พระศากยมุนีทรงสอนธรรมะตลอดระยะเวลา 49 ปี (เถรวาท คือ 45 ปี) เกินกว่า 300 กลุ่มชน เมื่อพระองค์จะทรงยุติการเสด็จออกแสดงสัทธรรมปุณฑริกสูตร นิพพานสูตร พุทธาวตังสกสูตรและกษิติครรภสูตร รวมทั้งพระสูตรอื่น ๆ พระองค์ได้ทรงประกาศว่า พระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน จากนั้นพระองค์จึงเสด็จประทับ ณ เมืองกุสินารา สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่ทรงโปรดพระสุภัททะผู้เป็นสาวกองค์สุดท้าย ณ ตอนนี้ในเวลานั้น เหล่าพระสาวกต่างโศกสะอื้น พระโพธิสัตว์ทั้งหลายต่างหลั่งน้ำตา เหล่าพระอรหันต์ต่างปลงธรรมสังเวช ภิกษุทั้งมวลพร้อมทั้งประชาชาทั่วไปต่างร้องไห้อย่างหนักโดยทั่วกัน น้ำตาไหลหลั่งออกมาหลากล้น ทุก ๆ คนอยู่ในความสูญเสีย ธรรมะทั้งหลายที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นดุจน้ำนมซึ่งหล่อเลี้ยงชีวิตทุกคน ณ ที่นั่น แม้จะเพิ่งร่วมดื่มน้ำนมแห่งธรรมะทั้งหลายมาไม่นาน มวลสมาชิกแห่งมหาสมาคมต่างก็พบว่าเป็นการยากมากที่จะบอกรับคำประกาศนั้น
พระอานนท์ร้องไห้หนักมากที่สุดเพราะท่านได้ประสบกับสิ่งที่ยากที่จะยอมรับความเป็นจริงได้ว่าหลังจากนี้ไป พระพุทธเจ้าจะทรงจากทุกคนไป จะเห็นได้ว่าแม้ท่านอานนท์มหาเถระก็กลับเป็นเช่นสามัญชนและมีความรู้สึก(เสียใจ) ข้อนี้เป็นจุดอ่อนของมวลมนุษย์ทั้งหลาย พระอนิรุทธะ(เถรวาท คือ พระอนุรุทธะ) พิจารณาทางใน โดยใช้ตาทิพย์และหูทิพย์ของท่าน จนเห็นว่าทุกคนต่างร้องห่มร้องไห้จนน้ำตาหลากล้น ท่านจึงเข้าไปหาแล้วนำท่านพระอานนท์ออกมาอยู่อีกด้านหนึ่งและถามว่า “ทำไมท่านถึงต้องร้องไห้เป็นการใหญ่ล่ะ?”
พระอานนท์คร่ำครวญดังลั่นว่า “พระพุทธเจ้ากำลังจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พวกเราจะไม่ได้เห็นพระองค์อีกแล้ว”
“อย่าร้องไห้เลยท่าน ท่านยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมากมาย” ท่านอนิรุทธะกล่าว “โปรดสำรวมใจของท่านเสียเถิด”
พระอานนท์จึงเอ่ยถามว่า “สิ่งสำคัญอะไรกันหรือท่าน? พระพุทธเจ้ากำลังจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ยังมีอะไรเหลือที่จะทำอีกหรือ?”
พระอนิรุทธะตอบว่า “มีคำถามอยู่ 4 ข้อที่ท่านควรกราบทูลถามพระพุทธเจ้า”
พระอานนท์จึงถามว่า “คำถาม 4 ข้อ มีอะไรบ้างหรือท่าน?”
ท่านพระอนิรุทธะจึงชี้แจงว่า “คำถามข้อแรก เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว พระสูตรทั้งหลายควรมีการรวบรวม พวกเราควรใช้คำใดเพื่อเริ่มต้นพระสูตรทั้งหลาย? คือ ควรใช้คำใดเป็นแนวทาง?”
“เป็นคำถามที่ดีมากทีเดียวท่าน” พระอานนท์กล่าว “แล้วคำถามข้อที่สองคือว่าอย่างไรหรือ?”
