คุณและคนที่คุณรักมีลักษณะดังนี้หรือไม่
· ผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี
· ผู้ที่กินอาหารรสเค็ม
· กินผักผลไม้น้อย
· ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
· ใช้ชีวิตแบบนั่งๆนอนๆ ไม่ออกกำลังกาย
· ผู้ที่มีความเครียดเรื้อรัง คนอ้วน
ถ้าอยู่ในกลุ่มดังกล่าว แสดงว่ามีความเสี่ยงที่จะมีภาวะความดันโลหิตสูง ควรได้รับการวัดความดันโลหิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ถ้าความดันโลหิตที่วัดได้ สูงกว่าระดับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท แสดงว่าท่านมี ภาวะความดันโลหิตสูง และควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากภาวะเสี่ยงดังกล่าว
ในส่วนของประเทศไทย ผลสำรวจสุขภาพครั้งล่าสุดในปี 2547 พบประชาชนที่มีอายุ 15 ขึ้นไปที่มีประมาณ 51 ล้านคน มีความดันโลหิตสูงเฉลี่ยร้อยละ 22 หรือมีประมาณ 11 ล้านคน กล่าวได้ว่า พบคนมีความดันโลหิตสูงได้ 1 คนในเกือบทุกๆ 5 คน กลุ่มที่ตรวจพบนี้ร้อยละ 71 ไม่เคยตรวจวัดความดันโลหิตมาก่อน และในผู้ที่เป็นโรคนี้มีการดูแลตัวเอง ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ระดับปกติไม่ถึงร้อยละ 20
โรคนี้หากไม่ได้รับการรักษาหรือควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ จะมีผลทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบลง มีผลร้ายแรงต่ออวัยวะสำคัญคือ ไต หัวใจ สมอง โดยมีโอกาสเสียชีวิตจากหัวใจวาย ถึงร้อยละ 60-75 เนื่องจากหัวใจต้องทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย มีโอกาสเสียชีวิตจากเส้นเลือดสมองแตกหรืออุดตันร้อยละ 20-30 และมีโอกาสเสียชีวิตจากไตวายร้อยละ 5-10 ส่วนคนที่รอดชีวิตจะมีโอกาสเป็นอัมพาตมากกว่าคนที่ความดันโลหิตปกติถึง 5 เท่า เนื่องจากเนื้อสมองตาย โดยมีคนไทยเสียชีวิตจากผลพวงของโรคความดันโลหิตสูงปีละ 48,000 ราย เฉลี่ยชั่วโมงละ 5 ราย และมีคนไทยเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ประมาณ 250,000 คน
วันที่ 17 พ.ค. ทุกปี สมาพันธ์โรคความดันโลหิตสูงโลก กำหนดให้เป็น วันโรคความดันโลหิตสูงโลก
เพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันโรคความดันโลหิตสูงซึ่งได้รับการขนานนามว่า เป็นเพชฌฆาตเงียบ เพราะโรคจะก่อตัวขึ้นทีละน้อย ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เป็นโรคโดยไม่รู้ตัว เมื่อป่วยแล้วไม่มียารักษาหายขาด
วันนี้อยากให้ทุกท่านได้วัดความดัน ป้องกันภัยจากเพฌฆาตเงียบ
"โรคความดันโลหิตสูง"
อย่ามองข้ามความปลอดภัย ให้เวลาเพื่อตัวเองกันสักนิดนะจ๊ะ