วันนี้เป็นวันที่สามของการเรียน รีบออกมาจากนครปฐมตั้งแต่บ่ายสามครึ่ง วันนี้เลยถึงคณะนิติไวหน่อย ประมาณ 5 โมงกว่า ๆ ไม่สายเหมือนวันก่อน วิชาที่เรียนคือวิชากฎหมายลักษณะหนี้ : หลักทั่วไป ได้ข่าวจากรุ่นพี่ว่าวิชา(หนี้)นี้ยาก แต่ยังไงใส่หัวใจนักเรียนแล้วก็คงต้องสู้ ใช่ไหมครับ ยากแค่ไหน มีคนอื่นเขาเรียนผ่านเราก็น่าจะผ่านได้นะ
อาจารย์ผู้บรรยายประจำวิชานี้ คือ ท่านอาจารย์ รศ.ดร.ดาราพร ถิระวัฒน์ ครับ และเนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของวิชานี้และเป็นวันแรกที่ท่านอาจารย์ได้พบกับลูกศิษย์รุ่น 51 ท่านจึงไม่เข้าสู่เนื้อหามาก แต่เป็นการเกริ่น ๆ และทำความรู้จัก ทำความเข้าใจเบื้องต้นกับวิชานี้เท่านั้น
เท่าที่เก็บสาระสำคัญในส่วนที่เป็นสาระของวิชาได้นั้น พอจะมีประเด็นดังนี้ครับ (หากขาดตกไปตรงไหน เพื่อน ๆ หรือผู้รู้ช่วยเติมแต่งด้วยน่ะครับ) เอาเป็นว่าสรุปเชิงถามตอบเหมือนเคยก็แล้วน่ะครับ
กฎหมายลักษณะหนี้มีความสำคัญมากน้อยเพียงใดในปัจจุบันนี้ ? ตอบ ในทางการศึกษากฎหมาย เมื่อเรียนรู้กฎหมายลักษณะนิติกรรมและสัญญาแล้ว มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ผลสืบเนื่องจากนิติกรรมและสัญญาต่อ ผลสืบเนื่องที่ว่านั้นก็คือ เรื่อง “หนี้” เพราะนิติกรรมสัญญาเป็นบ่อเกิดที่สำคัญของหนี้ ท่านอาจารย์เปรียบเทียบว่า “วิชานิติกรรมและสัญญาเหมือนการสร้างห้องห้องหนึ่ง ซึ่งผู้สร้างจะต้องเข้าใจเรื่องวิธีการสร้าง ขั้นตอนการสร้าง โครงสร้างหรือองค์ประกอบต่าง ๆ จนกระทั่งสร้างห้องเสร็จ วิชากฎหมายลักษณะหนี้จะไม่สนใจรายละเอียดเหล่านั้น แต่จะรับช่วงต่อ คือ มาศึกษาการอยู่ การใช้ การรักษาห้องต่อไป เป็นเรื่องสิทธิและหน้าที่ที่ผู้อยู่ในห้องนั้นจะต้องกระทำ ต้องดูแลเอาใจใส่เมื่อมีการสร้างห้องมาแล้ว วิชาลักษณะแห่งหนี้จึงเป็นวิชาที่ต้องเรียนสืบเนื่องจากนิติกรรมและสัญญา”
นอกจากนี้ พบว่าในหลักเรื่องหนี้นั้น ถ้าสาวความเป็นมาก็มีมาตั้ง 2,000 กว่าปี คือ ตั้งแต่สมัยโรมัน มีการเขียนไว้นานมาก แต่ยังใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แม้โดยรายละเอียดจะต่างกัน แต่หลักการสำคัญก็ยังคงเดิม กฎหมายเรื่องหนี้เป็นหลักเกณฑ์ที่ว่าด้วยความถูก ความผิด ความดี ความชั่ว มีเหตุผลในตัวของมันเอง แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป หลักการนี้ก็ยังคงอยู่
ที่สำคัญในปัจจุบันนั้น พบว่า สัญญาในเอกเทศสัญญาบรรพ 3 มีชื่อสัญญาประเภทต่าง ๆ ที่มีบทบัญญัติ จำนวน 23 ชื่อเท่านั้น แต่ในทางธุรกิจปัจจุบันมีมากกว่านี้เยอะ ที่มีชื่อต่างจากชื่อสัญญาตามบทบัญญัติทางกฎหมาย (เช่น สัญญาแชร์เปียหวย) ปัญหาจึงมีอยู่ว่าเวลาเกิดเรื่องใครจะรับผิดชอบ จะเอากฎหมายอะไรมาว่า สัญญาบางอย่างก็เขียนไว้ไม่หมด สิ่งที่จะเอามาใช้แก้ปัญหาก็คือ กฎหมายลักษณะหนี้ : หลักทั่วไปนี้แหล่ะ กฎหมายลักษณะหนี้จึงมีความสำคัญมากในปัจจุบัน....ท่านอาจารย์ยังย้ำอีกว่า หนี้หลักทั่วไปนี้ใช้เป็นฐานของมูลหนี้ทุกเรื่องได้ ในปัจจุบันนี้ ป.พ.พ. ตั้งแต่มาตรา 194-353 ซึ่งเป็นเรื่องหนี้จึงใช้มากกว่าอดีตมากทีเดียว
หนี้คืออะไร ? ตอบ ท่านอาจารย์ได้เสนอคำจำกัดความไว้ว่า “ความสัมพันธ์ทางกฎหมายระหว่างบุคคลฝ่ายหนึ่ง (ลูกหนี้) ที่จะต้องกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง (เจ้าหนี้)” คำว่า “หนี้” จึงเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ในทางกฎหมายระหว่างบุคคลสองฝ่าย กล่าวคือ ความสัมพันธ์อันนั้นมีกฎหมายรองรับอยู่ ซึ่งความสัมพันธ์บางอย่างนั้น ไม่มีกฎหมายรองรับ เช่น การบอกรักกัน ไม่มีกฎหมายรองรับ หรือ คนจะทำดีบุญกุศล ถึงแม้จะเป็นเรื่องความถูกต้องดีงามที่ศาสนาต่าง ๆ ก็ส่งเสริม แต่ก็ไม่มีกฎหมายไหนเขียนไว้ว่า คนในรัฐต้องทำบุญ อย่างนี้เรียกว่า ไม่มีกฎหมายรองรับ แต่ว่าเรื่องหนี้มีกฎหมายรองรับ มีความเกี่ยวข้องกับเรื่อง “สิทธิ” และ “หน้าที่” ดังในมาตรา 194 และ 213 บ่งชัดเรื่องหน้าที่ของลูกหนี้ที่จะต้องชำระหนี้ และสิทธิของเจ้าหนี้ที่จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับชำระหนี้ กรณีที่ลูกหนี้ไม่ทำตามสัญญา เป็นต้น
ในชีวิตประจำวันคุณเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ ? ตอบ แม้เราจะไม่ต้องการเป็น “เจ้าหนี้” หรือ “ลูกหนี้” แต่โดยความเป็นจริงตามหลักการทางกฎหมาย เราเป็นทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ทุกวัน ดังเช่นในสัญญาซื้อขาย เมื่อเราตกลงซื้อสินค้าอย่างใดอย่างหนึ่ง ในฐานะผู้ซื้อเราเป็น “เจ้าหนี้” มีสิทธิที่จะได้รับสินค้า(ทรัพย์) จากผู้ขายซึ่งอยู่ในฐานะ “ลูกหนี้” ที่มีหน้าที่จะต้องส่งมอบสินค้า(ทรัพย์)ให้เรา ในทางกลับกันในฐานะเป็นผู้ซื้อ เราก็ยังเป็น “ลูกหนี้” มีหน้าที่จะต้องชำระราคาแก่ผู้ขาย ซึ่งเป็น “เจ้าหนี้” มีสิทธิที่จะได้รับเงิน(การชำระราคา) จะเห็นได้ว่า ในชีวิตประจำวันนั้นเราเป็นได้และได้เป็นทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ อย่างนี้นี่เอง
ดูตัวบทกฎหมายประกอบ ม.461 (เรื่องการส่งมอบทรัพย์สิน) ม.453 (เรื่องการโอนกรรมสิทธิ์) และ ม.486-487 (เรื่องการชำระราคา)
องค์ประกอบสำคัญแห่งหนี้คืออะไร ? ตอบ ท่านอาจารย์อธิบายว่า องค์ประกอบสำคัญแห่งหนี้นั้นมี 3 ประการ ได้แก่
1) ลูกหนี้
2) วัตถุแห่งหนี้
3) เจ้าหนี้
ในบรรดา 3 ประการนี้ ข้อ 1 และ 2 สำคัญที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่จะต้องรู้และต้องมีแน่เวลามีมูลหนี้เกิดขึ้น จะบอกลอย ๆ ว่า “จะมีการชำระเงินเกิดขึ้น “ โดยไม่มีลูกหนี้และวัตถุแห่งหนี้ไม่ได้เลย ใครเป็นลูกหนี้ หรือใครมีหน้าที่จะต้องทำและทำอะไร เพราะฉะนั้น ลูกหนี้จะต้องมีเสมอเมื่อหนี้เกิด และวัตถุแห่งหนี้ก็ต้องมีด้วย “วัตถุแห่งหนี้” คือ ความผูกพันที่จะต้องทำการชำระสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือคำตอบที่ว่าลูกหนี้จะต้องทำอะไรนั่นเอง
ทั้งนี้ เจ้าหนี้นั้น โดยปกติก็ต้องมีด้วย แต่บางกรณีเจ้าหนี้ไม่มีก็ได้ อาจเกิดคำถามว่า ลูกหนี้จะไปชำระให้ใครในเมื่อไม่มีเจ้าหนี้ ความหมายก็คือ มีบางกรณีที่ในขณะที่หนี้เกิดขึ้นนั้น อาจจะยังไม่ยังไม่แน่นอนว่าคือใคร เช่นกรณีเรื่องตั๋วเงิน ซึ่งจะต้องชำระหนี้ตามคำสั่ง คือ ต้องรอคำสั่งว่าผู้ที่ถือตั๋วเงินอยู่จะต้องไปชำระเงินกับใคร (ชำระหนี้ตามเขาสั่ง) เพราะฉะนั้นในขณะนี้เจ้าหนี้ยังไม่มีและลูกหนี้ก็ไม่รู้ว่าจะชำระหนี้กับใคร
วัตถุแห่งหนี้คืออะไร ? ตอบ หลายคนมักเข้าใจว่า”วัตถุ” หมายถึง สิ่งมีรูปร่าง ตามความหมายในพจนานุกรม แต่ในทางกฎหมายหาเป็นเช่นนั้นไม่ วัตถุแห่งหนี้ (subject of obligation) หมายถึง ตัวเนื้อหาของการชำระหนี้ กล่าวคือ ลูกหนี้มีหน้าที่ชำระหนี้ จะต้องทำอะไร ซึ่งมี 3 ประการ ได้แก่
1) กระทำการ เช่น การทำตามสัญญาจ้างแรงงาน เช่น โรงงานประกอบเครื่องยนต์ มีสัญญาจ้างงานลูกจ้างมาทำหน้าที่ประกอบเครื่องยนต์ ลูกจ้างต้องกระทำการตามสัญญาซึ่งอาจจะด้วยแรงกายหรือสติปัญญาก็ตาม ในฝ่ายโรงงานก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำตามสัญญา เช่น การชำระค่าจ้างเป็นต้น
2) งดเว้นกระทำการ ในมาตรา 194 วางหลักไว้เกี่ยวกับการงดเว้นกระทำการว่า ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้ด้วยการงดเว้นกระทำการอันใดอันหนึ่งก็ได้ เช่น ข้อตกลงห้ามแข่งขันทางการค้าหรือกรณีห้ามนักร้องที่สังกัดค่ายเพลงคู่สัญญา ไปร้องเพลงกับค่ายอื่น เป็นต้น อย่างนี้เรียกว่า “งดเว้นกระทำการ” คือ อยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรก็เป็นการชำระหนี้ได้
3) ส่งมอบทรัพย์สิน เช่น กรณีที่ผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินตามสัญญา
ข้อสังเกต เวลาเราพูดถึงเรื่องหนี้กระทำการ ย่อมเป็นเรื่องทางกาย สติปัญญาความสามารถ ส่วนประเด็นนี้เป็นเรื่องของการเคลื่อนที่ของตัวทรัพย์ การส่งทรัพย์ ต่างจากการกระทำทางกายภาพและอาจจะต่างกันที่อาจจะมีการบังคับการไม่เหมือนกัน เห็นได้ชัดในมาตรา 213 เนื่องจากเรื่องการส่งมอบทรัพย์ ศาลสั่งบังคับให้ลูกหนี้ชะรำหนี้ให้เจ้าหนี้ได้เสมอ แต่กรณีที่ลูกจ้างเบี้ยวงาน จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับให้ลูกหนี้ทำงานไม่ได้และไม่มี อย่างดีก็แค่ไล่ออก เพราะการกระทำนั้นอยู่ในสภาพแห่งหนี้ที่ไม่เปิดช่อง แต่ถ้าจะแปลงเป็นค่าเสียหายก็ได้ (ม. 213)
มาแล้วๆ กำลังรออยู่เลยค่ะ
ลองเอาไฟล์มาให้แพรโหลดขึ้นที่เวปอีเลินนิ่ง
เลือกวิชาสรุปกฏหมาย อยู่ในคณะนิติศาสตร์
แพรเปิดวิชานี้เพื่อรวบรวมชีทสรุปและแนวข้อสอบของการเรียนกฏหมาย
ทุกวิชา ของคณะนิติศาสตร์ ภาคบัณฑิตนะคะ
ว่างๆลองเข้าไปดูนะคะ
การเรียน แล้วนำมาเขียน สรุป บันทึก จำแม่นนักแล
น้องๆ ที่มีโอกาส เรียนกฎหมายในวันนี้ ควรใช้สิทธิที่จะตักตวงความรู้ให้ช่ำชอง เชี่ยวชาญ รับเอาความรู้และเก็บเอาไปครุ่นคิดให้แตกฉานให้มากที่สุด วิชานี้ เป็นวิชาที่สำคัญ ต่อจากวิชานิติกรรมและสัญญา อันเป็นบ่อเกิดแห่งหนี้และผลแห่งหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้เงินหรือหนี้งาน ใครที่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ หรือลูกหนี้ ต้องรู้สิทธิและหน้าที่ซึ่งกันและกัน ใครที่เป็นเจ้าหนี้ก็อาจจะเป็นลูกหนี้ในเวลาเดียวกันด้วย เรียนเข้าไปเถอะน้อง พี่ๆ ผ่านชีวิตแบบนี้มาแล้ว ดีว่า ได้พยายามที่จะผ่านวิชานี้ไปให้ได้ เรียนอย่างเข้าใจ แล้วจะตอบคำถามทุกรูปแบบได้ แล้วนำไปใช้แก้ปัญหาได้ดีอีกด้วย...แต่พวกพี่ๆ มีมติที่เรียนรู้สาขากฎหมายมหาชน เลยอยู่อีกซีกหนึ่งที่อยู่คนละเขตอำนาจศาล...
ถ้า ม.ราชภัฏนครปฐม ไม่ได้แยกสาขา ก็เรียนกันไปจนสำเร็จหลักสูตร น.บ. และถ้าหากสนใจเรียนทางด้านกฎหมายมหาชน ซึ่งในอนาคตจะต้องการบัณฑิตด้านนี้อย่างมาก ก็มีหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตทางกฎหมายมหาชน เรียน 1 ปี เพื่อเสริมให้มีบุคลากรที่ปฏิบัติงานได้จริง โดยไม่ต้องรอเรียนในสาขากฎหมายมหาชน ระดับชั้นปริญญาโท ที่เน้นทฤษฎี สนใจก็เข้าไปศึกษาในPub-Law10TU แลกเปลี่ยนกันได้ เพราะพี่ๆ รุ่นนี้ 80 ชีวิต ประกอบด้วยผู้มีประสบการณ์ทางกฎหมายมาค่อนชีวิต อาจจะพอให้คำแนะนำได้บ้าง นะจ๊ะ
ขอบคุณพี่ Public Law10 TU น่ะครับที่ให้กำลังใจและคำแนะนำ
ขอบคุณครับ
สามารถดูประมวลกฏหมายแพ่งและกฏหมายอาญาได้
ประกอบกับสรุปแต่ละวิชาที่เว็บอ้างอิง นะคะ
เมื่อไรจะมีวิชาแพ่งทั่วไปบ้างค่ะ
ขอบคุณครับคุณวรกมล ที่สอบถามมา
ทำให้วันนี้ต้องจัดการให้มีให้ได้
เพราะมีข้อเท็จจริงว่า มีผู้ต้องการติดตาม
จะพยายามสรุปมานำเสนอน่ะครับ
ขอบคุณครับ
เมื่อวันที่ 2 กรกฏาคม 2551 ไม่ได้มาเรียนเนื่องจากไม่สบาย ไม่ได้เรียนกฏหมายหนี้ ถามเพื่อนๆก็บอกว่าไม่ค่อยเข้าใจ อยากให้คุณญาณภัทร ช่วยสรุปหนี้เมื่อวันที่ 2 ได้ไหมค่ะ
้เจ้าหนี้มีกี่ประเภทครับอะไรบ้าง