พระอนิรุทธะ “คำถามข้อที่สองคือ เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ในโลก พวกเราได้อยู่ร่วมกับพระพุทธเจ้า แต่หลังจากที่พระองค์ทรงลาลับไป หลังจากพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไป พวกเราควรอาศัยอยู่ที่ไหน ?”
พระอานนท์ “เป็นข้อที่สำคัญมากเช่นกัน เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ในโลก เหล่าพุทธสาวกจำนวน 1255 องค์อาศัยอยู่ร่วมกับพระองค์ บัดนี้พระองค์กำลังเสด็จจากไปจากหมู่สงฆ์ พวกเราจะอาศัยอยู่กัน ณ ที่ใด? กระผมจะต้องถามพระองค์ถึงข้อนี้” พระอานนท์กล่าวต่อว่า “คำถามต่อไปล่ะท่าน คือเรื่องอะไร?”
พระอนิรุทธะ “คำถามข้อที่สามคือ เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ในโลก พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาของพวกเรา บัดนี้พระองค์กำลังจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ใครเล่าควรได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสดาของพวกเรา? พวกเราจักเลือกใครสักท่านหนึ่งจากหมู่คณะเพื่อเป็นผู้นำคณะสงฆ์ พวกเราไม่สามารถปกครองดูแลกันโดยปราศจากผู้นำ(ศาสดา)”
พระอานนท์ “คำถามข้อที่สี่ละครับท่าน คือเรื่องอะไร?”
พระอนิรุทธะ “คำถามข้อที่สี่นี้สำคัญอย่างยิ่งยวดทีเดียว เมื่อพระพุทธเจ้าทรงมีพระชนม์อยู่ในโลก พระองค์ลงฝึกฝน(ลงโทษ) ภิกษุทั้งหลายผู้มีปกติเลวทราม หลังจากพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไป ใครควรทำหน้าที่ฝึกฝน(ลงโทษ)ภิกษุผู้มีปกติเลวทรามเหล่านี้ได้”
หลังจากสนทนากันนั้น พระอานนท์รีบเดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าถึงที่ประทับทันที เพื่อกราบทูลถามพระองค์ถึงคำถามเหล่านี้ พระพุทธเจ้าทรงประทับเข้าสมาธิอยู่ เมื่อพระอานนท์เข้ามายังที่ประทับของพระองค์จึงกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณต่อโลก ข้าพระองค์มีคำถามสำคัญบางประการซึ่งข้าพองค์มีความจำเป็นที่จะได้รับคำแนะนำจากพระองค์ พระองค์จะทรงตอบในบัดนี้ได้หรือไม่พระเจ้าข้า?”
พระพุทธเจ้าทรงทราบความประสงค์ของท่านพระอานนท์(พุทธอนุชา)ที่จะถามพระองค์ จึงตรัสว่า “เชิญเถิด คำถามของท่านคืออะไรล่ะ?”
“อันที่จริง คำถามเหล่านี้มิใช่เป็นคำถามเฉพาะของข้าพระองค์หรอกพระเจ้าข้า คำถามเหล่านี้เป็นคำถามเกี่ยวข้องกับพุทธธรรมโดยตรง เป็นคำถามซึ่งทุกๆ คนในหมู่สงฆ์ต้องเผชิญ ข้าพระองค์ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยตัวเองได้ เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จึงมาเข้าเผ้าพระองค์เพื่อแสวงหาคำชี้นำอันประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ ข้าพระองค์ได้สดับพระสูตรมามากมายและทราบสดับวิธีเข้าถึงมหาปัญญา แต่บัดนี้เมื่อได้ประสบกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ข้าพระองค์อยู่ในสภาพสูญเสีย(เศร้าโศก) ขอพระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์ด้วย”
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ตกลง กล่าวมาเถิด”
พระอานนท์ คำถามข้อแรกของข้าพระองค์คือ หลังจากการปรินิพพานของพระองค์ พวกข้าพระองค์ประสงค์ที่จะสังคายนาพระสูตรต่าง ๆ พวกข้าพระองค์ควรใช้คำใดเพื่อเริ่มต้นพระสูตรอันเป็นการแสดงว่าพระสูตรเหล่านี้เป็นพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า?”
