"เจ้าชายราอัน ในมาดขรึม"
กู่หลงขบคิดเล็กน้อย เหลียวมองไข่มุกบนหัวคทาอย่างนึกอะไรขึ้นมาได้ หรือว่าตอนเคาะมันคืนพลังให้เจ้าชายเมื่อสักครู่นี้ ไข่มุกวิเศษยังถ่ายเทให้อีกฝ่ายไม่หมด เพียงคืนความสามารถด้านภาษาให้ ยังไม่ได้คืนความฉลาดให้กับเจ้าชายน้อยองค์นี้
ดังนั้นจึงตวัดมือขึ้นอีกครั้ง หมายเคาะออกไปอีกครา
หากแต่คราวนี้หนุ่มน้อยราอันระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว จึงเอี้ยวตัวหนีแล้วกระโจนเข้าไปหาอีกฝ่าย อ้าปากงับคทาตรงโคนไข่มุกไว้ได้ กู่หลงอุทานดังเฮ้ย รีบสะบัดมือหมายแย่งคทาคืน แต่หมาน้อยงับไว้ไม่ยอมปล่อย สุดท้ายจึงถูกชูขึ้นห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ
" ฝ่าบาทอย่าทำแบบนี้ กระหม่อมหาได้คิดร้ายต่อพระองค์ไม่ "
" แง่ง แง่ง แง่ง แง่งงงง " [แปลว่า.. ก็แกจะตีฉันนี่ !]
เพราะปากคาบคทาอยู่ จึงไม่อาจส่งเสียงเป็นภาษาคนได้ ได้แต่คำรามเป็นภาษาหมาแทน
" เจ้าชาย.. พระองค์คือทายาทของเจ้านายของกระหม่อม พระราชาแห่งโกโนโก ทรงฝากฝังให้กระหม่อม ช่วยเหลือพระองค์เพื่อกลับไปกู้อาณาจักรคืนจากอสูรร้าย ทั้งหมดคือเรื่องจริง "
กู่หลงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว ละล่ำละลักร้อนรน ด้วยความร้อนใจ ที่ถูกเข้าใจผิด
" อาณาจักรโกโนโกถูกบุกเข้าครอบครองโดยอสูรร้าย พระราชาและพระราชินีได้หลบหนีมาพร้อมกับขุนพลคู่บัลลังก์ทั้งสี่ ทะลวงผ่านมิติคู่ขนาน มายังโลกมนุษย์แห่งนี้ และเพื่อให้เจ้าชายกับเหล่าทายาทของสี่ขุนพลปลอดภ้ยจากการถูกตามล่า จึงให้คทามุกมังกรสาปทุกคนให้อยู่ในร่างสัตว์ แล้วลบความคิดและความทรงจำของมนุษย์ทุกอย่างไป เพื่อว่าค่อยคืนกลับให้ในภายหลัง.."
ระหว่างอธิบาย ราอันยังคงโยกหัวสะบัดไปมากลางอากาศ หมายกระชากชิงคทา
หากด้วยอานุภาพแห่งแรงภักดีต่อพระราชาที่ถ่ายทอดจากมือของกู่หลงไหลผ่านคทาไปยังไข่มุกวิเศษ บวกกับปากของหมาหนุ่มที่โยกมันไปมา ไข่มุกจึงเหมือนกับกับเคาะใส่ข้างแก้มของราอันไปด้วย
ยามนั้นเอง...แสงจากไข่มุกวิเศษจึงสว่างวาบขึ้น ถ่ายเทพลังอำนาจแห่งความรู้และปัญญาให้กับหมาน้อย ทำให้เขาฉลาดขึ้นมาอีกกระจึ๋ง (เฮ้ย..ทำไมมันง่ายๆแบบนี้หว่า ?.. แต่เอาเต๊อะ..ยืดยาด เดี๋ยวคนเบื่อ ยิ่งคนอ่านวัยรุ่นทั้งน้านซะด้วย อิอิ)
ราอันรู้สึกมึนงง หูอื้อตาลายไปแป๊บนึง จากนั้นภายในหัวค่อยรู้สึกโล่งสบาย มีแสงระยิบระยับแห่งปัญญาเปล่งประกายขึ้นแบบเวลาที่นักเขียนการ์ตูนชอบวาด เวลาตัวละครของเขาฉลาดขึ้นมานั่นแหล่ะ หนุ่มน้อยกะพริบตาราวกับค่อยรับฟังสิ่งที่กู่หลงบอกอย่างเข้าใจในที่สุด
ด้วยเหตุนี้จึงค่อยยอมคายคทาในปาก ปล่อยตัวเองทิ้งกายจากกลางอากาศลงยืนบนเตียง แล้วหมอบตัวลงพาดขาหน้าทั้งสองกับหมอนข้าง ยืดอกเชิดหน้ารอรับฟังอย่างสงบสุขุม ด้วยมาดแห่งพระเอก ผิดกับมาดหมาขี้โมโหแบบตะกี้ราวคนละตัว
" เอาล่ะ.. เราเข้าใจแล้ว "
ไชโย !
