ความไม่รู้กฎหมายไม่เป็นข้อแก้ตัว แต่อาจจะใช้กับคนนี้ไม่ได้ซะแล้ว (22 พ.ค.2551)


ลูกพี่ชายนางหนูจันทร์สองคนยังไม่ได้เรียนหนังสือ ทั้งๆที่อายุถึงเกณฑ์ที่ต้องเข้าเรียนแล้ว เขาบอกกับพวกเราว่า ไม่กล้าที่จะพาลูกไปสมัครเรียนเพราะว่าไม่มีเอกสารอะไรเลย ลูกอยากเรียนหนังสือ และเฝ้าถามพ่ออยู่เสมอว่า “ทำไมลูกถึงไปเรียนหนังสือไม่ได้” พ่อก็ตอบลูกว่า “เพราะว่าเราไม่มีบัตรไทย” ฟังแล้วรู้สึกเศร้าใจมาก เขาน่าจะได้รับรู้ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อลูกๆบ้างว่า เด็กที่ไม่มีเอกสารแสดงตนใดๆ สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนได้ สามารถได้รับค่าเลี้ยงดูต่อหัวในอัตราเท่ากับเด็กที่มีสัญชาติไทย และเมื่อจบแล้วก็สามารถได้รับวุฒิการศึกษาตามที่ได้เรียนมา พวกเราไม่รอช้าทีจะให้คำแนะนำกับเขาไป ว่ารีบพาลูกไปสมัครเรียนทันทีหลังจากที่กลับไปแล้ว

พฤหัสบดี ที่ 22 พ.ค. 2551

Morning Talk วันนี้ มีการทบทวนและเปลี่ยนแปลงกำหนดการและแผนงานที่จะลงพื้นที่ที่อำเภอสวนผึ้งระหว่าง 24-30 พ.ค.นี้ เนื่องจากว่าการลงไปครั้งนี้ไม่ใช่การอบรมกฎหมายใหม่ จึงต้องมีการยกเลิกในวันที่รวมชาวบ้านมานั่งฟัง

มีการประสานงานกับคุณราชินเจ้าหน้าศูนย์สังคมพัฒนา สังฆมณฑลราชบุรี และพี่เอ้

 คุณธนาสิทธิ์ สุวรรณประทีปเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิทธิคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์ ที่จะมาคอยช่วยเหลือในการลงพื้นที่ครั้งนี้ด้วย

          บ่ายวันนี้อารีและครอบครัว ได้แก่ อารี นางหนูจันทร์(ภรรยาอารี) ลูกสาว และพี่ชายของนางหนูจันทร์ ก็มาที่ม.ธรรมศาสตร์ พวกเราไม่รอรีที่จะสอบข้อเท็จจริง กว่าจะเตรียมเอกสารให้เราเรียบร้อยดูเหมือนว่าจะชุลมุนพอสมควร เอกสารใส่ไว้ในถุงหลายถุงเหลือเกิน

          การสอบข้อเท็จจริงในวันนี้ มีผู้ที่เชี่ยวชาญมาสอบให้ดูเป็นตัวอย่างแก่พวกเราทั้งสามคน ได้แก่ คุณมานะ งามเนตร คณะกรรมการสิทธิฯ อ.มิว อ.ไหม และยังผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์และให้กำลังใจ คือ อาจารย์พันธุ์ทิพย์ อาจารย์ชลฤทัย อาจารย์โก๋

          ในที่สุดก็ได้ข้อมูลของครอบครัวอารีพอสังเขปดังนี้

          พ่อของอารี เข้ามาในประเทศไทยโดยถือพาสปอร์ตเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนแม่ของอารีหนีเข้ามาทางด่านอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก ทั้งสองมาเจอกันที่จังหวัดตากและได้แต่งงานกันในเวลาต่อมา และได้คลอดพี่ชายของอารี อารี ที่จังหวัดตาก แล้วย้ายไปอยู่กรุงเทพ แล้วคลอดน้องชายอีกสองคน ตอนนี้พี่ชายของอารีหายไปประมานสามถึงสี่ปีแล้ว ทั้งครอบครัวไม่เคยได้รับการสำรวจทางทะเบียนราษฎร จึงไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎรของไทย ยกเว้น น้องชายคนสุดท้องที่ชื่อ รอฟิค ที่มีสูติบัตร และมีชื่ออยู่ในทร.๑๓

เมื่อประมาณปี ๒๕๔๘ ทั้งครอบครัวของอารี ยกเว้นรอฟิค ได้ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว เมื่อหมดอายุก็ได้ต่ออายุอีกเพียงครั้งเดียว ตอนนี้ทะเบียนแรงงานของครอบครัวอารีจึงหมดอายุแล้ว

อารีซึ่งทำงานหาเลี้ยงครอบครัวนั้นทุกจับและส่งกลับไปที่จังหวัดตากหลายครั้ง แต่ก็กลับมาอยู่ที่กรุงเทพทุกครั้ง และอยู่กรุงเทพมาตลอด

