ไทยได้รับอิทธิพลกระแสโลกาภิวัตน์เช่นเดียวกับประเทศอื่นทั่วโลก โดยเปิดรับการไหลบ่าของเทคโนโลยีสารสนเทศ วัฒนธรรม และองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ โดยเชื่อมโยงกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งด้านการสื่อสาร การถ่ายเทสินค้า บริการ เงินตรา ข้อมูลข่าวสารและวัฒนธรรม ฯลฯ ซึ่งไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงกระแสโลกาภิวัตน์นี้ได้ การเชื่อมโยงถึงกันอย่างไร้พรมแดน สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ที่ใดที่หนึ่ง สามารถแผ่อิทธิพลไปส่วนอื่นของโลกได้รวดเร็วและกว้างขวาง อุปสรรคที่เคยกั้นขวางการปฏิสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่าง ๆ ถูกลดทอน ทำให้แต่ละส่วนของโลกเข้าถึงกันได้ง่าย
สภาพโลกาภิวัตน์นี้ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งหากประเทศไทยสามารถตั้งรับได้เป็นอย่างดี ประเทศไทยจะสามารถป้องกันปัญหาที่มาพร้อมกับกระแสโลกาภิวัตน์ สามารถพัฒนาและแข่งขันกับนานาประเทศได้ ในทางตรงข้ามหากประเทศไทยไม่ตระหนัก และไม่ได้ตั้งรับกระแสโลกาภิวัตน์อย่างเท่าทัน จะเกิดปัญหาตามมาอย่างมาก เช่น ปัญหาคุณธรรมจริยธรรม ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาความรุนแรงทางการเมือง ปัญหาความล้าหลังของประเทศ ฯลฯ และอาจต้องเสียประโยชน์หรือถูกเอาเปรียบจากประเทศอื่นได้
ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องตื่นตัว และเร่งพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ ให้เท่าทันสภาพโลกาภิวัตน์ โดยปัจจัยสำคัญที่สุด คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และสร้างองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งบทบาทหลักจะตกอยู่กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาที่ต่างต้องเร่งพัฒนากำลังคน ให้มีความสามารถ มีองค์ความรู้ที่จำเป็น มีทักษะการคิด มีทักษะการประกอบอาชีพ สามารถแก้ปัญหาตนเองและสังคม เพื่อรองรับสภาพการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้อย่างเท่าทันและชาญฉลาด
ดังนั้น การวิจัยนี้จึงสนใจศึกษาประเด็น “ ผลกระทบของโลกาภิวัตน์ต่อการจัดการศึกษาไทยใน 5 ปี ข้างหน้า ” โดยคาดหวังว่าผลการศึกษา จะสามารถใช้ประโยชน์ในการกำหนดนโยบายและวางแผนของกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไข หลีกเลี่ยงและป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงพัฒนาระบบการศึกษาไทยให้สามารถปรับตัวได้เท่าทัน และสามารถเข้าใช้ประโยชน์สูงสุดจากสภาพโลกาภิวัตน์ที่มาถึงได้
ท้ายสุดนี้ คณะผู้วิจัยต้องขอขอบพระคุณศาสตราจารย์ ดร . เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ที่ได้ให้คำปรึกษาและคำแนะนำที่มีประโยชน์ยิ่งแก่คณะวิจัยฯ ตลอดการดำเนินการวิจัย จึงทำให้งานวิจัยนี้สำเร็จลุล่วงได้
ไม่มีความเห็น