Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

พระศากยมุนีพุทธเจ้า : บทที่ 9 การเสด็จดับขันธปรินิพพาน


เอวมฺเม สุตํ : ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้

            พระศากยมุนีทรงสอนธรรมะตลอดระยะเวลา 49 ปี (เถรวาท คือ 45 ปี) เกินกว่า 300 กลุ่มชน  เมื่อพระองค์จะทรงยุติการเสด็จออกแสดงสัทธรรมปุณฑริกสูตร  นิพพานสูตร  พุทธาวตังสกสูตรและกษิติครรภสูตร รวมทั้งพระสูตรอื่น ๆ พระองค์ได้ทรงประกาศว่า พระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน  จากนั้นพระองค์จึงเสด็จประทับ ณ เมืองกุสินารา สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่ทรงโปรดพระสุภัททะผู้เป็นสาวกองค์สุดท้าย  ณ ตอนนี้ในเวลานั้น เหล่าพระสาวกต่างโศกสะอื้น  พระโพธิสัตว์ทั้งหลายต่างหลั่งน้ำตา  เหล่าพระอรหันต์ต่างปลงธรรมสังเวช  ภิกษุทั้งมวลพร้อมทั้งประชาชาทั่วไปต่างร้องไห้อย่างหนักโดยทั่วกัน  น้ำตาไหลหลั่งออกมาหลากล้น  ทุก ๆ คนอยู่ในความสูญเสีย  ธรรมะทั้งหลายที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นดุจน้ำนมซึ่งหล่อเลี้ยงชีวิตทุกคน ณ ที่นั่น  แม้จะเพิ่งร่วมดื่มน้ำนมแห่งธรรมะทั้งหลายมาไม่นาน  มวลสมาชิกแห่งมหาสมาคมต่างก็พบว่าเป็นการยากมากที่จะบอกรับคำประกาศนั้น 

            พระอานนท์ร้องไห้หนักมากที่สุดเพราะท่านได้ประสบกับสิ่งที่ยากที่จะยอมรับความเป็นจริงได้ว่าหลังจากนี้ไป พระพุทธเจ้าจะทรงจากทุกคนไป   จะเห็นได้ว่าแม้ท่านอานนท์มหาเถระก็กลับเป็นเช่นสามัญชนและมีความรู้สึก(เสียใจ) ข้อนี้เป็นจุดอ่อนของมวลมนุษย์ทั้งหลาย  พระอนิรุทธะ(เถรวาท คือ พระอนุรุทธะ) พิจารณาทางใน โดยใช้ตาทิพย์และหูทิพย์ของท่าน จนเห็นว่าทุกคนต่างร้องห่มร้องไห้จนน้ำตาหลากล้น ท่านจึงเข้าไปหาแล้วนำท่านพระอานนท์ออกมาอยู่อีกด้านหนึ่งและถามว่า ทำไมท่านถึงต้องร้องไห้เป็นการใหญ่ล่ะ?

            พระอานนท์คร่ำครวญดังลั่นว่า พระพุทธเจ้ากำลังจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน  พวกเราจะไม่ได้เห็นพระองค์อีกแล้ว

            อย่าร้องไห้เลยท่าน  ท่านยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมากมาย ท่านอนิรุทธะกล่าว โปรดสำรวมใจของท่านเสียเถิด

            พระอานนท์จึงเอ่ยถามว่า สิ่งสำคัญอะไรกันหรือท่าน?  พระพุทธเจ้ากำลังจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน  ยังมีอะไรเหลือที่จะทำอีกหรือ?

            พระอนิรุทธะตอบว่า มีคำถามอยู่ 4 ข้อที่ท่านควรกราบทูลถามพระพุทธเจ้า

            พระอานนท์จึงถามว่า คำถาม 4 ข้อ มีอะไรบ้างหรือท่าน?

            ท่านพระอนิรุทธะจึงชี้แจงว่า คำถามข้อแรก  เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว  พระสูตรทั้งหลายควรมีการรวบรวม  พวกเราควรใช้คำใดเพื่อเริ่มต้นพระสูตรทั้งหลาย?  คือ ควรใช้คำใดเป็นแนวทาง?

            เป็นคำถามที่ดีมากทีเดียวท่าน  พระอานนท์กล่าว แล้วคำถามข้อที่สองคือว่าอย่างไรหรือ?