ภูตมังกรแทบจะโห่ร้องเสียงดังออกมาด้วยความดีใจ
" ทรงเข้าพระทัยแล้ว ทรงเข้าพระทัยแล้ว "
" แล้วตอนนี้เสด็จพ่อเสด็จแม่ของเราอยู่ที่ไหน ? "
ฮั่นแน่...พอเริ่มฉลาด ก็เริ่มใช้ราชาศัพย์เป็นเสียด้วย กู่หลงแอบปลื้มอยู่ในใจ แต่ครั้นพอนึกถึงคำตอบของคำถาม ภูตมังกรก็หน้าเศร้าลงอีกครั้ง
" ทั้งสองพระองค์ถูกจอมอสูรจับตัวไปได้และถูกขังไว้ จวบจนบัดนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม ส่วนสี่ขุนพลเพื่อปกป้องพระราชาและองค์ราชินี จึงสู้รบกับจอมอสูรจนบาดเจ็บสาหัส แต่ก่อนจะเสียชีวิต ก็ได้ถ่ายทอดพลังอำนาจเวทมนต์ทั้งหมดที่ตนเองมี รวมกันไว้ในชามใบหนึ่ง ..เป็นชามที่รวมไว้ซึ่งพลังแห่งความรักสามัคคีที่ทั้งสี่มีต่อกัน และพลังความแค้นที่มีต่อศัตรูผู้รุกราน ด้วยหวังว่าสักวันหนึ่ง... ทายาทของพวกตนที่กระจายกันไปคนละทิศละทาง จะได้กลับมาร่วมรับประทานอาหารในชามใบนี้พร้อมกัน และเมื่อนั้น.. พลังเวทมนต์ที่ทั้งสี่ฝากมรดกไว้ในชาม ก็จะถ่ายทอดคืนกลับให้แก่ทายาททั้งสี่อีกครั้ง "
ราอันพยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ ก่อนจะสรุปว่า
" งั้นก็หมายความว่า.. เราต้องค้นหาทายาทของสี่ขุนพลให้เจอ แล้วให้พวกเขารับประทานอาหารร่วมกันในชามใบนั้น เพื่อฟื้นพลังแห่งอำนาจเวทมนต์ที่เหล่าขุนพลฝากไว้แก่สี่ทายาท จากนั้นจึงค่อยเดินทางไปกอบกู้อาณาจักรโกโนโกคืนจากจอมอสูรใช่ไหม ? "
" ถูกแล้วพะยะค่ะ ทรงพระเฉลียวฉลาดเหลือเกิน โกโนโกมีทางรอดแล้ว "
กู่หลงปลาบปลื้มใจจนน้ำตาไหล ปาดเช็ดน้ำตาทีหนึ่ง แล้วบอกต่อไปว่า
" เหล่าทายาททั้งสี่ถูกขนานนามเรียกว่า เหล่าพันธมิตรแห่งชาม ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน.."
