จำได้ว่าในวันแจกทันทีที่ลงนั่งสมาธิ ร่างกายเรามันแสดงอาการบังคับไม่ได้ให้เห็นอยู่ทุกขณะ ปวดขาที่สุดในชีวิต วิทยากรก็มากบอกว่า "ทุกข์ตรงไหน รู้ที่ตรงนั้น ปวดตรงไหน รู้ตรงนั้น" สิ่งแรกที่เห็นก็คือ พอเราแค่เอาใจเราไปรับรู้อาการปวดตุ้บๆ อย่างสบายๆ สักแต่ว่ารู้ วินาที นั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าจะมีในชีวิตมนุษย์
วินาทีนั้น ความปวดเป็นเพียงอาการตุ้บๆ อยู่ต่างหากใจก็อยู่ส่วนใจ ไม่ได้ปวดไปด้วย เป็นครั้งแรกที่รู้เลยว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่สติสมาธิของเรามั่นคง ขนาดความทุกข์ที่อยู่บนตัวเราแท้ๆ ยังไม่สามารถทำให้ใจเราทุรนทุรายได้ ครั้งนั้นบอกกับตัวเองเลยว่า ตั้งแต่วันนี้ หนี้ก็ส่วนหนี้ ปัญหาก็ส่วนปัญหา ใจก็ส่วนใจ ขณะที่รู้ตรงนั้น ใจมีความสุข รู้สึกเหมือนคนที่ได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริง
เมื่อก่อนผมมักจะคิดว่า เมื่อไหร่จะหมดหนี้
เราจะได้มีความสุขเสียที แต่วันนั้นได้รู้แล้วว่า
ไม่ต้องรอให้หมดหนี้เสียก่อน
ใจเราสามารถเป็นปรกติสุขได้การแก้ปัญหาดัวยใจที่เป็นปรกติ
ย่อมดีกว่าใจที่เร่าร้อนทุรนทุรายอย่างแน่นอน
ที่สำคัญปัญหาก็ไม่มีวันหมดไปจากชีวิต
ตราบใดที่เรายังเป็นมนุษย์ มีร่างกาย มีจิตใจ
แต่สองอย่างนี้ก็หาเรื่องให้เราปวดใจได้
โดยไม่ต้องนับเรื่องภายนอกเสียด้วยซ้ำ
Nothing in life is to be feared it is only to be understood
(Marie Curie)
.................นำมาจากหนังสือ เข็มทิศชีวิต ของ ฐิตินาถ ณ พัทลุง...................
ไม่มีความเห็น