            พระอนิรุทธะ  คำถามข้อที่สองคือ เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ในโลก  พวกเราได้อยู่ร่วมกับพระพุทธเจ้า   แต่หลังจากที่พระองค์ทรงลาลับไป  หลังจากพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไป  พวกเราควรอาศัยอยู่ที่ไหน ? 

                พระอานนท์  เป็นข้อที่สำคัญมากเช่นกัน  เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ในโลก  เหล่าพุทธสาวกจำนวน 1255  องค์อาศัยอยู่ร่วมกับพระองค์   บัดนี้พระองค์กำลังเสด็จจากไปจากหมู่สงฆ์  พวกเราจะอาศัยอยู่กัน ณ ที่ใด? กระผมจะต้องถามพระองค์ถึงข้อนี้  พระอานนท์กล่าวต่อว่า คำถามต่อไปล่ะท่าน คือเรื่องอะไร?

            พระอนิรุทธะ คำถามข้อที่สามคือ เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ในโลก  พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาของพวกเรา  บัดนี้พระองค์กำลังจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน  ใครเล่าควรได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสดาของพวกเรา?  พวกเราจักเลือกใครสักท่านหนึ่งจากหมู่คณะเพื่อเป็นผู้นำคณะสงฆ์   พวกเราไม่สามารถปกครองดูแลกันโดยปราศจากผู้นำ(ศาสดา)

            พระอานนท์ คำถามข้อที่สี่ละครับท่าน คือเรื่องอะไร?

            พระอนิรุทธะ คำถามข้อที่สี่นี้สำคัญอย่างยิ่งยวดทีเดียว  เมื่อพระพุทธเจ้าทรงมีพระชนม์อยู่ในโลก  พระองค์ลงฝึกฝน(ลงโทษ) ภิกษุทั้งหลายผู้มีปกติเลวทราม   หลังจากพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไป  ใครควรทำหน้าที่ฝึกฝน(ลงโทษ)ภิกษุผู้มีปกติเลวทรามเหล่านี้ได้

            หลังจากสนทนากันนั้น  พระอานนท์รีบเดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าถึงที่ประทับทันที เพื่อกราบทูลถามพระองค์ถึงคำถามเหล่านี้   พระพุทธเจ้าทรงประทับเข้าสมาธิอยู่  เมื่อพระอานนท์เข้ามายังที่ประทับของพระองค์จึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณต่อโลก  ข้าพระองค์มีคำถามสำคัญบางประการซึ่งข้าพองค์มีความจำเป็นที่จะได้รับคำแนะนำจากพระองค์   พระองค์จะทรงตอบในบัดนี้ได้หรือไม่พระเจ้าข้า?

            พระพุทธเจ้าทรงทราบความประสงค์ของท่านพระอานนท์(พุทธอนุชา)ที่จะถามพระองค์ จึงตรัสว่า เชิญเถิด  คำถามของท่านคืออะไรล่ะ?

            อันที่จริง คำถามเหล่านี้มิใช่เป็นคำถามเฉพาะของข้าพระองค์หรอกพระเจ้าข้า   คำถามเหล่านี้เป็นคำถามเกี่ยวข้องกับพุทธธรรมโดยตรง  เป็นคำถามซึ่งทุกๆ คนในหมู่สงฆ์ต้องเผชิญ  ข้าพระองค์ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยตัวเองได้  เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จึงมาเข้าเผ้าพระองค์เพื่อแสวงหาคำชี้นำอันประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์  ข้าพระองค์ได้สดับพระสูตรมามากมายและทราบสดับวิธีเข้าถึงมหาปัญญา  แต่บัดนี้เมื่อได้ประสบกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน  ข้าพระองค์อยู่ในสภาพสูญเสีย(เศร้าโศก)  ขอพระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์ด้วย

            พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ตกลง  กล่าวมาเถิด

            พระอานนท์  คำถามข้อแรกของข้าพระองค์คือ  หลังจากการปรินิพพานของพระองค์  พวกข้าพระองค์ประสงค์ที่จะสังคายนาพระสูตรต่าง ๆ  พวกข้าพระองค์ควรใช้คำใดเพื่อเริ่มต้นพระสูตรอันเป็นการแสดงว่าพระสูตรเหล่านี้เป็นพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า?

            พระพุทธเจ้าตรัสว่า ใช้คำเหล่านี้น่ะ ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ (บาลีว่า เอวมฺเม สุตํ)

            โอ ถ้าเช่นนั้นไม่ยากเลยพระเจ้าข้า พระอานนท์กราบทูล คำถามข้อที่สองคือ  สถานที่ซึ่งพวกข้าพระองค์ควรอยู่อาศัยเป็นสถานที่ไหนพระเจ้าข้า?  มีสถานที่มากมายสำหรับพวกข้าพระองค์ แต่พวกข้าพระองค์จะเลือกสถานที่เหล่านั้นอย่างไร?  สถานที่ไหนที่พวกข้าพระองค์จะอยู่อาศัย?

            พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า ไม่ยากหรอกอานนท์  พวกท่านควรอาศัยอยู่ด้วยธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสติ  4  ประการ 

ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสติ  4  ประการ (สติปัฏฐาน 4)

1.      การพิจารณาไตร่ตรองถึงร่างกายว่าเป็นของไม่สะอาดบริสุทธิ์

2.      การพิจารณาไตร่ตรองถึงเวทนาทั้งหลายว่าเป็นทุกข์

3.      การพิจารณาไตร่ตรองถึงจิต(ความคิดทั้งหลาย)ว่าเป็นของไม่เที่ยง(อนิจจัง)

4.      การพิจารณาไตร่ตรองถึงธรรมทั้งหลายว่าไม่มีตัวตน(อนัตตา)

 

1. การพิจารณาไตร่ตรองร่างกายว่าเป็นของไม่สะอาด  คือ  ถ้าคุณรู้ว่าร่างกายเป็นของไม่สะอาด ไม่สวยไม่งาม  คุณอาจจะไม่หลงติดมัน คุณจะไม่หมกมุ่นวุ่นใจใช้เวลามากมายไปกับการบำรุงร่างกาย  เมื่อปราศจากความรัก ความยึดติดในร่างกายก็จะไม่มีอุปาทาน(ความยึดมั่นถือมั่น) เมื่อไม่มีอุปาทานเกิดขึ้น  บุคคลก็สามารถเป็นอิสระ(ทางจิต)ได้

 

2. การพิจารณาไตร่ตรองเวทนา (ความรู้สึก) ทั้งหลายว่าเป็นทุกข์ คือ เวทนาทุกรูปแบบเป็นที่ตั้งแห่งความทุกข์  ทั้งความความชอบใจหรือตรงข้ามกัน  เป็นเหตุปัจจัยของกันและกัน

 

3. การพิจารณาไตร่ตรองจิต(ความคิด)ว่าเป็นของไม่เที่ยง  คือ ความคิดทั้งหลายมีความเกิดขึ้นและดับสลายเป็นธรรมดา ดังนั้นจึงเป็นของไม่เที่ยง   ความคิดที่เป็นอดีตก็ผ่านไปแล้ว  ความคิดปัจจุบันก็จะกลายเป็นอดีตไป  ปัจจุบันเป็นสิ่งที่กำลังเป็น ความคิดในอนาคตก็ยังไม่เกิดขึ้น  เพราะฉะนั้น ความคิดเหล่านั้นจึงไม่ใช่ของที่คงมั่น  กระบวนการแห่งความคิดแต่ละครั้ง เกิดขึ้นสมบูรณ์แล้วก็ย่อมเป็นความคิดที่ดับสลายไป

 

4. การพิจารณาไตร่ตรองถึงธรรมทั้งหลายว่าไม่มีตัวตน(เป็นอนัตตา) คือ  ตัวตนเป็นเพียงองค์ประกอบของธาตุทั้งสี่  และขันธ์  5  ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ในรูปแบบของธรรมะ(ธรรมชาติ)  ซึ่งโดยพื้นฐานที่แท้แล้วแม้ธรรมะก็ไม่มี  ดังนั้น  ตัวตนที่แท้จริงจักมีแต่ที่ไหน? (นี่เป็นพระดำรัสของพระพุทธเจ้า)

 