สิ่งที่เราได้แนะนำให้อารีไปดำเนินการคือ ให้อารีเข้ารับการสำรวจผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนที่จะทำการสำรวจในเดือนมิถุนายน เพื่อจะได้ไม่เป็นบุคคลที่ไร้รัฐ เนื่องจากการไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎรของไทย สิ่งที่เราคงต้องติดตามคือว่า อารีจะไปดำเนินการตามคำแนะนำของเราหรือไม่ และหากไปดำเนินการแล้ว ได้ผลอย่างไร หากมีความคืบหน้าอย่างไรก็จะมาเล่าให้เขียนบันทึกเพิ่มเติมคะ

และในวันนี้ครอบครัวของนางหนูจันทร์ (ภรรยาของอารี) ก็มาด้วย เราจึงทำการสัมภาษณ์ข้อเท็จจริงทั้งนางหนูจันทร์ และพี่ชาย ทำให้เราได้ทราบข้อเท็จว่า ทั้งนางหนูจันทร์และ.....เกิดที่จังหวัดตากจากพ่อและแม่ที่เข้าเมืองมาจากประเทศพม่า เมื่อนาย....อายุประมาณ 5 ขวบ พ่อก็ได้เสียชีวิต และต่อมาแม่ก็เสียชีวิตตามไปด้วย หนูจันทร์กับนาย...งจึงได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ของอารี และได้เข้ากรุงเทพพร้อมกับครอบครัวของอารี

หนูจันทร์อายุประมาณ ก็ได้แต่งงานกับอารี และมีลูกด้วยกันทั้งหมดสามคน เมื่อประมาณปี ๒๕๔๘ หนูจันทร์และพี่ชายได้ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว เมื่อหมดอายุก็ได้ต่ออายุอีกเพียงครั้งเดียว ตอนนี้ทะเบียนแรงงานของหนูจันทร์และพี่ชายจึงหมดอายุเหมือนครอบครัวอารี

เมื่อปลายปี 2550 นายได้เข้ารับการสำรวจผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร เขาเอาเอกสารให้ดู แต่เมื่อเห็นแล้วก็แปลกๆ แล้วพวกเราก็มาพิจารณากันว่าในเอกสารแผ่นนั้น มีความผิดปกตออย่างไร

พี่ชายของหนูจันทร์นั้นได้แยกไปทำงานกับเพื่อนที่สมุทรปราการและได้แต่งงานและมีลูกทั้งหมดสามคน  การทำงานโดยไม่มีบัตรแสดงตัวใดๆนั้น ทำให้ถูกจับหลายครั้งและถูกส่งไปยังแม่สอด แต่ก็กลับมาทุกครั้งเพราะครอบครัวยังอยู่ที่สมุทรปราการ

เนื่องจากตอนนี่พี่ชายของหนูจันทร์ยังไม่มีบัตรแสดงตนใดๆเช่นกันกับอารี พวกเราจึงแนะนำให้เขาเข้ารับการสำรวจที่จะเริ่มในเดือนมิถุนายน ตามการสำรวจผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน

ลูกพี่ชายนางหนูจันทร์สองคนยังไม่ได้เรียนหนังสือ ทั้งๆที่อายุถึงเกณฑ์ที่ต้องเข้าเรียนแล้ว เขาบอกกับพวกเราว่า ไม่กล้าที่จะพาลูกไปสมัครเรียนเพราะว่าไม่มีเอกสารอะไรเลย ลูกอยากเรียนหนังสือ และเฝ้าถามพ่ออยู่เสมอว่า ทำไมลูกถึงไปเรียนหนังสือไม่ได้ พ่อก็ตอบลูกว่า เพราะว่าเราไม่มีบัตรไทย ฟังแล้วรู้สึกเศร้าใจมาก เขาน่าจะได้รับรู้ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อลูกๆบ้างว่า เด็กที่ไม่มีเอกสารแสดงตนใดๆ สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนได้ สามารถได้รับค่าเลี้ยงดูต่อหัวในอัตราเท่ากับเด็กที่มีสัญชาติไทย และเมื่อจบแล้วก็สามารถได้รับวุฒิการศึกษาตามที่ได้เรียนมา พวกเราไม่รอช้าทีจะให้คำแนะนำกับเขาไป ว่ารีบพาลูกไปสมัครเรียนทันทีหลังจากที่กลับไปแล้ว พอเราบอกเขาไปเขาก็ดีใจนะคะ รู้ได้ว่าเหมือนเจอสิ่งที่ดีดีแล้ว

และแล้วการสอบข้อเท็จจริงของครอบครัวอารีก็ผ่านไป

ก่อนจะไปทานอาหารเย็น พวกเราก็นั่งรอ อ.ไหม และ อ.มิว ที่กำลังออกแบบสอบถามที่จะไปใช้ในการลงพื้นที่ในครั้งนี้คะ

เย็นนี้พวกเรามาทานอาหารเย็นกันที่บ้านอ.มิว อัจฉา อาหารอร่อยมากคะ และขอบคุณคุณแม่ อ.มิว ที่ห่อขนม นม เนย ให้เรามาแทบถือไม่ไหว พี่สาวอ.มิว ที่ฮามากมาย เหมือนดูคณะตลกลูกหมูสามตัว ขอบคุณคะ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 189119เขียนเมื่อ 20 มิถุนายน 2008 13:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท