของบ้าน พ่อครูนำเด็กๆไปชมสวนป่ากันแล้ว ไม่ได้ตามไปฟังว่าพ่อพูดกับเด็กๆอย่างไรบ้าง เลยยังไม่มีเรื่องมาเกริ่นโยงเข้าสู่กิจกรรมของเช้าวันนี้  ฉันสังเกตว่า วันนี้คณบดีอารมณ์แจ่มใส คุณหมอมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าให้เห็นค่ะ  แถมมียิ้มกว้างๆให้เห็นในบางเวลาด้วย ฉันแปลมันเป็นสัญญาณแห่งความพึงพอใจต่อสิ่งที่สวนป่ามอบให้ในวันวานที่ผ่านมาค่ะ   เห็นคุณหมอแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า มีนักศึกษาป่วยเมื่อวาน เดินควานหาตัวเพื่อตามดูอาการว่าเป็นอย่างไร แล้วบ้าง เจอตัวหนุ่มน้อย เขาบอกว่า ดีขึ้นมากครับอาจารย์  ฉันค่อยโล่งใจที่ลูกชายเขาไม่เป็นอะไรไปในระหว่างอยู่สวนป่า ใจยังไม่ยอมวางใจ ยังคอยเล็งแลติดตามดูเขาตลอดในระหว่างที่มีกิจกรรมภาคเช้าค่ะ 

 

กิจกรรมเริ่มขึ้นหลังกินอาหารเช้า   ฉันบอกให้เด็กๆนั่งเรียงแถวเดี่ยว ตั้งวงกลมวงใหญ่ ขึ้นเพื่อคุยกันต่อ  โจทย์ที่ติดมาจากเมื่อคืนนี้กับความคาดหวังที่ยังค้างอยู่ บอกตรงๆค่ะว่าฉันรู้สึกว่ามันยากที่จะวางตัวกวนใส่ลงไปให้เขาร่วมกันทำจนเกิดผล หันมองคนชอบวิ่งและอึ่งอ๊อบว่า ใครจะอาสาทำหน้าที่ต่อจากเมื่อวาน  ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะเริ่ม เหมือนจะเป็นสัญญาณว่า ฉันนั่นแหละถูกถีบลงเขาอีกแล้วครับท่าน ไม่ต่อรองให้เสียเวลา ฉันจึงกลิ้งลงเขาว่าต่อ  ทั้งๆที่คิดตัวกวนยังไม่ออก  ชวนเด็กสนทนาเริ่มการทักทายว่า ไปทำอะไรกันมาแล้ว รู้สึกอย่างไร ประทับใจอะไร ช่วยบอกกล่าวออกมาให้พ่อครูรู้ซักหน่อย พ่อครูจะได้ชื่นใจว่าแขกที่มานั้นสมความคาดหวังอย่างไรบ้าง   50 ความคิด แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน รู้จักเก็บเกี่ยวไปใช้ มุมมอง 50 มุม มันคือความรู้นะเอง กติกาที่บอกคือจะวางไมค์ไว้ให้พูด ใครที่พร้อมพูด พูดก่อนได้เลย ไม่ไล่ตามลำดับ ใครใคร่จะพูดก็พูดได้เลย  ใครยังไม่อยากพูดจะคอยกันค่ะ จนกว่าจะพูดครบกันทุกคน 

 

ตอนเริ่มใหม่ๆยังไม่มีใครออกมาจับไมค์ที่วาง ฉันจึงแก้ด้วยการโยนไมค์เจาะตัว แล้วผ่อนยอมให้วนไมค์ตามใจชอบ  เข้าไปแทรกโยนไมค์ข้ามฝั่งสลับไปมาบ้าง  เพื่อไม่ให้อีกฟากหลุดออกจากบรรยากาศ  สำเร็จเลยค่ะกระบวนการลื่นไหลดี  เด็กๆใส่ใจฟังเงียบ และนิ่งเป็นส่วนใหญ่ เทียบแล้วพวกเขานิ่งขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อวานค่ะ  มี 2-3 คนที่ไม่นิ่งอยู่บ้าง แล้วเมื่อมีคนเวียนหมอนให้ได้ใช้นอน ก็เริ่มดีขึ้น สุดท้ายทุกคนนิ่ง ฟังกันและกันค่ะ คนที่อยากจะพูด ก็พูดตามใจที่อยากพูด ไม่กลัวว่าเพื่อนจะว่าจะแซวเอา  บรรยากาศตอนนี้ไม่ได้เคร่งขรึมสำรวมมาก การแซวการโห่กันมีปนอยู่บ้างประสาเด็ก  ซึ่งฉันก็ไม่ได้แทรกแซงเพื่อหยุดมันค่ะ  

 

ส่วนของตัวฉันกับบทกระบวนกรวันนี้ ฉันตามฟังๆเพื่อจับประเด็นหาตัวกวน แล้วในที่สุดฉันก็จับคำง่ายๆที่เด็กๆพูดออกมา มาใช้เป็นขนมผสมเป็นตัวกวนกับน้ำยาของพ่อครูได้ค่ะ  ฉันเอามันมาผสมกับความคิดที่แวบถึงคำพ่อครูเมื่อคราวเฮฮา5 ที่พ่อครูบอกว่า เตรียมการไว้ให้เรียนรู้จากการอยู่กับความไม่พร้อม เอาละค่ะฉันได้โจทย์สดที่จะทำงานต่อให้เด็กๆพร้อมแล้วค่ะ

 

การชวนคุยรอบแรก กลับกลายเป็น เด็กๆได้ทำ AAR ให้พ่อครูรับรู้ว่าเกิดผลลัพธ์อะไรจากกิจกรรมชมสวนป่าและที่พ่อครูพูดคุยให้ฟัง  หลังจากคุยจบหนึ่งรอบฉันชวนเขากลับมาเข้าบทสำคัญที่หวังผลกันไว้  ออกหัวออกก้อยลุ้นรอผลกันเลยค่ะ  ตอนตัดสินใจใช้ตัวกวนที่ได้จากขนมผสมน้ำยาอย่างที่บอกกล่าวแล้ว  ฉันมั่นใจว่าผลที่คาดจะเกิดได้แน่นอนค่ะ แต่จะเลิศแค่ไหนนั้นไม่รู้ได้ ด้วยฉันไม่รู้ภูมิหลังของพวกเขาเลยซักนิดนี่ค่ะ 

 

ตัวกวนที่โยนใส่เป็นคำพูดชวนให้คิดตามอย่างนี้ค่ะ  หนึ่งวันที่ผ่านมาเราได้สนทนากัน ได้รับรู้ความรู้สึกของเพื่อนแล้ว  ได้รับรู้ว่า มันมีความรู้สึก ทุกข์ใจ ร้องไห้ กลัว ไม่มั่นใจ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา ที่มันธรรมดาเพราะเราทุกคนเป็นมนุษย์   น้องๆได้ความรู้ว่า ป่าให้อะไร สมุนไพรอย่างไหนจะไปใช้ต่อได้เมื่อจบไปเป็นหมอ  พี่ขอชวนมาสรุปคติเตือนตนแลกเปลี่ยนกันคนละข้อว่าผ่านมาแล้ว 2 วันมานี้ ได้อะไรมีค่าติดตัวกลับไปสำหรับตัวเองบ้างในฐานะคนจะเป็นหมอ จากที่น้องๆบอกว่า ฟังพ่อครูแล้วได้คิดเรื่อง การทำเรื่องธรรมดาให้ไม่ธรรมดา  เรียนรู้ความรักที่มีต่อกันมาแล้ว  ในฐานะพี่ พี่รับรู้จากที่เล่า ว่าน้องมีความกลัว มีความไม่มั่นใจ  แม้ว่าในระบบที่จบออกไปทำงาน น้องก็พบว่ามีรุ่นพี่บอกว่า พี่รับผิดชอบเอง แต่มันไม่ช่วยลดกลัวของน้องลงได้  พี่รู้ว่า ณ วันแรกที่เป็นหมอเต็มตัวของน้อง  มันมีความไม่พร้อมอยู่กับตัวน้องแน่นอนชัวร์ป๊าด  การรู้ว่าจะจบไปด้วยความไม่พร้อมนี้กับฐานที่รู้แล้ววันนี้  ยังมีเวลาเตรียมความพร้อมของตัวน้องอีกปีเศษ คติที่สรุปให้ตัวเองวันนี้จะช่วยน้องเมื่อได้กลับไปใช้เวลาที่มีเตรียมตนต่อเพื่อการรับมือกับความคาดหวังที่คนทั้งหลายมอบให้เมื่อจบเป็นหมอ  เกริ่นไปแล้วฉันก็บอกกติกาไปว่าให้เขาเริ่มกิจกรรมกันต่ออย่างไร  

 

ก็ต้องขอโทษ สำหรับคนที่ตามอ่าน ที่ต้องจบบันทึกนี้ก่อน ไม่ได้กั๊กอะไรนะค่ะ แต่ด้วยเนื้อที่มันหมดแล้วนะค่ะจึงขอจบลงก่อน แล้วฉันก็ไม่อยากจะใช้ตัวพิมพ์ตัวเล็กๆ ที่เวลาอ่านมันทรมานสายตา  สงสารคนตาแก่ทั้งหลายที่เข้ามาอ่านค่ะ  อยากรู้ผลตามอ่านตอนต่อไปจนจบก็แล้วกันค่ะ......อิอิ 

หมายเลขบันทึก: 189615เขียนเมื่อ 22 มิถุนายน 2008 14:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:12 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เค้าให้เป็นหัวหน้าทีมกระบวนกร  ถีบครั้งเดียวมีผลตลอดการอบรม  ไม่ใช่ถูกถีบอีกครั้งนะครับ  อิอิ

 

ป้า ๆ อิอิ ม่ายช่าย  พี่หมอเจ๊ขา

เปลี่ยนวันที่ข้างบนบันทึกจาก 15 เมษายน 2551 เป็น 15 มิถุนายน 2551  ดีไหม  อิอิ

 

จากการได้เข้าร่วมวงสนทนาของน้อง ๆ นักศึกษาแพทย์ในครั้งนี้ น้าอึ่งอ๊อบได้เรียนรู้ในกระบวนการฟังอย่างลึกซึ้ง ได้เรียนรู้กระบวนการปรับจิตเมื่อมีสิ่งเร้า/รบกวน  ได้เรียนรู้กระบวนการถ่ายทอด/วิธีการปรับกระบวนการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  ได้เรียนรู้ความแตกต่างของวิธีคิด  ได้เรียนรู้ความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างน้อง ๆ นักศึกษา  ฯลฯ

 

"ไม่มา ก็ไม่เรียนรู้ 

ไม่ดู  ก็ไม่เห็น 

ไม่ทำ  ก็ไม่เป็น

กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จากการลงมือทำ

จะทำให้พบกับนวตกรรมใหม่ ๆ"

 

ได้ใจอีกแล้วค่ะพี่หมอ

  • ดีใจที่มาจ๊า อึ่งอ๊อบน้องรัก
  • เปลี่ยนเดือนแล้วจ๊า  ก็พี่มีอีกร่าง เมื่อไรวิญญาณโก๊ะเจ๊จังเข้าสิงนิ เป็นเรื่องทุกที......อิอิ
  • .........
  • น้องนักศึกษาน่ารักเนาะ  เราได้เรียนรู้จากเขาเยอะเลย
  • คราวก่อนเรียนรู้จากนักการแล้ว คราวหน้าขอเรียนรู้จากอึ่งอ๊อบ คนชอบวิ่งบ้างนา
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท