"ซิ่ง ซ่า ยา เซ็กซ์" ชีวิตเด็กที่ควรเข้าใจ 1


เด็กและวัยรุ่นเป็นตัวก่อปัญหาหรือเหยื่อของสังคม ....เมื่อเราเข้าถึง..เราจึงเข้าใจ

หลายครั้งที่สังคมมักจะตัดสินปัญหาหรือพิพากษาใครซักคนผ่านมุมมองของนักวิชาการและสื่อโดยขาดการมองข้อมูลอย่างรอบด้าน ในการลงพื้นที่ทำงานกับชุมชนมีวงสนทนาเล็ก ๆ แต่ยิ่งวงสนทนาแคบและเล็ก ประกอบกับบรรยากาศของความเป็นมิตรภาพทำให้ยิ่งค้นพบว่าเรากลับพบความคมและลึกของหลากหลายมุมมองของคู่สนทนา เช่นวงสนทนากับรุ่นน้องคนหนึ่งที่ทำงานด้านการปราบปรามยาเสพติด (ปปส.)เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนเอง ปปส.จะทำงานอย่างโดด ๆ ทำงานเชิงเดี่ยวเน้นการปราบปรามอย่างเดียว แต่เมื่อระยะเวลาผ่านมามีการสรุปบทเรียนการทำงานในหลายๆ เวทีที่ผู้เกี่ยวข้องเองเห็นว่ากระบวนการปราบปรามอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาสังคมที่มีความซับซ้อนมากมาก แต่ตรงกันข้ามกลับยิ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด เพราะเนื่องจากว่าเป็นการทำงานในรูปแบบของภาคราชการที่มีกฎเกณฑ์ค่อนข้างจะมาก และละเลยกับการมีส่วนร่วมภาคประชาชน จึงต้องมีการสนับสนุนด้านงบประมาณให้เกิดกระบวนการเรียนรู้และแก้ปัญหาของคนในชุมชนด้วยกระบวนการภายในเอง เพราะเขารู้สภาพปัญหาได้ดีกว่า และที่สำคัญเราเห็นว่าการให้การสนับสนุนงบประมาณแก่ชุมชนนั้นได้ประโยชน์มากกว่าภาครัฐลงไปทำเอง เพราะยังมีการคอรัปชั่นในวงการราชการไทยเยอะมาก เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่จริงๆ แล้วชาวบ้านเขามีความจริงใจและอยากแก้ปัญหามาก แต่ภาครัฐเองที่ไม่เชื่อใจเขา หรือด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง เช่น ถ้าให้ชาวบ้านเขาจัดกิจกรรมเอง เจ้าหน้าที่จะเบิกค่าน้ำมันค่าเบี้ยเลี้ยงไม่ได้ เบิกค่าอาหาร (ที่เกินจริง) ไม่ได้  อย่างเด็ก และเยาวชนที่ผ่านมาก็เลยกลายเป็นกลุ่มหลักที่เข้ามาข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งบทเรียนการทำงานของเรามันตกผลึกว่า เด็กเหล่านี้เองก็เป็นผู้ที่ถูกสังคมกระทำ เป็นเหยื่อของธุรกิจและเหยื่อของการตีตรา เด็กรวมกลุ่มก็จะมุ่งไปที่ว่าเด็กมั่วสุม สื่อเองก็ออกข่าวว่าเด็กมั่วสุมมั่วเซ็กซ์ ส่วนหนึ่งก็ต้องการที่จะขายข่าว ตั้งหัวข้อข่าวให้ดูหวือหวาน่าสนใจเข้าไว้ ไม่ได้สนใจกับภาพลักษณ์ที่สังคมจะมองกับกลุ่มเด็ก เหมือนกับยิ่งเป็นการช่วยตอกย้ำความอ่อนแอของสังคม แต่ข่าวการรวมกลุ่มการทำดีของเด็กเยาวชนจะถูกนำเสนอน้อยมาก เขาเอาจุดอ่อนของคนไทยที่ชอบซ้ำเติมคนอื่นมาเป็นจุดขาย อย่างกรณีเด็กแก๊ง...... ที่เรามองว่าเป็นแก๊งอันธพาล แก๊งซามูไร นั้นปปส. เองก็สนับสนุนงบประมาณในการทำกิจกรรมให้กับกลุ่มนี้ ระยะแรกเราถูกมองและวิจารณ์อย่างหนักว่าเลี้ยงโจร แต่จริงๆ แล้วมันสอดคล้องกับแนวทางแก้ปัญหาของนักวิชาการหลายภาคส่วน ซึ่งแทนที่เขาจะอยู่รวมกลุ่มกัน