Life is so short
ที่ปราชญ์ท่านว่า “ชีวิตนี้น้อยนัก” ท่านมุ่งให้เปรียบชีวิตนี้กับชีวิตในอดีตที่นับชาติไม่ถ้วน และชีวิตในอนาคต ที่จะนับชาติไม่ถ้วนอีกเช่นกัน สำหรับผู้ไม่ยิ่งด้วยปัญญาไม่สามรถพาตนให้พ้นทุกข์สิ้นเชิงได้
ทุกชีวิตก่อนแต่จะได้มาเป็นคนเป็นสัตว์อยู่ในปัจจุบันชาติ ต่างเป็นอะไรต่อมิอะไรมาแล้วมากมาย
แยกออกไม่ได้ว่ามีกรรมดีกรรมชั่วอะไรบ้าง ทำกรรมใดก่อน ทำกรรมใดหลัง ทั้งกรรมดี กรรมชั่วที่ทำไว้ในชาติทั้งหลาย ย่อมมากมายเกินกว่าที่ได้มมากระทำในชาตินี้อย่างประมาณมิได้ และกรรมดีกรรมชั่วทั้งหลาย ย่อมมากมาย เกินกว่าที่ได้มากระทำในชาตินี้ในชีวิตนี้อย่างประมาณมิได้และกรรมดีกรรมชั่วทั้งหลายนั้นย่อมให้ผลตรงตามเหตุทุกประการ แม้ว่าผลจะไม่อาจเกิด ขึ้น พร้อมกันทุกสิ่งทุกอย่าง
และไม่อาจเรียงลำดับตามเหตุที่ได้กระทำแล้วก็ตาม แต่ผลทั้งหลายย่อมเกิดแน่ แม้เหตุได้กระทำแล้ว
เมื่อมีเหตุย่อมมีผล เมื่อทำเหตุย่อมได้รับผลและผลย่อมตรงตามเหตุเสมอ ผู้ใดทำผู้นั้นจักเป็นผู้ได้รับผล เที่ยงแท้แน่นอน
เมื่อใดกำลังมีความสุข ไม่ว่าผู้กำลังมีความสุขนั้นจะเป็นเราหรือเขา เมื่อนั้นพึงรู้ความจริงว่าเหตุดีได้ทำไว้แน่กำลังให้ผล ผู้ทำเหตุดีนั้นกำลงเสวยผลแห่งเหตุนั้นอยู่ แม้ปุถุชนจะไม่สามารถหยั่งรู้ให้เห็นแจ้ง
ได้ว่าทำเหตุดีหรือกรรมดีใดไว้ แต่ก็พึงรู้พึงมั่นใจว่าเหตุแห่งความสุขที่กำลังได้เสวยอยู่เป็นเหตุดีแน่ เห็นกรรมดีแน่ ผลดีเกิดแต่เหตุดีเท่านั้น ผลดีไม่มีเกิดแต่เหตุไม่ดีได้เลย
เมื่อใดกำลังมีความทุกข์ความเดือดร้อน ไม่ว่าผู้กำลังมีความทุกข์ ความเดือดร้อนนั้นจะเป็นเราหรือเป็นเขาเมื่อนั้นพึงรู้ความจริงว่าเหตุไม่ดีที่ทำไว้แน่กำลังให้ผล ผู้ทำเหตุไม่ดีนั้น
ทำไมวันนี้ผมถึงหยิบเอาเรื่อง ชีวิตนี้น้อยนัก มาเกริ่นนำในบันทึกนี้หรือครับ ! มีเหตุครับ ผมจะเล่าให้ฟัง
ผมได้อ่านข่าวเมื่อหลายวันก่อนเกี่ยวกับการคิดสั้นฆ่าตัวตายของผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอ...เรียนจบปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์
และเพิ่งสำเร็จปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ เช่นกัน เรียนได้เกียรตินิยมทั้ง 2 ระดับปริญญา
สมัยเป็นนิสิตเป็นระดับดาวของคณะเศรษฐศาสตร์อีกด้วย ก่อนเสียชีวิตเพิ่งทำงานเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งได้ไม่นาน
เป็นลูกสาวคนเดียวมีฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐี ทำธุรกิจนำเข้า
สาเหตุที่ตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย น่าจะมาจากเรื่องความรัก เนื่องจากเป็นคนจริงจังกับความรักมาก โดยผู้ตายมีแฟนหนุ่มตาดี
ที่ผมหยิบยกเอาเรื่องนี้มาพูดไม่ใช่เพราะอยากจะตอกย้ำ กล่าวหาในเชิงเสียดสีดูหมิ่นใครนะครับ ด้วยความเคารพ แต่ที่ผมมอง ผมมองว่าตอนนี้สังคมเราเกิดอะไรขึ้นครับ ปัญหาของคนเรา ภาวะจิตใจของคนเราแท้จริงแล้วช่างอ่อนแอเหลือเกิน ไม่ว่าคน คนนั้นจะเรียนมาสูงหรือมีความรู้มากมาย เป็นที่ยอมรับทางสังคมทั้งด้วยฐานะที่ดีมีทุกอย่างเพียบพร้อม และที่สำคัญ ยังมีฐานะ "ครูผู้สอนให้คนเป็นคน"
ผมมองว่า แท้จริงแล้วคนเราทุกคนก็มีความเครียด มีปัญหา มีความทุกข์ เหมือนกันหมดแหละครับ แต่จะมีใครสักคนไหมครับที่คอยรับฟังความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ภายในใจของเรา บางคนสิ้นหวังหมดหวัง โดยเฉพาะในเรื่องของความรักแต่เนื่องเหตุต่าง ๆ หลายประการ ประกอบกับความอ่อนแอลงของภาวะทางจิตใจ ทำให้เราบางครั้งอาจตัดสินใจหรือคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ด้วยวิธีที่น่าเศร้าแบบนี้ แล้วเราควรทำอย่างไรครับ?
