วันนี้อยู่เวร extended elective OR ไม่มีเวลามาเขียน ขอเป็นพรุ่งนี้ตอนไปเยี่ยมบัณฑิตที่ขอนแก่นละกัน จะเขียนจากโรงแรมมาส่ง
มาเขียนต่อจากวันที่ 19 มีนาคม 2551 AAR ที่ได้ก็คือ ได้เรียนรู้ว่า บทบาทของคุณเอื้อ คุณอำนวยเป็นอย่างไร ยิ่งมั่นใจว่าเข้าใจมากขึ้นก็ตรงที่ตอบได้ว่า หลังจากดูหนังย่อแล้ว ใครเป็นคุณเอื้อ ใครเป็นคุณอำนวยระหว่างแม่เด็กกับโปรกอล์ฟ
นอกจากนี้ได้รู้ว่า mindset ของคนที่จะเป็น KM manager ควรจะเป็นยังไง คิดยังไงให้ไม่เหมือนชาวบ้าน แต่ต้องคิดเพื่อให้เกิดการต่อยอดความรู้ ซึ่งในทีม (แก้ม) บอกว่าต้องคิดนอกกรอบซะบ้าง อย่าให้ซ้ำกับคนอื่น ก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าการ (ถูกบังคับให้) คิดไม่ให้ซ้ำกับคนอื่น เป็นการต่อยอดความรู้แบบง่ายที่สุด เออเนาะ
KM ใน setting รพช. ของหมอพิเชษฐ์ แห่ง รพ.บ้านตาก (น้องแพทย์เชียงใหม่ 2 รุ่น ภูมิใจเสนอจริง ๆ) พอจับประเด็นได้ว่า หมอพิเชษฐ์ต้อง “ได้ใจ” คนในโรงพยาบาลซะก่อน ก่อนที่จะชวนกันมาทำ KM ยิ่งคนที่มี “ทุกข์” เหมือนกันยิ่งอยากจะมาทำ KM ด้วยไฟฝันอันเดียวกัน ก็ทุกข์ที่งานบริการไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจไง ก็เลยต้องมาสร้างฝันกันว่าจะทำยังไงถึงจะปรับปรุงการบริการผู้ป่วย พูดแล้วก็เลยขอแถมเลยว่า การเกิด UHosNet (เครือข่าย รพ.ของมหาวิทยาลัย ที่ผอ.รพ.เค้ามาคุยกันน่ะ) ก็เกิดมาจากแต่ละ รพ.มีทุกข์อย่างเดียวกัน ขาดทุนกันทั่วหน้า ก็เลยมาปรับทุกข์กัน ไป ๆ มา ๆ ก็เลยรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเพื่อแสดงพลังต่อรองซะเลย
ส่วน KM ในโรงเรียนสอนลิง อันนี้ชอบมาก แสดงให้เห็นว่า คนที่ไม่ต้องเรียนสูงก็สามารถจับประเด็นปรัชญาการศึกษาได้ แม้ผู้เรียนจะไม่ใช่ homo sapiens ครูสมพรเป็นแบบอย่างที่นักการศึกษาน่าจะได้เรียนรู้จากที่แกพูดเอาไว้ในวิดีโอ และพวกผู้บริหารการศึกษา ศึกษานิเทศ ตลอดจนครูบาอาจารย์น่าจะได้ดูวิดีโอนี้ด้วย
ไฟปรารถนาที่อยากทำต่อไปในคราวหน้า ก็คงเป็นการเลือกหัวปลาที่ทำให้ทีมไม่ร้องยี้ (ยากนะ) เรื่องอะไรนั้น ต้องขอกลับไปคิดดี ๆ ก่อน มีในใจแล้วหลายเรื่อง อ้อ อีกอย่างก็คือ อยากให้มีการ ลปรร มาก ๆ กว่านี้ใน blog KM 9 กระโดด เกรงว่าอาจารย์ JJ อาจจะเป็นคนแรก ๆ ที่ร้องยี้ก่อนว่าทำไมพวกเรามีการ ลปรร ใน blog น้อยเหลือเกิน อาจารย์คร้าบบบ ทนหน่อยนะ พวกเรามันยังเป็นแค่สามเณรน้อยอยู่เลย