อีสเตอร์... "ประกาศชัยชนะต่อความตาย"


หากพระคริสต์ไม่ฟื้นคืนพระชนม์ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ทำไปก็สูญเปล่า ความเชื่อก็ไร้สาระ


ช่วงใกล้เทศกาลเชงเม้งของคนจีนทีไรก็จะเป็นช่วงเดียวกันกับอีสเตอร์ทุกที แต่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักเชงเม้งกันมากกว่าเพราะมีคนไทยเชื้อสายจีนจำนวนไม่น้อยที่ไปไหว้บรรพบุรุษในช่วงนี้ ทำให้รถติดยาวในเส้นทางที่ไปสุสานแถบชลบุรี อันที่จริงแล้วสองวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่แปลกที่กลับตรงกันในเรื่องราวว่าเกี่ยวกับการตาย แต่โดยรายละเอียดนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พูดถึงอีสเตอร์คำนี้ทำให้นึกถึงอะไร บ้างก็ว่านึกถึงไข่ บ้างก็นึกถึงกระต่าย แต่จริงๆ แล้ววันนี้คือวันอะไรกันแน่?

"อีสเตอร์" ก็เป็นนามของเจ้าแม่หรือเทพเจ้าสตรีแห่งฤดูใบไม้ผลิของชาวแองโกลแซกซอนที่มีชื่อว่า "Eostre" บาทหลวงชาวแองโกลแซกซอน (อังกฤษโบราณ) นามว่า Bede เป็นผู้นำเอาชื่อ "Easter" นี้มาใช้เป็นครั้งแรกในราวศตวรรษที่ 8 แล้วทำไมชื่อเทพต่างศาสนาถูกนำมาเป็นชื่อวันสำคัญของศาสนาคริสต์??? อันที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ มันก็เหมือนกับที่เราเห็นชื่อวันหรือชื่อเดือนซึ่งเป็นชื่อเทพเจ้าของศาสนาโบราณนั่นเอง เป็นแค่ความคุ้นเคยในการใช้ภาษา เลยไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะ หรือแปลกแยกแต่อย่างใด

จากประวัติของชื่อเสียงเรียงนามแล้วก็มาถึงเหตุการณ์ดีกว่า... "อีสเตอร์" เป็นวันที่มีเหตุการณ์ต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ (Good Friday) ที่ผ่านมา เป็นวันสำคัญไม่แพ้วันคริสตมาส ถ้าจัดเป็นมวยก็คงสูสี ไม่มีใครด้อยหรือเด่นกว่าใคร จะลองลำดับเรื่องราวให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเริ่มตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วและมาจบลงในวันนี้
- วันอาทิตย์ที่แล้ว = อาทิตย์ทางตาล: เหตุการณ์คือพระเยซูเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต
- วันศุกร์ที่ผ่านมา = ศุกร์ประเสิรฐ: เหตุการณ์คือพระเยซูถูกผู้นำศาสนาและฝูงชนชาวอิสราเอลพาไปให้ผู้มีอำนาจชาวโรมตัดสิน และกดดันแทรกแทรงเพื่อให้ฆ่าเสีย พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระศพถูกนำไปเก็บไว้ในอุโมงค์
- วันอาทิตย์นี้ = อีสเตอร์: เหตุการณ์คือ พระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ อุโมงค์บรรจุพระศพว่างเปล่า มีพยานรู้เห็นคือสานุศิษย์และคนอีกจำนวนมาก




อีสเตอร์นั้นเป็นวันสำคัญมากถึงมากที่สุด เพราะหากพระคริสต์ไม่ฟื้นคืนพระชนม์ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ทำไปก็สูญเปล่า ความเชื่อก็ไร้สาระ ไม่ว่าการเกิดในครรภ์หญิงพรหมจารี คำสั่งสอน การทำอัศจรรย์รักษาโรค สิ่งเหล่านี้ก็ไร้ประโยชน์ถ้าพระองค์ยังคงเป็นมนุษย์ปุถุชน แต่การฟื้นคืนพระชนม์เป็นการประกาศชัยชนะต่อความตาย และแสดงให้เห็นว่าพระองค์คือพระเจ้า ผู้ที่เชื่อก็จะหลุดพ้นจากความตาย (ฝ่ายจิตวิญญาณ) ดังข้อพระคัมภีร์ที่ปรากฎไว้ว่า...