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ใช้คำเหล่านี้น่ะ “ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้” (บาลีว่า เอวมฺเม สุตํ)
“โอ ถ้าเช่นนั้นไม่ยากเลยพระเจ้าข้า” พระอานนท์กราบทูล “คำถามข้อที่สองคือ สถานที่ซึ่งพวกข้าพระองค์ควรอยู่อาศัยเป็นสถานที่ไหนพระเจ้าข้า? มีสถานที่มากมายสำหรับพวกข้าพระองค์ แต่พวกข้าพระองค์จะเลือกสถานที่เหล่านั้นอย่างไร? สถานที่ไหนที่พวกข้าพระองค์จะอยู่อาศัย?”
พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า “ ไม่ยากหรอกอานนท์ พวกท่านควรอาศัยอยู่ด้วยธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสติ 4 ประการ”
ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสติ 4 ประการ (สติปัฏฐาน 4)
1. การพิจารณาไตร่ตรองถึงร่างกายว่าเป็นของไม่สะอาดบริสุทธิ์
2. การพิจารณาไตร่ตรองถึงเวทนาทั้งหลายว่าเป็นทุกข์
3. การพิจารณาไตร่ตรองถึงจิต(ความคิดทั้งหลาย)ว่าเป็นของไม่เที่ยง(อนิจจัง)
4. การพิจารณาไตร่ตรองถึงธรรมทั้งหลายว่าไม่มีตัวตน(อนัตตา)
1. การพิจารณาไตร่ตรองร่างกายว่าเป็นของไม่สะอาด คือ ถ้าคุณรู้ว่าร่างกายเป็นของไม่สะอาด ไม่สวยไม่งาม คุณอาจจะไม่หลงติดมัน คุณจะไม่หมกมุ่นวุ่นใจใช้เวลามากมายไปกับการบำรุงร่างกาย เมื่อปราศจากความรัก ความยึดติดในร่างกายก็จะไม่มีอุปาทาน(ความยึดมั่นถือมั่น) เมื่อไม่มีอุปาทานเกิดขึ้น บุคคลก็สามารถเป็นอิสระ(ทางจิต)ได้
2. การพิจารณาไตร่ตรองเวทนา (ความรู้สึก) ทั้งหลายว่าเป็นทุกข์ คือ เวทนาทุกรูปแบบเป็นที่ตั้งแห่งความทุกข์ ทั้งความความชอบใจหรือตรงข้ามกัน เป็นเหตุปัจจัยของกันและกัน
3. การพิจารณาไตร่ตรองจิต(ความคิด)ว่าเป็นของไม่เที่ยง คือ ความคิดทั้งหลายมีความเกิดขึ้นและดับสลายเป็นธรรมดา ดังนั้นจึงเป็นของไม่เที่ยง ความคิดที่เป็นอดีตก็ผ่านไปแล้ว ความคิดปัจจุบันก็จะกลายเป็นอดีตไป ปัจจุบันเป็นสิ่งที่กำลังเป็น ความคิดในอนาคตก็ยังไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ความคิดเหล่านั้นจึงไม่ใช่ของที่คงมั่น กระบวนการแห่งความคิดแต่ละครั้ง เกิดขึ้นสมบูรณ์แล้วก็ย่อมเป็นความคิดที่ดับสลายไป
4. การพิจารณาไตร่ตรองถึงธรรมทั้งหลายว่าไม่มีตัวตน(เป็นอนัตตา) คือ ตัวตนเป็นเพียงองค์ประกอบของธาตุทั้งสี่ และขันธ์ 5 ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ในรูปแบบของธรรมะ(ธรรมชาติ) ซึ่งโดยพื้นฐานที่แท้แล้วแม้ธรรมะก็ไม่มี ดังนั้น ตัวตนที่แท้จริงจักมีแต่ที่ไหน? (นี่เป็นพระดำรัสของพระพุทธเจ้า)
พระอานนท์กราบทูลต่อว่า “พระองค์ทรงเป็นพระศาสดาของพวกข้าพระองค์ แต่เมื่อพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ใครจักเป็นศาสดาของพวกข้าพเจ้าแทนพระองค์? จะเป็นภิกษุผู้มีพรรษามากที่สุดหรือ ? พระมหากัสสปเถระ เป็นผู้มีพรรษามากที่สุด หรือจะเป็นบางท่านที่มีพรรษาปานกลาง ? อาจจะเป็นอัชญาตะโกณฑิณยะ ถ้าหากเป็นผู้ที่มีพรรษาน้อยที่สุด อาจหมายถึงข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์หนุ่มที่สุด แต่ข้าพระองค์ไม่สามารถที่จะเป็นหัวหน้าได้ ข้าพระองค์ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้พระเจ้าข้า”
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “เธอไม่จำเป็นต้องแสวงหาผู้ที่จะเป็นศาสดา(หัวหน้าหรอก) ไม่ควรทั้งท่านอัชญาตะโกณฑิณยะหรือท่านกัสสปะ จงยกพระปาฏิโมกข์ (พระธรรมวินัย) เป็นครูและเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย ยกพระธรรมเป็นหัวหน้าของเธอทั้งหลายเถิด เมื่อใดก็ตามที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งออกจากเรือน เขาจะต้องรับสาวกศีล โพธิสัตวศีล และศีลของภิกษุ ศีลเหล่านี้จักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย”
พระอานนท์ “บัดนี้ พวกข้าพระองค์มีพระศาสดาของพวกข้าพระองค์ แต่ในระหว่างพวกข้าพระองค์นี้ มักมีภิกษุผู้มีปกติเลวทรามอยู่ด้วย เมื่อพระองค์ทรงประทับอยู่กับพวกข้าพระองค์ด้วย พระองค์ทรงดำเนินการกับภิกษุเหล่านั้น เมื่อพระองค์ลาลับไป พวกข้าพระองค์ควรกระทำเช่นใดกัน?” นี่คือคำถามสุดท้าย
พระพุทธเจ้า “โอ เป็นสิ่งที่ไม่ยากเลย ง่ายที่สุด คือ ไม่ต้องสนใจพวกเขา ในที่สุดแล้วพวกเขาก็จะจากไป”
สรุปว่า ย่อมเป็นความจำเป็นว่า บุคคลควรสร้างสรรค์ความคิดซึ่งส่งเสริมความไม่มีตัวตน ควรจดจำไว้ว่า สรรพชีวิตล้วนมีปัญญาและลักษณะทางคุณธรรมของพระตถาคตอยู่ในตัว แต่การที่บุคคลไม่สามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านั้นได้ เนื่องจากมิจฉาทิฏฐิและอุปาทานนั่นเอง เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญก็คือ บุคคลจะต้องถ่ายถอนและต้องทำให้ได้ เพื่อจัดการกับความคิดที่ไม่ส่งเสริมในการเข้าถึงความเป็นพระพุทธเจ้า(พุทธภาวะ)
ประโยชน์ของการปฏิบัติกรรมฐาน http://gotoknow.org/blog/bhuddabutr/257968
บุญรักษา ธรรมคุ้มครองนะคะ
เพื่อนๆ สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมในแง่มุมต่างๆ ได้จากที่นี่ค่ะ
บวชที่วัดป่าเจริญราช
http://gotoknow.org/blog/makingmeditation
ปฎิบัติธรรม ณ ยุวพุทธิกสมาคมฯ
http://gotoknow.org/blog/gotoybat
ตามรอยพระอารยะวังโส
http://gotoknow.org/blog/arayawangso
ค่ายพุทธบุตร
http://gotoknow.org/blog/bhuddabutr
เรื่องเล่าในหนังสือธรรมะ
http://gotoknow.org/blog/storydhamma
Good Project
สวัสดีครับ
ขอชื่นชม ที่ได้เยี่ยมครับ
และอนุโมทนาด้วยครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
ขอบคุณค่ะ
บุญรักษา ธรรมคุ้มครองนะคะ