สุภาษิตสอนหญิง
***เกิดเป็นสตรีมีศรีศักดิ์***
ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์ บำรุงรักกายไว้ให้เป็นผล สงวนงามตามระบอบให้ชอบกล จึงจะพ้นภัยพาลนินทา
***เป็นสาวศรีเหมือนมณีมีค่านัก***
เป็นสาวแซ่แร่รวยสวยสะอาด ก็หมายหมาดเหมือนมณีอันมีค่า แม้แตกร้าวรานร่อยถอยราคา ก็จะพาค่าหายจากกายนาง
***ค่อยเสงี่ยมเจียมใจไว้ศักดิ์ศรี***
อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้กายสูง ดูเยี่ยงยูงแววยังมีที่วงหาง ค่อยเสงี่ยมเจียมใจจะไว้วาง ให้ต้องอย่างกิริยาเป็นนารี
***จะนุ่งห่มทาแป้งแต่งพอดี***
จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน ให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ศรี จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์ ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน
***เอาผมไว้ให้รับกับใบหน้า***
จะเก็บไรไว้ผมให้สมพักตร์ บำรุงศักดิ์ตามศรีมิให้เขิน เป็นสุภาพราบเรียบแลเจริญ คงมีผู้สรรเสริญอนงค์ทรง
***รู้จัดแจงแต่งร่างเหมือนอย่างหงส์***
ใครเห็นน้องต้องนิยมชมไม่ขาด ว่าฉลาดแต่งร่างเหมือนอย่างหงส์ ถึงรูปงามทรามสงวนนวลนงค์ ไม่รู้จักแต่งทรงก็เสียงาม
***เดินนิ่มนวลก้าวไปไม่ไกวแขน***
ประการหนึ่งซึ่งจะเดินดำเนินขาด ค่อยเยื้องยาตรยกย่างไปกลางสนาม อย่าไกวแขนสุดแขนเขาห้ามปราม เสงี่ยมงามสงวนไว้แต่ในที
***อย่าเดินกรายขยับเสื้อผ้าอย่าเสยผม***
อย่าเดืนกรายย้ายอกยกผ้าห่ม อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดี เหย้าเรือนมีกลับมาจึ่งหารือ
***ให้กำหนดจดจำแต่คำชอบ***
ให้กำหนดจดจำแต่คำชอบ ผิดระบอบแบบกระบวนอย่าควรถือ
***อย่านุ่งผ้าใต้สะดือถือตามเขา***
อย่านุ่งผ้าพกใหญ่ใต้สะดือ เขาจะลือว่าเล่นไม่เห็นควร
***เวลาเดินให้ปกป้องของสงวน***
อย่าลืมตัวมัวเดินให้เพลินจิต ระวังปิดปกป้องของสงวน เป็นนารีที่อายหลายกระบวน จงสงวนศักดิ์สง่าอย่าให้อาย
***อย่าเที่ยวทอดสอดส่ายส่งสายตา***
อนึ่งเนตรอย่าสังเกตให้เกินนัก จงรู้จักอาการประมาณหมาย แม้นประสบพบเหล่าเจ้าผู้ชาย อย่าชม้ายทำชม้อยตะบอยแล
***อันนัยน์ตาพาตัวให้มัวหมอง***
อันนัยน์ตาพาตัวให้มัวหมอง เหมือนทำนองแนะออกบอกกระแส จริงไม่จริงเขาก็เอาไปเล่าแซ่ คนรังแกมันก็ว่านัยน์ตาคม
***รักในใจอย่าให้ออกมานอกหน้า***
อันที่จริงหญิงกับชายย่อมหมายรัก มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์ อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี ดั่งพฤกษาต้องวายุพัดโบก เขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่ จงยับยั้งชั่งใจเสียให้ดี เหมือนจามรีรู้จักรักษากาย
***สตรีเหมือนดอกไม้ที่ชายหมายดมดอม***
อันตัวนางเปรียบอย่างปทุเมศ พึ่งประเวศผุดพ้นชลสาย หอมผกาเกสรขจรจาย มิได้วายภุมรินถวิลปอง ครั้นได้ชมสมจิตพิศวาส ก็นิราศแรมจรัลผันผยอง ไม่อยู่เฝ้าเคล้ารสผันผยอง ไม่อยู่เฝ้าเคล้ารสเที่ยวลดลอง ดูทำนองใจชายก็คล้ายกัน
***ให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น***
แม้นชายใดใจประสงค์มาหลงรัก ให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น อันความรักของชายนี้หลายชั้น เขาว่ารักรักนั้นประการใด จงพินิจพิศดูให้รู้แน่ อย่าทำแต่ใจเร็วจะเหลวไหล เปรียบเหมือนคิดปริศนาอย่าไว้ใจ มันมักไพล่แพลงขุมเป็นหลุมพลาง
***พวกแม่ชักแม่สื่ออย่าถือนัก***
อันแม่สื่ออย่าได้ถือเป็นบรรทัด สารพัดเขาจะพูดนี้สุดอย่าง แต่ล้วนดีมีบุญลูกขุนนาง มาอวดอ้างให้อนงค์หลงอาลัย อันร้ายดีมีได้เห็นเป็นแต่ว่า จะคาดหน้าแน่ลงที่ตรงไหน เหมือนเขาหลอกบอกลาภถึงเมืองไกล อย่าควรไปตามคำเขารำพัน ทางไกลตาอุปมาเหมือนเสียเนตร สุดสังเกตเท็จจริงทุกสิ่งสรรพ์ เขาจะนำให้ไปตายก็ตายพลัน คนทุกวันเชื่อมันยากปากมันโกง อันแม่สื่อคือปีศาจอันอาจหาญ ใครบนบานเข้าสักหน่อยก็พลอยโผง อย่าเชื่อนักมักตับจะคับโครง มันชักโยงอยากกินแต่สินบน
***จงฟังหูไว้หูดูให้แน่***
อันความชั่วอยู่ที่ตัวของเราหมด ต้องกำสรดโศกร้างอยู่กลางหน จงฟังหูไว้หูกับผู้คน สืบยุบลเสียให้แน่อย่าแร่ไป
***คนขี้เหล้าเมายาอย่าไปเลือก***
คิดถึงตัวหาผัวนี้หายาก มันชั่วมากนะอนงค์อย่าหลงใหล คนสูบฝิ่นกินสุราพาจัญไร แม้นหญิงใดร่วมห้องจะต้องจน มักเบียดเบียนมีทางประดาเสีย เหมือนเลี้ยง***อัปรีย์ไม่มีผล ไม่ทำมาหากินจนสิ้นตน แล้วซุกซนตีชิงเที่ยววิ่งราว
***จะหาคู่ดูชายดีมีไม่น้อย***
จะหาคู่สู่สมนิยมหวัง จงระวังชั่วช้าอัชฌาสัย ที่ชายดีนั้นก็มีอยู่ถมไป ใช่วิสัยเขาจะชั่วไปทั่วเมือง
***อย่าหลงผิดคิดไพล่คว้าชายชั่ว***
แต่ใจคนมักจะรนไปหาผิด ครั้นได้คิดจิตตรอมออกผอมเหลือง ต้องเดือดดิ้นกินน้ำตาอยู่นองเนือง สุดจะเปลื้องราคินให้สิ้นคาว
***จะดีชั่วก็แต่ยังกำลังสาว***
เป็นสตรีสุดดีแต่เพียงผัว จะดีชั่วก็ยังแต่กำลังสาว ลงจนสองสามจืดไม่ยืดยาว จะกลับหลังอย่างสาวสิเต็มตรอง
<span style="COLOR: navy; FONT-FAMILY: '
|