พระอานนท์กราบทูลต่อว่า พระองค์ทรงเป็นพระศาสดาของพวกข้าพระองค์  แต่เมื่อพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว  ใครจักเป็นศาสดาของพวกข้าพเจ้าแทนพระองค์? จะเป็นภิกษุผู้มีพรรษามากที่สุดหรือ ?  พระมหากัสสปเถระ เป็นผู้มีพรรษามากที่สุด หรือจะเป็นบางท่านที่มีพรรษาปานกลาง ?  อาจจะเป็นอัชญาตะโกณฑิณยะ ถ้าหากเป็นผู้ที่มีพรรษาน้อยที่สุด  อาจหมายถึงข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์หนุ่มที่สุด  แต่ข้าพระองค์ไม่สามารถที่จะเป็นหัวหน้าได้  ข้าพระองค์ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้พระเจ้าข้า

            พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า เธอไม่จำเป็นต้องแสวงหาผู้ที่จะเป็นศาสดา(หัวหน้าหรอก) ไม่ควรทั้งท่านอัชญาตะโกณฑิณยะหรือท่านกัสสปะ จงยกพระปาฏิโมกข์ (พระธรรมวินัย) เป็นครูและเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย  ยกพระธรรมเป็นหัวหน้าของเธอทั้งหลายเถิด เมื่อใดก็ตามที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งออกจากเรือน  เขาจะต้องรับสาวกศีล  โพธิสัตวศีล  และศีลของภิกษุ ศีลเหล่านี้จักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย 

            พระอานนท์  บัดนี้  พวกข้าพระองค์มีพระศาสดาของพวกข้าพระองค์  แต่ในระหว่างพวกข้าพระองค์นี้  มักมีภิกษุผู้มีปกติเลวทรามอยู่ด้วย  เมื่อพระองค์ทรงประทับอยู่กับพวกข้าพระองค์ด้วย  พระองค์ทรงดำเนินการกับภิกษุเหล่านั้น   เมื่อพระองค์ลาลับไป  พวกข้าพระองค์ควรกระทำเช่นใดกัน? นี่คือคำถามสุดท้าย

            พระพุทธเจ้า โอ  เป็นสิ่งที่ไม่ยากเลย  ง่ายที่สุด คือ ไม่ต้องสนใจพวกเขา   ในที่สุดแล้วพวกเขาก็จะจากไป  

            สรุปว่า  ย่อมเป็นความจำเป็นว่า บุคคลควรสร้างสรรค์ความคิดซึ่งส่งเสริมความไม่มีตัวตน  ควรจดจำไว้ว่า  สรรพชีวิตล้วนมีปัญญาและลักษณะทางคุณธรรมของพระตถาคตอยู่ในตัว  แต่การที่บุคคลไม่สามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านั้นได้  เนื่องจากมิจฉาทิฏฐิและอุปาทานนั่นเอง   เพราะฉะนั้น  สิ่งสำคัญก็คือ บุคคลจะต้องถ่ายถอนและต้องทำให้ได้ เพื่อจัดการกับความคิดที่ไม่ส่งเสริมในการเข้าถึงความเป็นพระพุทธเจ้า(พุทธภาวะ)

           

ประโยชน์ของการปฏิบัติกรรมฐาน

http://gotoknow.org/blog/bhuddabutr/257968

 

บุญรักษา  ธรรมคุ้มครองนะคะ

 

 เพื่อนๆ สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมในแง่มุมต่างๆ ได้จากที่นี่ค่ะ

 

บวชที่วัดป่าเจริญราช

http://gotoknow.org/blog/makingmeditation

 

ปฎิบัติธรรม ณ ยุวพุทธิกสมาคมฯ

http://gotoknow.org/blog/gotoybat

 

ตามรอยพระอารยะวังโส

http://gotoknow.org/blog/arayawangso

 

ค่ายพุทธบุตร

http://gotoknow.org/blog/bhuddabutr

 

เรื่องเล่าในหนังสือธรรมะ

http://gotoknow.org/blog/storydhamma

 

Good Project

http://gotoknow.org/blog/goodproject

หมายเลขบันทึก: 184522เขียนเมื่อ 26 พฤษภาคม 2008 10:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 21:19 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับ

ขอชื่นชม ที่ได้เยี่ยมครับ

และอนุโมทนาด้วยครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

ขอบคุณค่ะ

บุญรักษา ธรรมคุ้มครองนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท