ย้อนอดีต.....วันวาน


บทอาขยาน

สวัสดีค่ะชาวG2k ทุกท่าน  หายไปนานมากเลย เนื่องจากภาระกิจยุ่งมาก ๆ   เมื่อวานกลับไปถึงบ้านเห็นพ่อบ้านเอาบทอาขยาน ซึ่ง print มาจาก internet   เพื่อเอาไว้ท่องให้ลูก ๆ ฟัง เพื่อฝึกให้ลูกได้ฟังจะได้พูดภาษาไทยให้ชัดเจน  พอเห็นเอกสารก็ทำให้นึกย้อนอดีต... สมัยยังเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา  ซึ่งก่อนจะกลับบ้าน เพื่อน ๆ ทุกคนในห้องจะต้องนั่งโต๊ะพร้อมกัน แล้วก็แข่งกันตะเบ็งเสียงให้ดังในการท่องบทอาขยาน แข่งกับห้องอื่น ๆ ซึ่งฝากั้นด้วยกระดานดำหนึ่งแผ่นเท่านั้นเอง ใครที่อายุขึ้นเลข 4 แล้วคงพอจะยังจำได้กันนะค่ะ  ถ้าจำไม่ได้ลองมาอ่านกันหน่อยมั้ยค่ะ เผื่อพอจะรำลึกได้บ้าง............

    MANu         MANu         MANu


ชั้นประถมปีที่ 1

๏ ๏ เด็กน้อย ๏ ๏
(ร้องลำฝรั่งรำเท้า)

เด็กเอ๋ย เด็กน้อย
ความรู้ เรายังด้อย เร่งศึกษา
เมื่อเติบใหญ่ เราจะได้ มีวิชา
เป็นเครื่องหา เลี้ยงชีพ สำหรับตน
ได้ประโยชน์ หลายสถาน เพราะการเรียน
จงพากเพียร ไปเถิด จะเกิดผล
ถึงลำบาก ตรากตรำ ก็จำทน
เกิดเป็นคน
ควรหมั่น ขยันเอย.
.....
      อบ..อ๊บ 
ชั้น ประถมปีที่ ๒

๏ ๏ นกเอี้ยงเลี้ยงควายเฒ่า ๏ ๏
(ร้องลำแขกไซ)
หลวงวิจิตรวาทการ - แต่ง
นกเอ๋ย นกเอี้ยง
คนเข้าใจ ว่าเจ้าเลี้ยง ซึ่งควายเฒ่า
แต่นกเอี้ยง นั้นเลี่ยง ทำงานเบา
แม้อาหาร ก็ไปเอา บนหลังควาย
เปรียบเหมือนคน ทำตน เป็นกาฝาก
รู้มาก เอาเปรียบ คนทั้งหลาย
หนีงานหนัก คอยสมัคร งานสบาย
จึงน่าอาย เพราะเอาเยี่ยง นกเอี้ยงเอย.......

  ...


ชั้น ประถมปีที่ ๓


๏ ๏ สัตว์สวยป่างาม ๏ ๏
จาก - มูลบทบรรพกิจ -
ของ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย)

เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดิน.......เหมือนอย่างนางเชิญ
พระแสงสำอางข้างเคียง
เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง...........เริงร้องซ้องเสียง
สำเนียงน่าฟังวังเวง
กลางไพรไก่ขันบรรเลง............ฟังเสียงเพียงเพลง
ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง
ยูงทองร้องกระโต้งโห่งดัง.......เพียงฆ้องกลองระฆัง
แตรสังข์กังสดารขานเสียง
กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง........พญาลอคลอเคียง
แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง
ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง...........เพลินฟังวังเวง
อีเก้งเริงร้องลองเชิง
ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิง..........ค่างแข็งแรงเริง
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง
ป่าสูงยูงยางช้างโขลง...........อึงคะนึงผึงโผง
โยงกันเล่นน้ำคล่ำไป

๏ ๏ นิติสารสาธก ๏ ๏
ของ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย)

อย่าเกียจคร้านการเรียนเร่งอุตส่าห์
มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน
จะตกถิ่งฐานใดคงไม่แคลน
ถึงคับแค้นก็พอยังประทังตน
อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว
แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล
อาจจะชักเชิดชูฟูสกนธ์
ถึงคนจนพงศ์ไพร่คงได้ดี
เกิดเป็นชายชาวสยามตามวิสัย
หนังสือก็ไม่รู้ดูบัดสี
ต้องอับอายขายหน้าทั้งตาปี
ถึงผู้ดีก็คงด้อยถอยตระกูล
จะต่ำเตี้ยเสียชื่อว่าโฉดช้า
จะชักพายศลาภให้สาบสูญ
ทั้งขายหน้าญาติวงศ์พงศ์ประยูร
จะเพิ่มพูนติฉินคำนินทา
หนึ่งหนังสือหรือตำรับฉบับบท
เป็นของล้วนควรจดจำศึกษา
บิดาปู่สู้เสาะสะสมมา
หวังให้บุตรนัดดาได้ร่ำเรียน
จะได้ทราบบาปบุญทั้งคุณโทษ
ปะบุตรโฉดต่ำช้าก็พาเหียร
ไม่สมหวังดังบิดาปู่ตาเพียร
เป็นจำเนียรแพลงพลัดกระจัดกระจาย


๏ ๏ จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ๏ ๏

จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าว ขอแกง
ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า
ขอช้าง ขอม้า ให้น้องข้าขี่
ขอเก้าอี้ ให้น้องข้านั่ง
ขอเตียงตั้ง ให้น้องข้านอน
ขอละคร ให้น้องข้าดู
ขอยายชู เลี้ยงน้องข้าเถิด
ขอยายเกิด เลี้ยงตัวข้าเอง
ไอติมยิ้มได้ไอติมยิ้มได้
 ชั้นประถมปีที่ ๔

๏ ๏ สยามานุสติ ๏ ๏
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖

๏ ใครรานใครรุกด้าว...............แดนไทย
ไทยรบจนสุดใจ.......................ขาดดิ้น
เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล................ยอมสละ สิ้นแล
เสียชีพไป่เสียสิ้น......................ชื่อก้องเกียรติงาม
๏ หากสยามยังอยู่ยั้ง.................ยืนยง
เราก็เหมือนอยู่คง......................ชีพด้วย
หากสยามพินาศลง....................ไทยอยู่ ได้ฤๅ
เราก็เหมือนมอดม้วย..................หมดสิ้นสกุลไทย


๏ ๏ โมกขศักดิ์ ๏ ๏
จากเรื่อง รามเกียรติ์
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑

บัดนั้น............................................พระยาพิเภกยักษี
เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี................อสุรีกราบลงกับบาทา
ทูลว่าพระลักษณ์สุริยวงศ์.................ยังไม่ปลงชีวังสังขาร์
อันโมกขศักดิ์อสุรา.................พรหมาประสิทธิ์ประสาทไว้
ทรงอานุภาพฤทธิรุทร.................ต้องใครจะฉุดนั้นไม่ไหว
แต่มียาคู่หอกชัย..............................ให้ไว้สำหรับแก้กัน
แม้นละไว้จนรุ่งราตรี..................ต้องแสงพระระวีจะอาสัญ
ขอให้ลูกพระพายเทวัญ.............ไปห้ามพระสุริยันในชั้นฟ้า
อย่าเพ่อรีบรถบทจร..........................ข้ามยุคนธรภูผา
แล้วให้ไปเก็บตรีชวา........................ทั้งยาชื่อสังขรณี
ยังเขาสรรพยาบรรพต.....................ปรากฏอยู่ยอดคีรีศรี
กับปัญจมหานที...........................สรรพยาทั้งนี้มาให้ทัน
แม้นว่าได้บดชโลมลง..................องค์พระอนุชาไม่อาสัญ
จะดำรงคงชีพชีวัน.......................หอกนั้นก็จะหลุดขึ้นมา

    419
ชั้น ประถมปีที่ ๕

สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน
ไม่เหมือนแม้นพจมานที่หวานหอม
กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพยอม
อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม
แม้นล้อลามหยามหยาบไม่ปลาบปลื้ม
ไม่ดูดดื่มบรเพ็ดต้องเข็ดขม
ผู้ดีไพร่ไม่ประกอบชอบอารมณ์
ใครฟังลมเมินหน้าระอาเอย...........


๏ ๏พวกเราชาวไทย๏ ๏

จากเรื่อง พระร่วง

พวกเราชาวไทยล้วนใจเด็ด
กล้าเหมือนเพชรไม่ยอมใครง่ายง่าย
กล้าเหมือนเพชรไม่ยอมใครง่ายง่าย
ถึงจะมีไพรีมามากมาย
ก็ต่อสู้จนตายไม่อินัง
ก็ต่อสู้จนตายไม่อินัง


ถึงเมียสาวลูกอ่อนนอนผ้าอ้อม
ชายก็ยอมทิ้งได้ไม่เหลียวหลัง
ชายก็ยอมทิ้งได้ไม่เหลียวหลัง
แม้ไม่ทิ้งหญิงคงส่งเสียงดัง
และดันหลังไล่ออกนอกเรือนชาน
และดันหลังไล่ออกนอกเรือนชาน


เพราะทั้งแม่ทั้งเมียล้วนเลิศไซร้
ผู้ชายไทยใจจึ่งล้วนกล้าหาญ
ผู้ชายไทยใจจึ่งล้วนกล้าหาญ
ไม่ห่วงแม่ห่วงเมียจนเสียการ
มีแก่ใจไปราญรบไพรี
มีแก่ใจไปราญรบไพรี


ถึงจะรักลูกและรักผัว
ไม่ยอมให้ชายมั่วอยู่สูสี
ไม่ยอมให้ชายมั่วอยู่สูสี
ยุให้ไปยุทธนารบราวี
และต่อตีเข้มขันป้องกันเมือง


ชั้น ประถมปีที่ ๖


๏ ๏ วิชาเหมือนสินค้า ๏ ๏

วิชาเหมือนสินค้า อันมีค่าอยู่เมืองไกล
ต้องยากลำบากไป จึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้า เป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธา แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ
นิ้วเป็นสายระยาง สองเท้าต่างสมอใหญ่
ปากเป็นนายงานไป อัชฌาศัยเป็นเสบียง
สติเป็นหางเสือ ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง
ถือไว้อย่าให้เอียง แล่นเลาะเลี่ยงข้ามคงคา
ปัญญาเป็นกล้องแก้ว ส่องดูแถวแนวหินผา
เจ้าจงเอาหูตา เป็นล้าต้าฟังดูลม
** ขี้เกียจคือปลาร้าย จะทำลายให้เรือจม
เอาใจเป็นปืนคม ยิงระดมให้จมไป**
จึงจะได้สินค้ามา คือวิชาอันพิศมัย
จงหมั่นมั่นหมายใจ อย่าได้คร้านการวิชา.....


๏ ๏ บทไหว้ครู ปฐม ก กา ๏ ๏

• นะโมข้าจะไหว้ วระไตรระตะนา
ใส่ไว้ในเกษา วระบาทะมุนี
• คุณะวระไตร ข้าใส่ไว้ในเกษี
เดชะพระมุนี ขออย่ามีที่โทษา
• ข้าขอยอชุลี ใส่เกษีไหว้บาทา
พระเจ้าผู้กรุณา อยู่เกษาอย่ามีไภย
• ข้าไหว้พระสะธรรม ที่ลึกล้ำคำภีร์ใน
ได้ดูรู้เข้าใจ ขออย่าได้มีโรคา
• ข้าไหว้พระภิกษุ ที่ได้ลุแก่โสดา
ไหว้พระสกิทาคา อะระหาธิบดี
• ข้าไหว้พระบิดา ไหว้บาทาพระชะนะนี
ไหว้พระอาจารีย์ ใส่เกษีไหว้บาทา
• ข้าไหว้พระครูเจ้า ครูผู้เฒ่าใส่เกษา
ให้รู้ที่วิชา ไหว้บาทาที่พระครู
• จะใคร่รู้ที่วิชา ขอเทวามาค้ำชู
ที่ใดข้าไม่รู้ เล่าว่าดูรู้แลนา
• ไชยโยขอเดชะ ชัยชะนะแก่มารา
ระบือให้ลือชา เดชะสามาไชยโย
• ไชยโยขอเดชะ ชัยชนะแก่โลโภ
• กุมาระกุมารี ตะรุณีย์ที่เยาว์ไว
จะฬ่อพอเข้าใจ ให้รู้จำคำวาที
• ว่าไว้ใน ก กา ก ข ขา อา อิ อี
ว่าไว้ในเท่านี้ ที่พอได้ใน ก กา
• แต่พอให้รู้เล่า ที่ผู้เขลาเยาวะพา
ได้ดูรู้แลนา กุมาราตะรุณี
• จะใคร่ได้รู้ธำม์ ที่ลึกล้ำจำไว้ดี
ได้แน่แต่เท่านี้ ดีจำเอาเบาใจครู
• จะว่าแต่ฬ่อๆ ว่าแต่พอฬ่อใจดู
ว่าไว้ได้พอรู้ ดูว่าเล่าเอาใจใส่

จากหนังสือปถม ก กา หัดอ่าน
หนังสือเรียนสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
(ขอบพระคุณ คุณสุคุณ ที่กรุณาแก้ไขและเพิ่มเติมข้อมูล ๑๖ กรกฎ ๔๗)



๏ ๏ พระอภัยมณี ๏ ๏
- สุนทรภู่ -

พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม
จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข
อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป
ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช
จตุบาทกลางป่าพนาสิน
แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน
ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ
อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา
ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญา
จะนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟังแล้ว

หยิบปี่ที่ท่านอาจารย์ให้
เข้าพิงพฤกษาไทรดังใจหวัง
พระเป่าเปิดนิ้วเอกวิเวกดัง
สำเนียงวังเวงแว่วแจ้วจับใจ
ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย
ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย
จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย
พระจันทรจรสว่างกลางโพยม
ไม่เทียบโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย
ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน
เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงวะแว่วเสียง
สำเนียงเพียงการเวกกังวาลหวาน
หวาดประหวัดสตรีฤดีดาล
ให้ซาบซ่านเสียวสะดับจนหลับไป
ศรีสุวรรณนั้นนั่งอยู่ข้างพี่
ฟังเสียงปี่วาบวับก็หลับไหล
พระแกล้งเป่าแปลงเพลงวังเวงใจ
เป็นความบวงสรวงพระไทรที่เนินทรายฯ



๏ ๏ นรางกุโรวาทคำกลอน ๏ ๏
(ตอนปรารถนาดีต่อแดนเกิด)

เราเกิดมา หน้าที่ อารีสมาน
ใจเพื่อนบ้าน เพื่อนนิคม สนมสนิท
บ้านแลแขวง ตำแหน่งตน ทุกคนคิด
ช่วยให้เดิน เจริญผิด กว่าเคยมา
คอยหวังดี ถ้าแม้นมี โอกาสไฉน
ควรจะให้ แขวงนั้น สุขหรรษา
ทำไม่ไหว ให้ถวิล จินตนา
จะช่วยเหลือ เกื้อกว่า จะหมดแรง
********


เมืองไทยใหญ่อุดม
ดินดีสมเป็นนาสวน
เพื่อนรักเราชักชวน
ร่วมช่วยกันมุ่งหมั่นทำ
วิชาต้องหาไว้
เป็นหลักได้ใช้ช่วยนำ
ให้รู้ลู่ทางจำ
ค้นคว้าไปให้มากมี
ช่วยกันอย่างขันแข็ง
ด้วยลำแข้งและแรงกาย
ทำไปไม่เสียดาย
แม้อาบเหงื่อเมื่อทำงาน
ดั่งนี้มั่งมีแท้
ร่มเย็นแน่หาไหนปาน
โลกเขาคงเล่าขาน
ถิ่นไทยนี้ดีงามเอย

    dimon

ที่มา จาก Mthai.com

คำสำคัญ (Tags): #kmobec#kmska2#songkhla2#แมงมุม
หมายเลขบันทึก: 187849เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2008 12:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2012 13:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ชอบมากชอบที่สุด นึกถึงอดีต ที่สวยงาม มีความสุขที่ได้อ่าน

  • บางบท ไม่เคยได้ยินเลยค่ะ
  • อ่านแล้วเพลินดีค่ะ

โอ้โห้..คุณน้องritta..ขา
คุณพี่ประทับใจมากกกกคะ
เลยต้องรีบCopyไว้ทันทีเลย
นี่แหล๊ะ...ที่อยากได้
เอ้า..เอาไว้สอนหลาน ไง้
เด็กสมัยนี้...เค้าหาอ่านไม่ค่อยได้แล้ว
เราต้องช่วย...เค้า...เอ๊ะ..แล้วเค้า
จะอยากได้รึเปล่านะ
p'กา เองคะ

สวัสดีจ๊ะ

บทของพี่ท่านที่ได้หามาสุดยอดมาก ๆ บางบทหนูไม่เคยได้ยินเลย(สงสัยยังเด็ก ๆ อยู่ ตามไม่ทันสมัยพี่ท่าน) เป็นบทกลอนที่มีคุณค่ามากคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท