นั่งอ่านหนังสือเก่าไปเรื่อยๆ เจอพระสูตรสองอันที่น่าสนใจคือ จูฬราหุโลวาทสูตร ซึ่งตรัสสอนพระราหุลเมื่อครั้งยังบรรพชาเป็นสามเณร และ อภัยราชกุมารสูตร ซึ่งพระอภัยราชกุมารเป็นราชบุตรของพระเจ้าพิมพิสาร
สำหรับข้อความฉบับเต็มนั้น เชิญท่านสาธุชนศึกษาได้เองตามอัธยาศัยจากลิงก์ที่ได้ให้ไว้ข้างบนแล้ว
เรื่องเหล่านี้ ผมคิดว่าน่าสนใจ เพราะเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้คนไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เป็นข้อเท็จจริงง่ายๆ ไม่ใช่อภิธรรมขั้นสูงเลย (สอนผู้เยาว์) แต่กลับมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
[๑๒๗] ... ดูกรราหุล เรากล่าวว่าบุคคลผู้ไม่มีความละอายในการกล่าวมุสา ทั้งที่รู้อยู่ ที่จะไม่ทำบาปกรรมแม้น้อยหนึ่งไม่มี ฉันนั้นเหมือนกัน. เพราะเหตุนั้นแหละ ราหุล เธอพึงศึกษาว่า เราจักไม่กล่าวมุสา แม้เพราะหัวเราะกันเล่น ดูกรราหุล เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล.
การกล่าวเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริงระหว่างเพื่อนฝูง ดูว่าจะเป็นเรื่องที่อำกันได้อย่างสนุกสนาน และตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่าเพื่อนย่อมอภัยให้แก่กันได้
ข้อเท็จจริงคือการกล่าวเท็จก็คือการกล่าวเท็จ เมื่อกระทำแล้วก็คือการกล่าวเท็จ แม้ผู้ฟังจะเข้าใจได้และให้อภัย แต่ผู้กล่าวเท็จก็กล่าวเท็จไปแล้ว ส่วนสมมุติฐานว่าเพื่อนจะให้อภัยนั้น เป็นการคิดไปเองล่วงหน้า ถ้าเพื่อนให้อภัยคงไม่เสียหายเท่าไหร่ แต่ถ้าเพื่อนหลงเชื่อแล้วกระทำการอะไรที่ผิดพลาดไปจากความเท็จนั้น (เช่นโกรธ) ผู้ที่กล่าวเท็จก็จะไม่มีปัญญาไปแก้ไขสิ่งที่ตนได้ทำลงไป
ระงับกรรมที่สาเหตุ เลิก "แก้ปัญหา" ไปตามเหตุการณ์เสียทีดีไหมครับ
[๙๔] ... ดูกรราชกุมาร ตถาคตก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมรู้วาจาที่ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วย ประโยชน์ และวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น อนึ่ง ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง ที่แท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น อนึ่ง ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง วาจาที่แท้ และประกอบ ด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ในข้อนั้น ตถาคตย่อมรู้กาลที่ จะพยากรณ์วาจานั้น ตถาคตย่อมรู้วาจาที่ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้น เป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง ที่แท้ ไม่ ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น ...
เรื่องไม่จริง ไม่ควรกล่าวอยู่แล้ว; แต่ถึงเรื่องที่จะพูดเป็นเรื่องจริง ก็ยังไม่แน่ว่าสมควรพูด ควรพิจารณาว่าเกิดประโยชน์ต่อผู้ฟังหรือไม่ และผู้ฟังอยู่ในสภาพที่จะรับฟังหรือไม่ ดังนั้นบรรดาสาวๆ เม้าธ์กันน้อยๆ หน่อยครับ อิอิ
อ้อ งักนี่เข้าข่ายข้อ 4 นี่เอง ลดละเลิก
ถูกต้องนะคร้าาาบบบบบบ ใช้ศัพท์เทคนิค ระวังคนอื่นจะไม่เข้าใจ
สรุปว่า จริง+เป็นประโยชน์ น่าจะพูด แต่ว่าดูกาลเทศะ ตลอดจนพื้นของผู้ฟังด้วย
"วาจาที่จริง, เป็นประโยชน์ต่อผู้ฟัง, แต่ไม่เข้าหู --> หาจังหวะพูดตามกาลเทศะ"
--> หักมุมตอนท้ายนี่เข้าข่ายไหมครับ ?
อาจารย์ตุ๋ย: อนุโมทนาด้วยครับ
อาจารย์วิบุล: แล้วแต่ว่ามี อิอิ ที่เป็นตัวเอนด้วยหรือไม่ครับ อิอิ
ฉะนั้น ช่วงนี้ ควร ระงับการเอ่ยวาจา ไปก่อน (ชั่วคราว)
ชักจะไม่แน่ใจว่า เรื่องที่จะกล่า จริงหรือเท็จ มีประโยชน์หรือไม่ก็ไม่แน่ใจ คนฟังจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ยังไม่รู้
ปิดปากไว้ก่อน และเปิดหูรับฟังต่อไป
น่าจะดีกว่า ใช่มั๊ยค่ะ ....
ไม่ทราบครับ เรื่องอย่างนี้ควรพิจารณาเอง และผมเชื่อว่าคำตอบอาจจะไม่ง่ายเหมือนกับตอบว่าใช่หรือไม่ใช่หรอกครับ
มีผู้ให้ความเห็นไว้ถึงลำดับการสอนธรรมตามวัย ดังนี้
ตามคำบอกเล่าย่อๆ ที่นี้
เจริญพร
สาธุครับ
ผู้คนในเมืองไทยอาจจะยังไม่เป็นแม้เด็กเล็ก จึงทำหมดทุกอย่างที่ควรผ่านการสอนมาแล้วมั๊งครับ
สวัสดีค่ะ
เรื่องการพูดนี่ โดยภาพรวม พี่เองคิดว่า พูดน้อยหน่อย เรื่องจะน้อยตาม เพราะพูดมาก ความผิดพลาดมีได้มากเป็นเงาตามตัว แม้มิได้ตั้งใจ แต่เราอาจพูดไม่ชัด คนเข้าใจผิดได้ง่ายๆ
โดยส่วนตัว พี่เป็นคนไม่ค่อยชอบการเสวนาอะไรนัก ถึงจะมีคนรู้จักมากหน่อย แต่เพื่อนที่สนิทชิดเชื้อที่รู้ใจกันจริงๆ พูดได้ทุกเรื่อง คบกัน 20-30ปี ก็มีไม่มากนัก...
พอใจในชีวิต ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มากๆ มีความสุขและสงบตามอัตภาพจริงๆค่ะ
ลืมไปค่ะ นมัสการ ท่าน BM.chaiwut คะ ที่ท่านเขียนมาย่อๆ เป็นสิ่งที่ดีและจะมีประโยชน์มากนะคะ อยากขอให้เขียนค่ะ จะคอยค่ะ
กราบ 3 หนค่ะ
สำหรับที่ GotoKnow นี้ ถ้ามาเพื่อเรียนรู้ ถึงผิดก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ใช่ไหมครับ
ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรเลย
เพราะโดยธรรมชาติพี่เป็นคนไม่ยึดติดกับอะไรทั้งสิ้น ถ้าจะมีระคายๆบ้างเล็กน้อย ที่บางที อาจจะมีคนเข้าใจผิดในคำพูดของเรา พี่ก็สามารถสลัดความกังวลออกไปได้อย่างรวดเร็วค่ะ
สำหรับส่วนตัว คิดว่า ความนึกคิดทุกอย่างเป็นวงจรที่ต่อเนื่องกัน แต่ถ้าเราสามารถตัดวงจร นั้น ออกไปได้ ทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ที่ควรจะเป็นค่ะ
