คนว่าเรา

คนว่าเรา เขาว่าใคร?

นลเฉลย

ท่านพุทธทาส ท่านจะพร่ำสอนอยู่เสมอ ให้พวกเราละความเป็น “ตัวกู ของกู” อย่างไรก็ดี บ่อยๆครั้งที่เราถูกคน ตำหนิ ต่อว่า "ตัวกู ของกู" ก็เข้ามาครอบงำ ทำให้เรารูสึกไม่พอใจ หงุดหงิด โมโห ไปต่างๆนานา ผมเลยพยายามที่จะเขียนบทความนี้ เพื่อชวน ท่านผู้อ่านลองคิดกันเล่นๆ ว่า จริงๆแล้ว การที่มีคนมา ต่อว่า ตำหนิ เรานั้น เขากำลังว่าใครอยู่ เผื่อว่าจะช่วยให้ท่านผู้อ่าน ละความเป็น “ตัวกู ของกู” ของตนลงไปได้บ้าง

ผมตั้งชื่อบทความนี้ไว้ว่า “คนว่าเรา เขาว่าใคร?” ท่านผู้อ่านหลายท่านอ่านแล้ว ก็คงขมวดคิ้ว คิดว่า จะว่าใครที่ไหนก็ว่าเรานะซิ ครับอาจจะใช่ พักเรื่องนี้ไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยย้อนมาดูเรื่องนี้กันใหม่ ทีนี้ผมอยากให้ท่านผู้อ่าน นึกถึงใครสักคนที่ท่านรู้จัก ใครก็ได ้จะเป็นคนใกล้ชิดท่าน คนที่ท่านคุ้นเคย ได้หมดแต่ห้ามเป็นตัวท่านเอง เอาละครับเลือกได้สักคนหรือยังครับ ถ้าได้แล้ว ทีนี้ท่านลองนึกถึงคนคนนั้นให้ได้รายละเอียดมากที่สุด นึกให้เกิดมโนภาพของคนคนนั้นขึ้นในใจ ใช้เวลานึกสักพักหนึ่ง เอาละครับได้แล้วใช่ไหมครับ ทีนี้ท่านลองตอบคำถามนี้ดูนะครับ ท่านคิดว่ามโนภาพของคนที่ท่านนึกถึงนั้น เหมือนกับคนๆนั้นจริงๆทุกด้านทุกประการไหมครับ ผมต้องเน้นว่าทุกด้านทุกประการนะครับ หรืออาจเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า ท่านคิดว่ามโนภาพของคนคนนั้นในใจท่านมีส่วนต่างไปจากความเป็นจริงของตัวเขาบ้างไหม เอาละครับถึงตอนนี้ผมเชื่อว่าทุกท่าน คงพอจะบอกได้ว่า มโนภาพของคนคนนั้นในใจท่านน่าจะแตกต่างจากคนคนนั้นจริงๆ (สำหรับท่านผู้อ่านที่ยืนยันว่า มโนภาพของคนที่ท่านนึกถึงนั้นตรงกับคนคนนั้นทุกประการ ขอให้ลองทบทวนดูอีกทีนะครับ ในขณะที่ท่านนึกถึงเขาอยู่นั้น ตัวเขาก็มีความคิดความรู้สึกเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นมโนภาพของท่านเปลี่ยนแปลงไปตามความคิดเขาไหม ท่านคิดว่าท่านรู้ความลับของเขาทุกเรื่องไหม ถ้าคำตอบคือไม่ใช่ แปลว่า มโนภาพของคนคนนั้นในใจท่านไม่เหมือนกับคนคนนั้นจริงๆใช่ไหมครับ เว้นไว้แต่คนที่ท่านนึกถึงคือตัวท่านเอง ซึ่งผมมีกติกาห้ามไม่ให้นึกถึงตัวเองที่บอกไว้ตอนต้น) เอาละครับทีนี้ถ้า มโนภาพที่เรามีในใจไม่เหมือนคนคนนั้นจริงๆทุกประการ แสดงว่าสองสิ่งนี้เป็นคนละอย่างกัน ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ใช่ไหมครับ ทีนี้ถ้าเราจะ ต่อว่า (หรือชื่นชม) มโนภาพของคนคนนั้น แปลว่าเรากำลังต่อว่า (หรือชื่นชม) ความคิดของตัวเราเองเกี่ยวกับคนคนนั้น  ในทำนองเดียวกัน เวลาที่คนอื่นเขาว่าเรา เขาก็จะมีมโนภาพของตัวเราในใจเขา มโนภาพนั้นคือความคิดของเขาเอง มโนภาพจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจที่เขามีกับตัวเรา ถ้าเขาเข้าใจเราผิด มโนภาพที่เขามีกับเราก็ผิดตาม อย่างไรก็ดีสิ่งที่อยากเน้นคือ มโนภาพของเรา ในใจเขานั้น มันคือ ความคิดของเขาเอง เอาละครับถ้าเข้าใจตามนี้ เราก็จะกลับมาดูคำถามที่ถามไว้ข้างบนกันอีกที “คนว่าเรา เขาว่าใคร?” คำตอบคือ เขาว่า มโนภาพของเราในใจเขา หรือ เอาให้ชัดคือ เขาว่าความคิดของตัวเอง เอาละครับถ้าเป็นอย่างนี้เราต้องไปเดือดร้อนไหมครับ ก็เพียงแค่ดูว่า มโนภาพที่เขามีนั้นตรงกับตัวเราหรือเปล่า ถ้าบังเอิญในเรื่องที่ว่านั้นมันตรง เราก็ปรับเปลี่ยนแก้ไขเสีย ถ้าไม่ตรงเราก็ไม่ต้องไปหงุดหงิดอะไรกับมันมาก ถ้าไม่ตรงเพราะความเข้าใจผิดอาจจะลองแก้ความคิดของเขาก็ได้ แต่ก็ต้องระวังนะครับถ้าจะแก้ความคิดของคนอื่นเราต้องมีจิตใจที่เยือกเย็นพอ ไม่ใช่ไปต่อว่าหรือทะเลาะกับเขา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นโอกาสที่จะแก้ความคิดของเขาได้ก็จะน้อยลง แต่ถ้าไม่ตรงเพราะอคติแล้วก็อย่าไปยุ่งดีกว่าครับ เสียเวลาเปล่าๆ ครับขอจบสั้นๆแค่นี้นะครับ ลองอ่านแล้วคิดดูนะครับ

 

 

 

บุญกุศลอันใด ที่เกิดจากบทความชิ้นนี้ ขออุทิศให้ แก่ ผู้อ่านที่นำไปใคร่ครวญ ขบคิด ปฏิบัติ

และขออุทิศให้กับ ศัตรูคู่อาฆาต เจ้ากรรมนายเวร ของผู้เขียน

 

ไม่สงวนลิกข์สิทธิ์ ใดๆทั้งสิ้น สามารถนำไปแจกจ่าย คัดลอก ทำซ้ำ ได้ตามต้องการ

 

หากมีข้อซักถาม ข้อแนะนำหรืออยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เกิดจากการอ่านบทความชิ้นนี้ กรุณาส่ง อีเมล์มาที่

นิลฉงน นลเฉลย  <[email protected]>