" อ้าว.. อย่างนั้นแล้วเราจะไปหาพวกเขาเจอได้อย่างไร ? "
" ในครั้งนั้นกระหม่อมเพียงได้รับราชโองการ ให้คุ้มครองคทามุกมังกร และดูแลปกป้ององค์รัชทายาท จวบจนพระองค์เจริญพระชันษาเป็นหนุ่ม จึงค่อยบอกความจริง พร้อมกับค่อยๆฟื้นพลังแห่งมนุษย์ให้พระองค์ "
หมาหนุ่มทำตาวาวขึ้นมาอย่างฉุกใจคิด
" หมายความว่า..เราเป็นมนุษย์หรือ ? "
" พะย่ะค่ะ.. พระองค์เพียงถูกสาป ไว้ในร่างสุนัขเท่านั้น เพราะ ณ ร่างนี้จะช่วยให้พระชันษาเจริญอย่างรวดเร็ว ด้วยเวลาเพียงสิบเดือนเศษก็จะเทียบเท่ามนุษย์หนุ่ม ประมาณวัยสิบหกสิบเจ็ดปี พะย่ะค่ะ "
ราอันรับฟังยังรู้สึกงง ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ยังคงสงวนมาดไว้ไม่แสดงออก พยักหน้าหงึกๆเหมือนเข้าใจ ก่อนจะทวงถามว่า
" ตะกี้ท่านยังตอบไม่ตรงคำถามเราเลย เราถามท่านว่า..จะไปตามหาเหล่าพันธมิตรแห่งชามได้อย่างไร ท่านลุงพอจะทราบไหม ? "
" กระหม่อมตอบแล้ว ..เนื่องจากเพราะมัวแต่คุ้มครองพระองค์และคทาวิเศษ จึงไม่ทราบจริงๆว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน แต่คาดว่า..มีบุคคลผู้หนึ่งที่อาจจะทราบ "
" ใคร ? "
" ซินแสเต็ง พะย่ะค่ะ "
" ใครหรือ ..ซินแสเต็ง ? "
" เขาเป็นศิษย์เอกของเทพโอสถ ได้รับการขอร้องจากพระราชาให้ช่วยคุ้มครองเจ้าหญิงพระขนิษฐา หลบหนีไปอีกทาง "
หัวใจของหมาหนุ่มพอได้ยินถึงกับเต้นแรง ด้วยความตื่นเต้น ผุดลุกขึ้นยืนขยับตัวไปมาอย่างควบคุมอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ภายในไว้ไม่อยู่
" ท่านว่ายังไงนะ เจ้าหญิงพระขนิษฐา.. หมายความว่า.. เรายังมีน้องสาวหรือ ? "
" พะย่ะค่ะ เป็นพระขนิษฐาที่ประสูติจากพระสนมองค์หนึ่ง แต่น่าสงสารที่พระมารดาของนาง สิ้นพระชนม์ระหว่างการหลบหนี ตอนนั้นเจ้าหญิงน้อยยังทรงแบเบาะมาก พระราชาจึงฝากนางไว้กับเต็งซินแสช่วยดูแล "
" แล้ว.. แล้ว.. ตอนนี้ซินแสเต็งอยู่ที่ไหน ? "
" พระทัยเย็นไว้ก่อนพะย่ะค่ะ กระหม่อมเอง ก็เพิ่งได้รับทราบร่องรอยของท่านซินแส แต่ยังไม่ได้ไปพบเขาซึ่งๆหน้า เพราะเขาเป็นคนของโลกนี้ ไม่ใช่คนของโกโนโก จึงเกรงว่าเขาจะไม่รู้จักกระหม่อม และอาจจะปฏิเสธเรื่องเจ้าหญิงพระขนิษฐา ดังนั้นจึงต้องพาพระองค์ไปด้วยพร้อมกันเพื่อช่วยยืนยันกับเขาพะย่ะค่ะ "
" แล้วเขาอยู่ที่ไหน ? "
" อยู่ภายในเมืองนี้แหล่ะพะย่ะค่ะ จะเสด็จไปกับกระหม่อมในตอนนี้เลยไหมพะย่ะค่ะ ? "
ราอันแทบจะโพล่งรับปากตกลงไปเลยในทันที แต่แล้วก็ฉุกใจคิดขึ้นมาได้ว่า ขณะนี้ใกล้เวลาที่นายจะกลับมาจากทำงานแล้วนี่นา ถ้าหากนายกลับมาไม่เจอเขา จะเป็นอย่างไร..เธอคงตกใจแน่
คิดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าต่อกแต่กอันคุ้นหู เดินขึ้นบันไดมาอย่างหมดแรงแล้วหยุดลงหน้าประตูห้อง
เจ้านายแน่ๆ... เขาจำเสียงฝีเท้านั้นได้ !