ซึ่งในเรื่องนี้น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตสังคม กรมสุขภาพจิต และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ออกมาตั้งข้อสังเกต ว่า ปัญหาการฆ่าตัวตายอาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ การฆ่าตัวตายเพราะความรักอาจเป็นเพียงปมเดียว แต่ในบางรายที่ฆ่าตัวตายอาจเกิดจากปัญหาอื่นร่วมด้วย เช่น ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาโรคภัย ปัญหาที่สะสมจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า สำหรับผู้ที่ผิดหวังจากความรักเพียงปัญหาเดียวและคิดฆ่าตัวตายนั้น ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่ผิดหวังจากความรักเพียงอย่างเดียว จะกลับมาอยู่ในสภาพปกติ เนื่องจากการผิดหวังด้านความรักนั้นเป็นปรากฏการณ์ด้านจิตใจเท่านั้น และก็ยังมีผู้ที่ผิดหวังด้านความรักอีกมากที่ไม่ฆ่าตัวตาย เนื่องจากสภาวะจิตใจของคนปกติทั่วไปจะปรับตัวได้ภายใน 1 สัปดาห์ถึง 3 เดือน โดยจะกลับสู่สภาพเดิมแม้ว่าจะยังอกหักอยู่ แต่ในบางรายที่ฆ่าตัวตาย คือ เครียดที่ปรับตัวไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจไม่ถึงขั้นฆ่าตัวตาย แต่พฤติกรรมจะเปลี่ยนเพราะอาจเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า
"คนที่อกหักส่วนใหญ่มักซึมเศร้า หมดอาลัยตายอยาก ไม่อยากทำอะไร ขอให้ฝืนตัวเอง อย่าอยู่คนเดียวหาคนระบายให้ฟัง หากไม่กล้าคุยกับพ่อแม่หรือญาติก็ขอให้เลือกพูดกับเพื่อนสนิท จะทำให้สิ่งที่อัดอั้นตันใจระบายออกมา และจะทำให้หายไปกว่าครึ่ง ซึ่งคนใกล้ชิดควรสังเกตและให้ความร่วมมือด้วย โดยการเป็นผู้รับฟังที่ดี นอกจากนี้ ผู้ที่ผิดหวังในความรักมักโทษตัวเอง มองว่าตัวเองไม่ดี "
ท้ายสุดนี้อยากจะให้ทุกคนมองดูคนรอบข้าง หรือบุคคลที่ใกล้ชิดท่านว่า พวกเขามีปัญหาอะไร หรือเปล่า เข้าไปใกล้ชิด ซักถาม พูดคุย หรือทำอย่างไรก็ได้ให้เขารู้สึกดี ให้เขารู้สึกว่าอย่างน้อยก็มีเพื่อน ที่ให้กำลังใจเขา มีคนที่คอยรับฟังเขาอยู่ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจทำอะไรลงไป.......
ธุอาจารย์ค่ะ..
บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า "การฆ่าตัวตาย" นั้นเป็นการแก้ปัญหาหรือเริ่มต้นปัญหา หัวใจของคนเราทำด้วยก้อนเนื้อนี่เนอะ ไม่ได้ทำมาจากก้อนหิน พอถูกกระทบกระทั่งก็จะ "รู้สึก" มากเป็นพิเศษ หากมีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน แบ่งเบาความรู้สึกเจ็บร้าว จากปัญหาเหล่านี้บ้าง พวกเขาคงไม่เลือกหนทางจบชีวิตตัวเอง
สวัสดีครับ คุณเนปาลี