และก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มอื่นๆ เราก็ให้เขามาอยู่ในสถานที่ที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมขึ้น อยู่ในสายตาของสังคมมากขึ้น มีกิจกรรมที่เหมาะสมที่สร้างสรรค์ให้เขาทำปัญหาก็ลดลงได้ เหมือนตอนนี้เองสมาชิกในกลุ่มที่เป็นแกนนำ เคยเป็นหัวหน้าแก๊ง ก็หันมาทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ กลายเป็นแกนนำเด็กและเยาวชนระดับจังหวัดแล้ว เพราะเขามีการพัฒนาทั้งฐานคิดและทักษะชีวิต เราต้องเชื่อว่าเขาหรือใครก็ตามมีศักยภาพที่สามารถพัฒนาได้หากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมที่ผ่านมาสังคมเองเป็นฝ่ายกีดกันเขาออกไปมีการแบ่งเขาแบ่งเราใช้บรรทัดฐานทางสังคมเป็นหลักซึ่งอาจจะไม่ถูกเสมอไป เด็กเหล่านี้จริง ๆ แล้วเขาเป็นเหยื่อทางสังคมมากกว่า ยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเท่าไหร่มันก็เป็นตัวชี้วัดความอ่อนแอทางสังคมโดยเฉพาะสถาบันครอบครัวที่อ่อนแอลง รวมถึงระบบการจัดการศึกษาของไทยที่คัดเอาแต่เด็กเก่ง เคยนั่งคุยกับกลุ่มเด็กวัยรุ่นเขาบอกว่าอยู่ที่บ้านพ่อแม่ก็ด่า ไปโรงเรียนครูก็ด่าเลยโดดเรียนมาอยู่กับเพื่อนดีกว่า พอเราสัมผัสกับกลุ่มเขาจริงๆ เราจะเห็นความเป็นมิตรภาพ เราจะเห็นพรสวรรค์ในตัวของแต่ละคนหลาย ๆ อย่าง บางทีเขามีความคิดดี ๆ เยอะ เขาวางแผนจัดกิจกรรมเอง เขามีความซื่อสัตย์ในการใช้เงินใช้ทองมากกว่าคนในสังคมทั่วไปอีก ถ้าเราเชื่อใจเขา ทุกอย่างมันเริ่มต้นด้วยใจ ในกลุ่มเขาก็จะใช้ใจเป็นตัวเชื่อม มีการใช้ระบบอาวุโสมาควบคุมซึ่งเขาก็ยอมรับ เขาอยู่กันด้วยกฎด้วยระเบียบที่ช่วยกันตั้งขึ้นไม่ใช่คนใดคนหนึ่งตั้งแล้วเอามาใช้กับทุกกลุ่ม เขามีการแบ่งสายการควบคุมดูแล แต่ละสายมีหัวหน้าคอยดูแล ซึ่งตรงนี้ก็สำคัญเหมือนกันว่าที่ผ่านมาจะมีข่าวการทำร้ายคนที่สัญจรไปมาในกลางคืน หรือการยกพวกตีกันบ่อยๆ ทั้งนี้สาเหตุหนึ่งมาจากความคึกคะนอง แล้วก็การต้องการการยอมรับ เช่นการก่อคดี การชกต่อยหรือแม้แต่การทำร้ายเพื่อให้ตนเองดูเหมือนว่าเก่ง สื่อเองก็เป็นดาบสองคมเหมือนกัน พอได้ลงข่าวเด็กบางคนบางกลุ่มก็จะรู้สึกถึงการมีชื่อเสียงและถูกกล่าวถึงในกลุ่มมากขึ้น ซึ่งมันเป็นไปตามวุฒิภาวะของเด็ก หากเราไม่ใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ความคิดเหล่านี้ก็จะทำให้เขาเตลิดและมีแนวโน้มที่จะก่อคดีที่มีความรุนแรงมากขึ้น หากไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดี ในส่วนของงานปปส. เองก็ไม่ได้มีปัญหาเฉพาะยาเสพติดที่เป็นปัญหาโดด ๆ แต่จะมีความเชื่อมโยงและซับซ้อนกับปัญหาอื่น ๆ ด้วยเสมอ ดังนั้นการแก้ปัญหาก็ต้องทำหลายๆ เรื่องพร้อมๆ กัน ซึ่งพอมีการสรุปบทเรียนกันจะเป็นการทบทวนถึงตัวตนวัยรุ่นหรือปัญหาของวัยรุ่นที่เขามองเห็น ว่าเป็นกลุ่มที่ก่อปัญหา ทั้งเรื่องของการแข่งรถที่ต้องการชิงความเป็นที่หนึ่ง