จากครั้งก่อน (คลิกที่นี้ บ่อน...) อาจสรุปความเห็นของเกณฑ์ฯ ทั้งสามได้ว่า สนับสนุน คัดค้าน และไม่ถือเป็นสาระสำคัญ ...
เมื่อนำทั้งสามเกณฑ์นี้ มาเทียบกับปรัชญากฎหมายในประเด็นว่าด้วยบ่อเกิดกฎหมายแล้ว ก็อาจสอดคล้องกันได้อย่างนี้
..............
สำนักกฎหมายบ้านเมือง ถือว่า กฎหมายก็คือคำสั่งของผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านเมือง (องค์อธิปัตย์) ดังนั้น จะเหมาะสมหรือผิดถูกหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับคำสั่งนั่นเอง... แต่หากว่าคนในสังคมไม่พอใจคำสั่งนั้น ก็อาจต่อต้านผู้ออกคำสั่งได้ ดังนั้น คำสั่งที่สามารถเป็นธรรมและคงอยู่ได้นาน ก็คือคำสั่งที่สามารถประสานผลประโยชน์ของคนในสังคมกับผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจไว้ได้ ซึ่งนั่นก็คือ แนวคิดของลัทธิประโยชน์นิยม
เมื่อมาพิจารณาถึงกรณีบ่อน การที่กฎหมายจะรับรองให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย จะต้องเฉลี่ยผลประโยชน์ที่เกิดจากเรื่องนี้ให้แก่สังคมได้ทั่วไป จะต้องป้องกันข้อเสียหายต่างๆ ที่จะพึงมีจากเรื่องนี้ไม่ให้เกิดขึ้น และจะต้องตอบสนองผู้คัดค้านเรื่องนี้ให้มีความพอใจ... ประมาณนี้
สำนักกฎหมายธรรมชาติ ถือว่า กฎหมายก็คือสิ่งที่เลียนแบบมาจากกฎธรรมชาติ ซึ่งปกปักรักษาธรรมชาติและสังคมให้ดำรงอยู่ได้.... กฎหมายที่เป็นธรรมที่สุดก็คือกฎหมายที่สอดคล้องกับกฎธรรมชาติมากที่สุด ส่วนกฎหมายที่ขัดแย้งกับกฎธรรมชาติก็คือกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งคนในสังคมอาจดื้อแพ่งต่อกฎหมายได้ เมื่อพิจารณาเห็นว่ากฎหมายนั้นๆ ขัดแย้งกับกฎธรรมชาติ... ซึ่งนั่นก็คือ แนวคิดของลัทธิคานต์ที่ต้องการให้ทุกคนกระทำอย่างนั้น
เมื่อมาพิจารณาถึงกรณีบ่อน การที่จะรับรองให้เป็นสิ่งถูกต้องอาจฝืนต่อกฎธรรมชาติ เพราะการที่มนุษย์เกิดมาเพียงเพื่อมัวเมาและหลงระเริงต่อการพนัน น่าจะมิใช่วัตถุประสงค์ของธรรมชาติ... อนึ่ง กลุ่มนี้เชื่อว่า หลักศีลธรรมเป็นส่วนหนึ่งของกฎธรรมชาติที่มีขึ้นเพื่อความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองของมวลมนุษยชาติ แต่การพนันกลับก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายในวิถีทางของมนุษย์ ดังนั้น การเปิดบ่อนเพื่อสนับสนุนการพนัน จึงน่าจะเป็นการฝืนต่อกฎธรรมชาติ... ประมาณนี้
สำนักประวัติศาสตร์ ถือว่า กฎหมายก็คือแนวทางการดำเนินชีวิตที่ถูกตราไว้เป็นข้อบังคับ โดยแนวทางนี้ ได้มาจากการคิดค้น ลองผิดลองถูก และบ่มเพาะในสังคมนั้นๆ มาอย่างยาวนาน... และแนวทางนี้ก็จะได้รับการปรับปรุงไปเรื่อยๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตยิ่งๆ ขึ้นไป... กฎหมายใดก็ตามที่สนับสนุนการดำเนินชีวิตให้ดีขึ้นก็นับว่าเป็นธรรม ส่วนกฎหมายใดที่ขัดแย้งจากนี้ก็อาจกล่าวได้ว่าไม่เป็นธรรม... ซึ่งแนวคิดนี้ก็คือ ทฤษฎีคุณธรรมที่มุ่งหมายการพัฒนาอุปนิสัยที่พึงประสงค์นั่นเอง
เมื่อมาพิจารณาถึงกรณีบ่อน การที่จะำอนุญาตให้เป็นสิ่งถูกต้องตามกฎหมาย ก็อาจแก้ปัญหาทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นอุปนิสัยที่ไม่พึงประสงค์ได้... แต่ผลกระทบด้านอื่นๆ ซึ่งบางอย่างอาจไม่เป็นที่พึงประสงค์ ก็อาจมีหรือเพิ่มมากขึ้นได้เช่นเดียวกัน ถ้าบ่อนกลายเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายขึ้นมา... ในปัจจุบันนี้ การที่มีบ่อนถูกกฎหมายอยู่บ้าง แต่โดยมากผิดกฎหมาย ก็อาจสอดคล้องกับแนวคิดนี้...ประมาณนี้
...........
อนึ่ง เกณฑ์ ฯ ทั้งสามนี้ อาจสรุปเป็น ๒ ฝ่าย กล่าวคือ
ปัจจุบันนี้ นักจริยปรัชญาเชื่อว่า หลักศีลธรรมจะครบถ้วนสมบูรณ์ได้้ จะต้องประกอบทั้งสองฝ่าย... เมื่อนำมาประยุกต์ใช้เป็นแนวทางแห่งกฎหมาย ผู้เขียนคิดว่า กฎหมายจะต้องเป็นคำสั่งที่สนับสนุนอุปนิสัยที่พึงปรารถนา
เมื่อมาพิจารณาถึงกรณีบ่อน กฎหมายปัจจุบัน แม้จะไม่อนุญาตให้บ่อนเป็นสิ่งถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็มิได้สนับสนุนอุปนิสัยที่พึงปรารถนา
..........
บางท่านอาจแย้งว่า สารัตถะแห่งกฎหมายสนับสนุนอุปนิสัยที่พึงปรารถนา แต่กระบวนการทางกฎหมายต่างหากที่ก่อให้เกิดอุปนิสัยที่ไม่พึงปรารถนา ...
ผู้เขียนก็ใคร่จะแย้งความเห็นข้างต้นว่า กรณีการที่จะทำให้บ่อนการพนันเป็นสิ่งถูกต้องตามกฎหมายก็เช่นเดียวกัน บรรดานักการเมืองอาจมิได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐ หรือการกำจัดทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่คำนึงถึงการอนุญาตให้สัมปทานการเปิดบ่อนแก่กลุ่มทุนของตนเองและพวกพ้องเป็นประการสำคัญ...
กราบสมัสการพระอาจารย์
กราบสมัสการครับ
นมัสการครับ
ในสังคมไทยมักจะมีคำพูดว่า "ผลประโยชน์ร่วมกัน"ครับ
วลีดังกล่าว สำหรับบางคน อาจจะกลายเป็นความถูกต้องตามความคิดเห็นของเขาไปแล้วก็ได้กระมังครับ
ทั้งนักการเมือง และ ประชาชน
ท่านเลขาฯ เข้าใจอาตมาได้ลึกซึ้ง 5 5 5....
...............
เจ้า ของ เมเคียวเวลลี เคยอ่านนานแล้ว แต่ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก เนื่องจากผู้เขียนใช้เหตุการณ์ของยุโรปเป็นตัวบ่งชี้ ส่วนหลวงพี่ไม่รู้รายละเอียดประวัติศาสตร์ยุโรป...
ข้อดีอย่างหนึ่งของการเรียนปรัชญาก็คือ มักจะรู้จักหนังสือดังๆ ในแต่ละสาขา แต่หลายเล่มก็รู้จักเพียงแต่ชื่อ...
เดียวนี้ียุคอินเทอร์เน็ต หนังสือดังๆ เก่าๆ พอหาอ่านได้ แต่อินเทอร์เน็ตมาช้าไป เพราะหลวงพี่โดนโรคเบื่อหนังสือเข้าครอบงำเสียแล้ว (5 5 5....)
.........
เคยเขียนเล่าไว้ที่นี้ จาก gotoknow ถึง hi5 และ facebook
แต่หลวงพี่ก็ไม่ได้ใช้อะไรมาก เพียงแต่เข้าไปสังเกตการณ์บ้างเป็นบางครั้งเท่านั้น
..........
เจริญพรทุกท่าน
และแล้ววันนี้ก็มาถึง บ่อนเสรี
หากเปรียบเทียบความดีในประเทศไทยกับคนป่วยแล้ว คงจะเข้าขั้นโคม่า หายใจระรินรวย รอเพียงวันหมดลมเท่านั้น
มีนักรบแห่งธรรมอีกหลายรูป ที่ท่านสู้อย่างเต็มกำลังของท่าน และรู้สึกว่าการแก้ปัญหาวันนี้ มันทั้งหนักทั้งเหนื่อยแสนสาหัญ อดหลับอดนอน ข้าวปลาที่ฉันได้เพียงมื้อเดียวต่อวันนั้นก็แทบจะไม่ได้ฉัน ด้วยภาระที่หนักอึ้งเช่นนั้น จะขบฉันอะไรก็แทบจะฉันไม่ลง
กงล้อธรรมจักรที่ต้องฝืนเข็นจนแทบหมดเรี่ยวแรงนั้น เหมือนจะมีแรงต้านอันมหาศาลที่ทำให้หมุนกลับในทิศทางตรงกันข้าม
..เราจึงคิดต่างที่จะไม่สู้
แต่ขอฝ่าวงล้อมไปซ่องสุมกำลังพล เฉกเช่นเดียวกับพระเจ้าตาก
“การที่สังคมย่อยยับในเวลาที่สมควร … เป็นประโยชน์”