หมาหนุ่มกระโดดแผล่วลงจากเตียงทันที กระดิกหางดีใจอย่างเคยชิน หันมาทางกู่หลงรีบบอกว่า
" ลุงหลบไปก่อนนะ..นายผมกลับมาแล้ว เดี๋ยวรอให้นายหลับก่อนนะ แล้วพวกเราค่อยไป "
พูดจบก็พุ่งตัวไปที่หน้าประตู ก้มๆดมที่ร่องประตูทำจมูกฟุดฟิด ส่ายก้นส่ายหางระริกระรี้รอเสียงไขลูกบิดประตูอย่างร้อนรน เหมือนทุกครั้งที่อีกฝ่ายกลับมา
ไม่มีมาดพระเอก.. เจ้าชายราอันอย่างเมื่อครู่อีกแม้แต่น้อย
กู่หลงมองอากัปกิริยาเหล่านั้นของเจ้าชายน้อยของตนแล้วถอนใจ... !
ดูท่าคทาวิเศษยังคืนความรู้สึกความเป็นมนุษย์ให้อีกฝ่ายกลับมาไม่หมด หรือไม่ก็แค่กลับแบบกระท่อนกระแท่น อาจจะเพราะทรงคุ้นเคยในร่างนั้นนานไปหน่อย ถึงทำให้ลืมพระองค์กลับไปเป็นหมาได้อีกครั้งแบบนี้
ช่างเถอะ.. เวลาคงช่วยทำให้ทุกอย่างค่อยๆดีขึ้นเอง
แล้วก่อนที่ประตูจะถูกเปิดอ้าออก...คนข้างนอกจะก้าวเข้ามาในห้อง ภูตมังกรก็ท่องเวทมนต์เบาๆในคอ จากนั้นหายตัววับล่องหนจากไปอย่างรวดเร็ว
....................................
อา...เรื่องราวในที่สุดก็เริ่มเข้าเรื่องแล้ว
ซินแสเต็งเป็นใคร อยู่ที่ไหน ?
เขาจะช่วยบอกร่องรอยของเหล่าพันธมิตรแห่งชามให้เจ้าชายราอันทราบได้หรือไม่
ยังมีเจ้าหญิงพระขนิษฐา.. จะมีพระสิริโฉมงดงามหรือเปล่าหนอ
แล้วที่สำคัญ.. คืนนี้พระเอกของเรา จะแอบหนีนายไปหาพวกเขาได้อย่างไร
มารอติดตามกันในตอนต่อไปนะคะ ^______^
เข้ามาตอบครับ...
คุณ กวินทรากร
:: ขอบคุณสำหรับคำชมครับ เอาใจช่วยผมด้วยนะครับ ^^
คุณหมอ เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี
:: โล่ง....อกไป คราวนี้ไม่โดนหมั่นไส้ แค่โดนหัวเราะ...แหะๆ (ว่าแต่ลุงหมอหัวเราะแปลกจังเลยฮะ)
คุณน้า ขจิต ฝอยทอง
:: นายป่าวนอนดึกครับ แต่นายนอน-ตื่นไม่เป็นเวลาเหมือนชาวบ้านเค้าน่ะฮ่ะ (ผมล่ะปวดหัวเหมือนกัน ในประเทศไทยจะมีหมาแบบผมมั้ยเนี่ย ที่กินอาหารมื้อเย็นตอนตีสองตีสาม)
ส่วนเรื่องแต่งแต๋ว..นายเค้าแก้ตัวว่า..นั่นเป็นการแต่งตัวของอีกมิตินึง ซึ่งเค้าอาจจะมีมุมมองแตกต่างไปจากคนบนโลกนี้มองก็ได้นะฮะ อย่างนั้นอาจจะสวยสง่าของเค้าก็ได้จริงมะฮับ ^^
หวัดดีฮะ.. แม่พี่ฮันนี่ stardust
ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจพระเอกรูปหล่ออย่างผม
แต่นายฝากขอโทษผู้ติดตามอ่านอย่างสุดซึ้งว่า วันนี้โดนทวงงาน เลยปั่นต้นฉบับไม่ทัน ประกอบกับหมดวันหยุดแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปขึ้นเวรต่อ ดังนั้นตอนต่อไปคงต้องมาส่งสัปดาห์หน้านะค้าบ
อย่าลืมแวะมาให้กำลังใจพระเอกหล่ออย่างผมต่อนะค้าบ จุ๊บๆๆๆ (ฝากจุ๊บพี่ฮันนี่ด้วยนะฮ้า)