ที่เสียงท่อไอเสียดังสนั่นรวมถึงเรื่องการเดิมพันเป็นเงินเป็นทองหรือแม้แต่เรื่องทางกามก็มาเกี่ยว บางแห่งมั่วสุมกันเป็นกลุ่ม หรือแม้แต่เรื่องของการมีเซ็กซ์หมู่ในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งพอร่วมไม้ร่วมมือกันปัญหาเหล่านี้ก็เบาบางลง หรืออย่างที่ตำบลหนึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ และลำพูน ทำให้คนในท้องถิ่นส่วนใหญ่ก็เข้าไปเรียน ไปทำงานในเมืองเพื่อสร้างโอกาสให้กับตนเองและสิ่งที่เขาเหล่านี้ส่วนหนึ่งได้พาเข้ามาจากในเมืองก็คือยาเสพติด ที่แพร่ระบาดตามกระแสช่วงนั้น ในช่วงแรกกลุ่มคนที่ใช้แรงงาน คนรับจ้าง เกษตรกรเองก็ใช้ยาเสพติดเพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยทำงานได้มากขึ้น มีเรี่ยวมีแรง หรือแม้แต่ในงานศพเองก็มีข่าวว่าการเอาละลายน้ำให้คนดื่มเพื่อจะได้มีคนอยู่เป็นเพื่อนงานศพกันมาก ๆ ในหมู่บ้านเองส่วนใหญ่จะเป็นคนที่รู้จักกัน เด็กบางคนเริ่มต้นจากคำชักชวนของกลุ่มเพื่อน เริ่มต้นจากการตั้งวงดื่มเหล้า พอความคึกคะนองเพิ่มขึ้นก็เริ่มใช้ยาบ้า พอมีความคึกคะนองก็ก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ชาวบ้านทั้งในและนอกชุมชน บางคนก็มีพฤติกรรมขโมยของ เอาเงินไปซื้อยามาเสพ แต่ปัญหาต่างๆ ก็ถูกคลี่คลายด้วยความร่วมมือกันจากทุกฝ่ายทั้งผู้นำชุมชน ชาวบ้าน ส.อบต. อสม. เจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนไปจนถึงกลุ่มแม่บ้าน กลุ่มผู้สูงอายุ และเยาวชนที่เขาสร้างกันเป็นเครือข่าย  สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเคยเสพได้หันหลังให้ยาเสพติดช่วงนั้นก็คือกำลังใจ จากคนรักจากครอบครัวขอร้องให้เลิก สงสารลูก สงสารคนรักและคนใกล้ตัว รวมถึงทางผู้นำหมู่บ้านก็มีการตักเตือนจนเกิดแรงบันดาลใจในที่สุด รวมถึงการสื่อสารในท้องถิ่นโดยอาศัยช่องทางจากวิทยุชุมชนที่เป็นวิทยุของชุมชนจริงๆ ในการสื่อสารเรื่องราวและกิจกรรมต่าง ๆ ของเครือข่ายได้เป็นอย่างดี ความสำเร็จของการแก้ปัญหาในหลายๆ พื้นที่ ทำให้ ปปส.เองได้เห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วม ซึ่งเห็นว่าหากจะพัฒนาด้านใดก็ตามให้เกิดความยั่งยืนนั้นต้องพัฒนาที่ใจเป็นของคนในพื้นที่นั้นๆ ก่อน

หมายเลขบันทึก: 173685เขียนเมื่อ 28 มีนาคม 2008 11:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

  • เห็นบันทึกใหม่ล่าสุด....น่าสนใจมากค่ะ
  • เลยตามมาอ่านย้อน  ในภาค  1
  • เห็นท่าจะจริงกับประโยคหลายๆ ประโยค  แต่ชอบที่สุด....ก็ตรงนี้มังคะถ้าเราเชื่อใจเขา ทุกอย่างมันเริ่มต้นด้วยใจ.....ถ้าเราได้ใจแล้วทุกอย่างจะตามมาล่ะค่ะ  ทำงานกับเด็กๆ บางครั้งต้องใช้ใจแลกใจเหมือนกันค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับความคิดดีๆ ค่ะ

ด้วยความยินดีครับ มีอีกหลายเรื่องราวที่กำลังเขียนจะนำมาทยอยลงครับ ขอบคุณสำหรับการร่วมแลกเปลี่ยนครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท