ตามที่บอกไว้นะคะว่าจะนำเรื่องเล่าที่ยังไม่ได้เผยแพร่มาลงให้สมาชิกทราบ ส่วนหนึ่งเพื่อช่วยยืนยัน "แก่นความรู้" ที่เราสรุปไปว่าถูกต้องหรือไม่ พยายามจะจัดกลุ่มเรื่องเล่า แต่ตอนนี้ยังมีเรื่องเล่าอยู่ในมือน้อย เลยยังทำไม่ได้ค่ะ
"พบกันคนละครึ่งทาง" เป็นเรื่องเล่าจากโรงพยาบาลระโนด ที่คุณธวัช หมัดเต๊ะ ยกตัวอย่างประกอบการบรรยายในตลาดนัดความรู้การดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ดิฉันฟังแล้วประทับใจ อยากรู้ว่าทำไมผู้ป่วยจึงคิดได้ เขาคิดเองหรือใครบอกให้ทำ บุคลากรที่ดูแลมีบทบาทในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง รบกวนคุณประจวบ รัตนแก้วหรือคุณสุณี เพชรศรี ช่วยตอบด้วยนะคะ
น้าโสภณ เป็นคนไข้เบาหวานของตำบลท่าบอน อ.ระโนด ตอนนี้อายุ ๕๕ ปี เป็นเบาหวานมาแล้วประมาณ ๔ ปี น้าโสภณมีอาชีพเลี้ยงกุ้งเป็นของตัวเอง พร้อมๆ ไปกับเลี้ยงหลาน ๒ คน น้าโสภณเป็นคนรักษาสุขภาพจะเน้นการออกกำลังกาย เพราะรู้ว่าเป็นเบาหวานแล้วต้องคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่จะทำอย่างไรให้เพื่อน (เบาหวานรุ่นน้อง) อีกคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย เนื่องจากมีธุรกิจรัดตัว ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพตัวเองเลย ได้ออกกำลังกายบ้าง
เพื่อนเบาหวานรุ่นน้องของน้าโสภณ มีบ้านอยู่ห่างจากบ้านน้าโสภณประมาณ ๒ กิโลเมตร น้าโสภณเลยชวนเพื่อนเบาหวานรุ่นน้องคนนี้ว่า ต่อไปนี้ทุกวันเวลาประมาณ ๕ โมงเย็น เราจะวิ่งกันคนละ ๑ กิโลเมตร มาเจอกันคนละครึ่งทางแล้วค่อยวิ่งกลับ "ทุกวันนี้ผมและเพื่อนวิ่งมาเจอกันคนละครึ่งทางทุกวัน ทำได้ประมาณ ๑ เดือนแล้ว อนาคตคิดว่าผมและเพื่อนคงจะเป็นคนไข้เบาหวานที่มีสุขภาพดีได้นะครับ"
ตอนนี้น้าโสภณบอกว่าวิ่งได้เพิ่มขึ้นประมาณวันละ ๕ กิโลเมตร วิ่งไปด้วยร้องเพลงไปด้วย มีความสุขมาก
ผู้เล่าเรื่อง คุณประจวบ รัตนแก้ว
พยาบาลวิชาชีพ ๖ โรงพยาบาลระโนด อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา
โทร ๐๗๔-๓๙๒๑๗๔-๖,๐-๑๗๖๗-๒๐๕๖
หรือติดต่อคุณสุณี เพชรศรี โทร ๐๗๔-๓๙๒๑๗๔-๖, ๓๙๒๙๓๒ ต่อ ๑๐๑๑
สมาชิกอ่านแล้วมีคำถามอะไร โปรดถามเข้ามานะคะ
ดิฉันชื่นชมน้าโสภณมากและขอสนับสนุนความคิดของน้าโสภณที่ว่า "เป็นเบาหวานก็มีสุขภาพที่ดีได้"
วัลลา ตันตโยทัย
๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๘
จากประสบการณ์ที่ดิฉันได้รับจากการดูแลคุณพ่อซึ่งป่วยเป็นเบาหวาน ดิฉันคิดว่าการกระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเป็นประจำไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย ปัจจุบันคุณพ่อดิฉันออกกำลังกายวันละชม.ทุกเช้าและเย็น แต่ก็ยังควบคุมเบาหวานได้ไม่ดีนัก เพราะคุมอาหารได้ไม่ดี ประเด็นอยู่ที่ว่าท่านไม่ทราบว่าอะไรคือ "หวาน"
ตัวอย่างเช่น ล่าสุดดิฉันเดินทางกลับไปเยี่ยมคุณพ่อ แล้วเห็นท่านทานมังคุด ดิฉันก็ห้ามไม่ให้กิน แต่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่กลับพร้อมใจกันบอกว่า "ไม่หวาน มันออกเปรี้ยวต่างหาก" ดิฉันลองทานดู ก็รู้สึกว่าหวานอมเปรี้ยว แต่รู้สึกได้ว่าหวานนำ เพราะปกติก็เป็นคนไม่กินของหวานอยู่แล้ว
ผลไม้ที่ไม่ค่อยหวาน อย่างเช่น แอปเปิ้ล ท่านก็ไม่ทาน ดิฉันบอกให้เน้นทานผักเป็นหลักแทน เช่น แตงกวา มะเขือเทศ ผักเขียว แทนผลไม้แล้วกัน ท่านก็ค่อยยอมทาน พูดย้ำบ่อยๆ ท่านก็จะหงุดหงิด ความดันก็เลยขึ้น
ดังนั้น ดิฉันจึงอยากบอกว่า เรื่องคุมอาหารเป็นเรื่องที่ยากมากคะ
สวัสดีครับคุณวัลลา
แวะมาทักทายครับ เราเคยพบกันครั้งนึงที่บ้านผู้หว่าน จำได้หรือเปล่าครับ
ได้อ่านเรื่องเล่าของน้าโสภณแล้วรู้สึกประทับใจมากครับ เป็นเรื่องเล่าที่ดีมาก ๆ เลย ถ้ามีโอกาสจะขออนุญาติหยิบยืมไปใช้เวลาบรรยายหรือเขียนตำราเล่มใหม่นะครับ
ขอเป็นกำลังใจให้เขียนบทความดี ๆ อย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ นะครับ จะคอยเป็นผู้ตามอ่านที่ดีครับ
พูนลาภ