"โอ มัจจุราชเอ๋ย ชัยชนะและเหล็กไนของเจ้าอยู่ที่ไหน เหล็กไนของความตายนั้นคือบาป... สาธุการแด่พระเจ้าผู้ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลาย โดยพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา" (1โครินธ์ 15:55-57) และในอีกบทหนึ่งกลาวไว้ว่า "โดยทางความตายของพระเยซูนั้น... พระองค์ได้ทรงทำลายผู้มีอำนาจแห่งความตาย คือมารเสียได้ และจะได้ทรงช่วยเขาเหล่านั้นให้พ้นจากการเป็นทาสชั่วชีวิต เพราะเหตุกลัวความตาย" (ฮีบรู 2:14-15) ส่งท้ายกันอีกบทเกี่ยวกับเรื่องความตาย "ความตายครั้งที่สอง จะไม่มีอำนาจเหนือผู้นั้นที่อยู่ในพระคริสต์" (วิวรณ์ 20:6)

เรื่องการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูมีผลต่อความเชื่อในเรื่องความตายของคนที่นับถือศาสนาคริสต์ และทำให้มีทัศนคติต่อความตายเป็นเรื่องที่ไม่น่ากลัวอีกต่อไป แต่กลับมองเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดี เรามองการตายว่าเป็นเหมือนสิ่งง่ายๆ ในชีวิตมนุษย์ ดังนี้....
1. การนอนหลับ
เมื่อมีการตายก็โศกเศร้า แต่ความโศกเศร้าของคริสเตียนนั้นต่างออกไป แน่นอนว่าเราโศกเศร้าเพราะต้องจากกัน แต่เราก็มั่นใจว่าเราจะพบกันอีกในสวรรค์ เพราะพระเจ้าทรงสัญญากับพวกเราอย่างชัดเจนว่า ทุกคนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้านั้น เมื่อตายไปแล้วจะมีวันหนึ่งที่ฟื้นจากตาย และจะไม่มีวันตายอีกเลย ดังนั้นพระคัมภีร์จึงบอกว่า "การตาย" เป็น "การนอนหลับ" และวันหนึ่งเขาก็จะตื่นขึ้น มีใครบ้างที่กลัวการนอนหลับ

2. การถึงวาระพัก (สิ้นสุดงานในโลก)
"การตาย" เป็น "การถึงวาระพักผ่อน" นั่นก็คือเราได้สิ้นสุดงานที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าให้ทำในโลกนี้แล้ว โดยเชื่อว่าการที่เรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ก็เพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าให้สำเร็จ เมื่อเสร็จงานแล้วพระองค์ก็จะทรงรับเรากลับบ้านบนสวรรค์ และจะทรงประทานบำเหน็จรางวัลให้แก่เราตามที่เรากระทำในโลกนี้

3. เป็นการออกจากโลก (ย้ายบ้าน)
การตายเป็นเหมือนการย้ายบ้าน ย้ายจากดินแดนที่ไม่แน่นอนไปสู่ดินแดนที่มั่นคง ย้ายจากดินแดนที่สับสนวุ่นวาย มีแต่ความทุกข์ไปสู่สถานที่งดงาม และเต็มไปด้วยสันติสุข ย้ายจากการอยู่ร่วมกับมนุษย์ในโลกนี้ ไปสู่การอยู่ร่วมกับพระเจ้าในดินแดนสวรรค์



ด้วยทัศนคติที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับความตายที่เราได้รับจากพระเยซู ทำให้ไม่มีความกลัวอีกต่อไป และเป็นเหตุผลว่าทำไมคริสตชนจึงฉลองวันนี้อย่างยิ่งใหญ่ ชื่นชมยินดีแทนที่จะโศกเศร้าคร่ำครวญ ต่อไปนี้ถ้าใครถามว่ารู้มั้ยว่าอีสเตอร์คือวันอะไรก็คงตอบได้กันแล้ว ไม่ใช่วันเกี่ยวกับกระต่ายหรือไข่แน่นอน อ้าว!!!  แล้วทำไมไข่กับกระต่ายถึงเห็นกันเป็นประจำในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ล่ะ ??? นั่นมันเป็นเรื่องของการเปรียบเทียบตั้งแต่สมัยโบราณว่าไข่เล็งให้เห็นถึงการกำเนิด หรือเกิดใหม่ ซึ่งเหมือนกับการฟื้นจากตายนั่นเอง ในช่วงเทศกาลนี้จึงมีการแจกไข่ ซ่อนไข่ กินไข่กัน ทำไปทำมาก็กลายเป็นธรรมเนียมและประเพณีไปในที่สุด ส่วนกระต่ายก็เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิ (ช่วงเทศกาลนี้พอดี) ว่าได้ผ่านฤดูหนาวอันยาวนาน ทำให้สิ่งมีชีวิตใหม่ๆ ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง ชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋แล้วเดี๋ยวผู้เขียนขอตัวไปกินไข่อีสเตอร์ที่หลานเก็บกลับมาก่อนแล้วกัน อิ อิ

- The End -

หมายเลขบันทึก: 172563เขียนเมื่อ 23 มีนาคม 2008 20:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

Easter

ขอให้มีความสุขสดชื่นค่ะ

  • ต่อไปใครสนใจเรื่อง Easter จะบอกให้มาหาน้องแก้มยุ้ย
  • สงสัยเด็กๆๆที่หาประวัติ
  • มากันตรึมแน่ๆๆ
  • ขอบใจมากๆๆ

P  พี่ศศินันท์

ขอบคุณค่ะพี่สำหรับตัวการ์ตูนน่ารัก ขอให้มีความสุขสดชื่นเช่นกัน

P  พี่ขจิต

ถ้าเอาแบบถูกต้องตามหลักศาสนศาสตร์น่ะส่งมาถามได้เลย จะตอบแบบให้เข้าใจง่ายๆ แต่ถ้าพวกตำนานไม่ค่อยจะถนัด ถ้าพอรู้อันไหนก็จะช่วยเด็กๆ แล้วกันนะ ^ ^ ส่วนกันตรึมนี่ไม่สันทัด 555 เป็นแนวแจ๊สพอได้มั้ย

  • ดูน้องแก้มยุ้ยทำไปได้
  • กันตรึม ดนตรีเขมรใช่ไหม
  • ฮ่าๆๆ
  • คิดได้ไง อึ้ง ทึ่ง แต่ไม่เสียว
  • ตอนเย็นจะเอาเพลงมาให้ทดสอบ
  • รอหน่อยนะ

สงสัยมานานแล้วว่า กระต่ายเกี่ยวอะไรกันกับวันอีสเตอร์ วันนี้ได้ทราบแล้ว ขอบคุณค่ะ

เมื่อเช้าดูข่าวทางทีวี ที่เมืองนอก (จำไม่ได้แล้วว่าประเทศอะไร) เค้าเอากระต่ายมา

แข่งกระโดดสูง กับกระโดดไกลกัน ท่าทางน่าสนุก เด็ก ๆ ชอบใจกันใหญ่

ตามสถิติ กระโดดได้สูงที่สุด อยู่ที่ 90 ซม. และกระโดดได้ไกลที่สุดอยู่ที่ 300 ซม.

ยังหาผู้ลบสถิตินี้ยังไม่ได้ แจ๋วจริง..ขอบอก!!! ^___^

P  พี่ขจิต

555 หยอกเล่นน่า เห็นว่าหน้าตาเราอินเทรนด์กันตรึมเหรอ คงไม่ใช่ม้าง ถ้าอิงจากหน้าน้องสงสัยต้องแนวอุปรากรจีนนะ จะเอาเพลงไรมาให้ฟังเหรอ ถ้าแนวกันตรึมนี่ขอแพ้บายจ้า ความรู้เป็นศูนย์ทีเดียว

P  คุณ Stardust

นี่ไง ก็คิดว่ามีประโยชน์บ้างเลยเอามาเขียนให้อ่านกัน ถึงจะไม่ได้เล่าเรื่องกระต่ายลึกๆ แต่ก็พอจะได้รู้ว่ามันเป็น symbolic ของฤดูใบไม้ผลิที่มาตรงกับช่วงเทศกาลพอดี ซึ่งโดยแท้จริงไม่เกี่ยวกับวันนี้ แต่ก็พอจะสร้างสีสรรให้สนุกสนานได้ ไม่ซีเรียสหรอก เรายังชอบเลย น่ารักดี เดี๋ยวนี้เพื่อความประหยัดเวลาในการสื่อก็เลยเอากระต่ายมาถือตระกร้าไข่ซะเลย two in one ได้โชว์สองอย่างพร้อมกัน

กระต่ายนี่เก่งนะ กระโดดไกลเชียว อย่าดูถูกเห็นว่าตัวเล็กๆ นี่ล่ะเล็กพริกขี้หนู 555 เชียร์ใหญ่เลยเพราะชอบกระต่าย ^ ^

สวัสดีค่ะน้องเล็กซูซาน...แม่แก้มยุ้ย...

  • กลายเป็นกระต่ายน้อยน่ารักไปซะแล้ว....
  • อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ  โดยเฉพาะเรื่องของ  "การมองการตาย"....วิธีมองแบบนี้ลดความกลัวไปได้มากทีเดียว  เพราะคนส่วนใหญ่กลัวว่าตายแล้วจะตกนรก(หรือเปล่า)....แต่นี่คือการจบสิ้นภาระที่ได้รับมอบหมาย...และจะได้กลับไปพบพระองค์.....
  • สงสัยว่าจะต้องให้เด็กๆเข้าโบสถ์ตามคุณพ่อซะแล้วมั้ง....
  • ขอบคุณสำหรับบทความที่ดีมากๆค่ะ

P  พี่ติ๋ว

แปลงร่างเป็นกุ๊ต่ายแล้วน่ารักขึ้นมะ แต่ขี้แงเหมือนเดิม อิ อิ ดีใจที่บทความนี้มีประโยชน์จ้า อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่กลัวตาย แต่ขออยู่ต่ออีกหน่อยแล้วกัน ยังไม่ได้ทำอะไรอีกเยอะเลย ยังไม่ได้แต่งงานด้วยอ่ะ - - " ไม่ยอมๆ 555

สวัสดีค่ะคุณน้อง Little Jazz ที่น่ารักสุดๆ

  • ขอบใจมากๆเลยจ๊ะคุณน้อง..เพราะคุณพี่ก็กำลังอยากรู้..เหมือนกันว่า Easter เนี่ยมันมีที่มาที่ไปอย่างไร..กะว่าว่างๆจะไปหาอ่าน..พอดีเลย..
  •  แล้วเมื่อไหร่คุณน้องจะเขียนหนังสือขาย..จ๊ะ..อ่านแล้วเพลินดี..
  • มีรูปสวยๆด้วย..อิๆๆ 
  • ด้วยรักจากใจพี่ยายหมูอ้วนเองจ๊ะ

P  พี่หมูอ้วน

เรื่องราวมันก็เป็นฉะนี้แหล่ะค่ะพี่ เอาแบบพอสังเขป ส่วนเรื่องหนังสือคงต้องร้องเพลงรอไปก่อนเรื่อยๆ ค่ะ ยังไม่มีเรื่องที่ถูกใจสักที ไว้ถ้าเลือกหัวข้อได้เมื่อไหร่จะมาประกาศที่นี่ให้ได้รู้ถ้วนทั่วกัน และจะส่งไปขายพี่แน่นอนค่า ถึงเวลานั้นอย่าลืมอุดหนุนแล้วกัน ^ ^

ผมก็มีไข่อีสเตอร์อยู่สองฟอง อิอิ

สวัสดีจ๊ะน้องซูซาน

เมื่อวันก่อนช่วงเสาร์อาทิตย์ ไปเยี่ยมเพื่อนรูมเมทเก่าที่ Philadelphia มา เขามีลูกเล็กๆ คนนึงแล้วอายุ ๓ ขวบ วันอาทิตย์เช้าพ่อเขาก็เอาไข่พลาสติกไปซ่อนกระจายๆ หลังบ้าน แล้วลูกสาวก็ออกไปค้น เด็กสนุกมาก ผู้ใหญ่ดูไปหัวเราะไป เพราะเก็บจนหมดแล้วร้อง I need more eggs. 5555 พี่กับแม่เขาก็เข้าบ้านไปหาลูกบอลบ้าง อะไรบ้าง มาซ่อนต่อ แต่คุณเธอไม่ยอมให้ไข่ที่เก็บแล้วมาเล่นอีกรอบนะ 5555 ก็ they're my eggs. ไปแล้วนี่นา

ที่ตลกคือลูกบอลที่เอาไปซ่อนให้เก็บต่อน่ะ น้องหนูเธอไม่เก็บนะจ๊ะ ก็มันไม่ใช่ไข่น่ะ เด็กฉลาดและซื่อดี คิดแล้วขำดี อย่าคิดจะหลอกซะให้ยากเลย อิอิ

พี่ถามเพื่อนกับสามีเขาเหมือนกันว่าทำไมกระต่าย แต่สองรายนี้ไม่รู้แฮะ ก็เลยเพิ่งมาได้คำตอบจากน้องซูซานนี่แหละ

ขอบคุณหลายนะจ๊ะ

อ้อ..ลืมบอกว่าชอบรูปประจำตัวกับ theme นี้มากนะ น่ารักดีจ๊ะ รู้สึก Jazzy แบบกระต่ายๆ ดี ^ ^

P คุณ Suksom

หมายฟามว่ากระไร - - " เดี๋ยวก็เจอข้อหา xxx.kapook.com หรอก อย่างนี้ต้องไล่ไปอ่านเรื่อง ม้าขาวมิใช่ม้า...

