บันทึกการดูงาน
(๓) จาก ก.ล.ต. ถึงอัยการ
เก้าโมงเช้า ทุกคนพร้อมที่รถ นักศึกษามีวินัยดีมากต้องขอชมเชย J
ตอนแรกคิดว่า ต้องตามนักศึกษาแน่เลย เด็กจะตื่นลงมาทานอาหารเช้าทันมั้ย จะต้องไล่เคาะทีละห้องหรือเปล่า แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ป้ารู้สึกอายตัวเองว่า เรามองเด็กๆ ในแง่ลบนะนี่ ในความเป็นจริงแล้ว เขามีความรับผิดชอบพอตัวทีเดียว ป้าว่าเขาพร้อมจะเผชิญโลกนอกห้องเรียนในระดับหนึ่งแล้วหละ
จากที่พักแถวๆ ประดิพัทธ์-สะพานควายไปยัง ก.ล.ต.[1] ที่อยู่กลางเมือง (ใกล้ๆ กับสถานทูต USA) ย่านธุรกิจเลย รถติดพอควรเหมือนกัน ที่ ก.ล.ต. เตรียมบรรยายให้ฟัง ๒ ชุด ชุดแรกเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงวิธีปฏิบัติต่างๆ เช่น การแจ้ง ก.ล.ต. เมื่อมีหุ้นถึง ๕% เมื่อไรจึงจะเรียกว่าเป็นการครอบงำกิจการ เป็นต้น ฟังไปฟังมาก็รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับอดีตนักการเมืองยังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ผู้บรรยายไม่ได้ยกกรณีศึกษานะ ท่านก็บรรยายไปตามหลักวิชาและทางปฏิบัตินั่นแหละ ส่วนชุดที่สอง เป็นเรื่องเกี่ยวกับด้านกฎหมาย บังเอิญว่ากฎหมายใหม่[2]เพิ่งออกบังคับใช้พอดี เนื้อหาโดยสรุปของกฎหมายใหม่ก็เพื่อคุ้มครองผู้ที่มาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง เพราะมีผู้ต้องรับผิดชอบค่อนข้างเยอะ ขนาดเลขานุการยังต้องรับผิดชอบเลยนะ คิดดูสิ !! หลังจากจบการบรรยายก็เป็นการซักถาม พร้อมมีของรางวัลล่อใจด้วยนะ เดิมยังคิดว่า นักศึกษาจะกล้าถามหรือเปล่า (คิดในทางลบอีกแล้ว) ไปๆ มาๆ ต้องตัดบท ไม่งั้นจะไปอีกที่นึงไม่ทัน ก็ไม่รู้ว่าถามเพราะสงสัยจริงๆ หรือถามเพราะอยากได้ของรางวัลกันแน่..ฮ่าๆ
ทาง ก.ล.ต. เตรียมอาหารว่างไว้ให้ด้วย แต่ด้วยเวลาที่เรามาค่อนข้างช้า ทำให้ไม่สามารถหม่ำได้อย่างสบายๆ เลยต้องหม่ำไป ฟังไป ซึ่งจะได้ยินเสียงกรอบแกรบของถุงพลาสติกที่ใส่ขนมเป็นระยะในระหว่างการบรรยาย หุ..หุ..
เสร็จจาก ก.ล.ต. เรามุ่งหน้าไปพิพิธภัณฑ์อัยการ[3] ซึ่งอยู่แถวลาดพร้าว-รัชดา เราตัดสินใจไปทานกลางวันที่โรงอาหารของอัยการ แล้วจึงขึ้นไปชมพิพิธภัณฑ์ตามที่นัดไว้ ปรากฏว่า กว่าจะเสร็จภารกิจอาหารกลางวันก็ช้าอีกตามเคย แต่บรรณารักษ์หน้าหวานมาบอกกับพวกเราว่า ไม่เป็นไร ให้ทานกันตามสบาย แต่ถึงไงเราก็ควรต้องรีบอยู่ดี..ใช่มั้ยคะ
เมื่อท้องอิ่ม ทุกคนพร้อม ทางเจ้าหน้าที่จัดการบรรยายสรุปด้วยวีดีทัศน์เพื่อทราบความเป็นมา จากนั้นก็พาเยี่ยมชม และอธิบายสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจในพิพิธภัณฑ์ แต่ก่อนอื่น เราต้องถวายบังคม (ใช้คำถูกหรือเปล่าเนี่ย) พระบรมรูปรัชกาลที่ ๑ ซึ่งชาวอัยการถือว่าพระองค์ท่านเปรียบเสมือนพระบิดาแห่งอัยการไทย[4]
ณ ที่นี้ นักศึกษาตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์ในทางกฎหมายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ของใช้สมัยก่อน หรือสำนวนคดีดังในประวัติศาสตร์ เป็นต้น เสร็จจากห้องพิพิธภัณฑ์ เราแวะไปที่ห้องสมุด มีน้ำหวานและขนมที่ทางทีมงานเตรียมให้พวกเราด้วย งานนี้เลยหม่ำไปอีกหนึ่งอิ่ม อาจารย์บอมปลีกตัวเดินดูหนังสือหนังหา อีกแป๊บนึง เดินกลับมาพร้อมกับวิทยานิพนธ์ของตัวเอง ทำเอาเจ้าหน้าที่และนักศึกษาเป็นงง วิทยานิพนธ์มาอยู่นี่ได้ไง สืบไปสืบมาก็ได้ความว่า อัยการท่านหนึ่งเป็นกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ของอาจารย์บอม และอาจารย์บอมได้ส่งเล่มวิทยานิพนธ์มาให้กับอัยการท่านนั้นนั่นเอง งานนี้ เจ้าหน้าที่เลยขอลายเซ็นอาจารย์บอมเป็นหลักฐานในวิทยานิพนธ์เล่มนั้นซะเลย
วันที่สอง ได้สองที่ก็หมดวันซะแล้ว ไปไหนมาไหนในกรุงเทพฯ นี่ หมดเวลากับการเดินทางจริงๆ เลย เย็นนั้นกลับมาถึงที่พักเกือบๆ ห้าโมงเย็น เด็กๆ ยังไม่ค่อยเหนื่อยนัก และคาดเดาได้ว่า คืนนั้นคงสั่งลากรุงเทพฯ แน่นอน ป้าต๊อกก็สั่งลา เพราะบังเอิ๊ญ..บังเอิญ เพื่อนสองคนนัดเจอกันที่ central world ป้าเลยบอกไปว่า “ชั้นจะไปเจอด้วย”
สำหรับพรุ่งนี้ สูตรเปลี่ยนไปเป็นหกครึ่ง-เจ็ดครึ่ง และแปดครึ่ง เพราะเราต้องเดินทางไกลกว่าทุกวัน..นะจ๊ะ..
ไม่มีความเห็น