มีอะไรอีกหลายๆอย่างในโลกนี้ ที่น่าสนใจ จนตายก็ตามไปเรียนรู้ไม่หมด ทำตัวตามสบาย ทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น และสนุกที่จะทำอย่างรับผิดชอบด้วย ทุกอย่างก็จะไปได้สบายๆค่ะ
(ตัวอย่างคุณหมอที่บ้าน กำลังสนุก ในการไปเป็นผู้บรรยาย ณ สมาคมแห่งหนึ่ง ต้องเขียนเอกสารให้ด้วย เขาก็สนุกอย่างเหลือเกิน ชีวิต ไม่มีคำว่า เหงา)
ตอนนี้ พี่เอง กำลังมีอารมณ์ อยากจะพาหลานไปเลี้ยงอาหาร ไปให้ของเล่นเด็กๆ ตามที่ต่างๆ สัก2-3แห่งในวันเสาร์ 21-06-2551 -ที่จะถึงนี้ ฝึกให้เป็นเด็กใจดี โอบอ้อมอารีค่ะ
วันพิเศษอะไรหรือเปล่าครับ
อิๆๆๆ ก็เป็นวันที่หลานอายุครบ 2 ขวบค่ะ จริงๆคือวันที่ 16 มิ.ย.นี้ แต่เขาพากันไปหัวหิน ไปกินเลี้ยงกับเด็กๆวัยเดียวกัน อีกหลายๆคนที่นั่น เลยยังไม่ได้พาไปทำบุญ
ต้องพาไปแน่ๆ หลายๆแห่งด้วย เรื่องการทำความดี ทำบุญ นี่เรื่องจริง แล้วบุญจะหล่อเลี้ยงชีวิตเราค่ะ
พี่เชื่อ ในเรื่อง กรรมวิบาก ปกติ กำลังของกุศล อยู่เหนือกำลัง ของอกุศล ถ้าเราทำบุญและบาป ประมาณเดียวกัน หรือก้ำกึ่งกัน กำลังบุญ จะชิงให้ผลก่อน หรือไปตัดทอนกำลังของบาป ไม้ให้ผลชัดเจน
เรื่องนี้ พี่มี การพิสูจน์มานักต่อนัก ....
การมีส่วนร่วมสร้างพระประธานองค์งาม หรือมีจิตอนุโมทนากับผู้สร้างอย่างแท้จริง ก็จะให้ผลได้อย่างมากมายนะคะ อย่างที่คุณConductorทำมาแล้วน่ะค่ะ
ดีครับจะได้ระมักระวังปากตัวเองเพิ่มขึ้น อิอิ
ถูกใจมากค่ะ ขอบคุณค่ะ
แวะวเยนมาเสริมปัญญาครับ
อย่างนี้ อาจจะเป็น framework ที่ใช้สื่อสารให้ได้ประโยชน์ครับ
แอบย่องมาคาราวะท่าน Conductor
สบายดีนะครับท่าน ไม่ได้แวะมานานคงไม่ว่าอะไรนะครับ ................ ขอให้แข็งแรง สดชื่น แจ่มใส เป็นหลักยึดของเด็กๆ
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับพี่เหลียง ใช้พิจารณาหลักธรรมดีไหมครับ ยึดข้อเขียน+ยึดตัวคนแล้ว ปวดหัว เวียนเฮด ยึดไว้แล้ว ติดแหงกไม่ก้าวหน้าซะที :)
นั่นนะสิครับ
ผมก็ว่างั้น แต่จะฉีกแนวไปมากๆกลัวคนเขาจะไม่รับ กลัวคนเขาว่าเราบ้าไปแล้ว จะเล่นการเมืองหนักๆ จะทะเล้นๆหน่อย ไร้สาระบ้าง ก็ไม่กล้านัก
คือกลัวไปจนตัวเองก็ลีบไปหมด เออแล้วกลัวไปซ้ำกับคนอื่นอีก
อิอิ..........ขอบ่นนิดหน่อยนะครับ คลายเครียดครับ