P  พี่ตุ๋ย

เด็กๆ ที่โบสถ์ก็สนุกกันมากเรื่องการหาไข่เนี่ย แต่ต้องระวังทุกปีว่าจะไปเจอไข่ปีที่แล้วเข้า 555 เคยเจอจริงด้วยนะ เน่าจนแข็งเป็นหินไปแล้ว ที่โบสถ์ต้องกั้นโซนเด็กกับผู้ใหญ่ ไม่ใช่กลัวว่าเด็กจะเสียเปรียบนะ ผู้ใหญ่ต่างหากที่หาไม่ทันเด็กเล็กๆ พวกนี้ตาดีมาก ตัวก็เตี้ย ส่วนใหญ่เขาซ่อนตามพุ่มไม้ ตัวเล็กๆ ไม่ต้องก้มก็เห็นก่อน ^ ^ สรุปว่าต้องไปขอไข่ต้มเด็กๆ กินเพราะหาไม่เจอ ที่โบสถ์มักจะทำขนมจีนทุกปีเพื่อให้กินกับไข่ต้มที่หามาได้ เข้าใจประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์มะ เจ้ากระต่ายปีนี้ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรในโบสถ์ แต่เด็กๆ เขาก็ได้วาดรูประบายสีกัน เป็นเรื่องของเด็กมากกว่าผู้ใหญ่

ขอบคุณสำหรับคำชมเจ้ากระต่ายน้อย ชอบมากเลยนะ หน้าตาน่ารัก ขี้แยดี กวนๆ ด้วย ส่วนธีมใหม่นี่ทำต้อนรับหน้าร้อน เป็นแนว Retro จ้า

ซูซาน

พี่แวะไปออกไอเดียแล้วนะ กรุงเทพฯที่ว่าหนะ เปลี่ยนหน้าตาบล็อคแล้วหรือ สวยดีนะจ้ะ ตอนนี้แปลงร่างกลายเป็นไข่กระต่ายน้อยแล้วหรือ

P  พี่อุ๊

รวดเร็วทันใจจริงๆ เดี๋ยวขั้นตอนคงจะเขียนละเอียดอีกที อยากให้หลายๆ คนได้มีส่วนร่วมโปรโมทสิ่งที่ดีของประเทศเรา ถ้าช่วยตรงไหนได้เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี อย่างพี่กับพี่โอ๋ก็รู้จักที่กินที่เที่ยวแถบบ้านพี่ตั้งเยอะ ของดีๆ ทั้งน้าน คนกรุงเทพฯ เองบางทียังไม่รู้เลยอ่ะ

ตอนนี้แปลงร่างเป็นกระต่ายชั่วคราว ชอบมะ

  • คุณซูซาน กลายเป็นกระต่ายน้อยน่ารักไปซะแล้ว
  • ดีค่ะ แณณก็ชอบกระต่าย เรียกสามีว่ากระต่ายน้อยน่ารักประจำเลยค่ะ เพราะเค้าหน้าตาเหมือนกระต่ายค่ะ..อิ๊..อิ๊..
  • ขอบคุณสำหรับโปรแกรมแต่งภาพที่แนะนำสามีไปนะคะ แณณเคยโหลดมาเก็บไว้ที่เครื่องแล้วค่ะ มีเพื่อนส่งมาให้ แต่คิดว่าก็คงเหมือนๆกับ Photoshop เลยไม่ได้สนใจไปใช้เท่าไหร่
  • ตอนนี้เริ่มใช้เป็นแล้วค่ะ ง่ายกว่า Photoshop จริงๆ ด้วยค่ะ
  • ขอบคุณ คุณกระต่ายน้อยน่ารักมากๆ ค่ะ

P  คุณแณณ

เข้ากับเทศกาลค่ะ คงจะใช้รูปนี้ไปอีกสักพักจนกว่าเซ็ง แล้วก็จะเปลี่ยนอีกแหล่ะ ชอบกระต่ายเหมือนกันน่ารักดี หุ หุ ปกติมีแต่หนุ่มๆ เขาเรียกสาวว่ากระต่ายน้อย นี่เล่นเรียกสามีตัวเองแบบนี้ คิกขุดีค่ะ ส่วนโปรแกรมนั้นใช้แล้วดีจึงบอกต่อ ทำให้การเอารูปใส่บล็อกง่ายขึ้นทันตาเห็นค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท