การเลีอกตั้งล่วงหน้า23,24กพ2551ผ่านไป สื่อมวลชนทุกแขนง กกต จังหวัด กกต กลาง ต่างออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคนมาใช้สิทธิน้อยมากเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งล่วงหน้า สส.วันที่ 15,16 ธันวาคม 2551 เป็นไหนๆ มีผู้ตั้งข้อสังเกตุที่น่าสนใจว่า 1.ผู้ที่เขาขอใช้สิทธิล่างหน้าคราวเลือก สส.ไม่ถูกยกเลิกในคราวเลือกล่วงหหน้า สว.คราวนี้ทำให้เกิดการเสียสิทธิจำนวนมาก ในการเลือกตั้งวันที่ 2 มีนาคมด้วยเพราะเมื่อไม่ยกเลิกและเจ้าตัวไม่สามารถไปเลือกล่วงหน้าวันที่ 23,24 กพนี้ได้วันที่ 2 มีคที่จะถึงนี้ 2.การรณรงค์ประชาสัมพันธ์เรื่องความสำคัญของการเลือกตั้ง สว.มีน้อยมาก 3.พี่น้องประชาชนไม่ทราบบทบาทภาระหน้าที่ของ สว.ไม่เห็นความสำคัญ เลยไม่ค่อยสนใจไปใช้สิทธิ 4.การปราศรัยหาเสียง พากองเชียร์ แนวร่วมของผู้สมัคร สว. ออกไปพบประพูดคุยแลกเปลี่ยนกับประชาชนมีน้อยมาก 5.ชาวบ้านรู้สึกว่า สว. เป็นเรื่องไกลตัว คิดว่าไม่มีความสำคัญ ไม่มีบทบาทใดใดในสภา 6.เบื่อการเมือง เบื่อนักการเมืองที่ต้องมีการเลือกตั้งหลายครั้ง 7การซื้อสิทธิ ซื้อเสียงใช้เงินซื้อเสียงไม่คึกคักเหมือนเลือก สส. 8 สว.บางคนซื้อเสียง หัวละไม่ต่ำกว่า 500 บาท มีปรากฎในท้องที่จังหวัดขอนแก่นแล้ว รวมทั้งงานนี้ใครรวย เงินหนา มีอาเสี่ยหนุนหลังเงินมาก สามารถทำแผ่นปลิว ป้ายหาเสียงแยะมีโอกาสได้รับเลือกสูง 9.ประชาชนคอการเมืองรับไม่ได้กับการเลือกตั้ง สว.ที่ไม่พิจารณาสัดส่วนประชากรของแต่ละจังหวัด จังหวัดที่ประชากรมากเลือก สว.ได้เพียงคนเดียวเท่ากับจังหวัดที่มีประชากรน้อย ยิ่งกรุงเทพสามารถเลือกได้เพียงคนเดียวทั้งๆที่เป็นเมืองใหญ่ 10.ประชาชนเขารู้สึกว่าโดนหลอกว่า สว.ทำให้คนเพียง 7-8 คนมาสรรหา สว. ถึง 74 คน 11.สว. คราวนี้จึงเป็น สว. ลูกครึ่ง จะเข้ากันได้หรือไม่ และถ้า สว. สรรหาเป็นสว.ที่เป็นลูกหม้อพรรคการเมือง นอมินี จะเกิดอะไรขึ้นกับบทบาทที่ สว. ที่ต้องรับผิดชอบกับบ้านกับเมือง 11.หากมีกฎหมายนิรโทษกรรมบ้านเลขที่ 111 คงจะได้เห็นบทบาท สว.นอมินีอย่างแน่นอน และล่าสุดการเลือกตั้ง สว. ทั่วประเทศมีผู้มาใช้สิทธิ 55 % (2มีค 2551) ในรอบ 25 ปีมีผู้มาใช้สิทธิต่ำที่สุด เป็นครั้งที่2 ครั้งแรก 18 เมษายน 2526(50.6%) ซึ่งครั้งนี้ทั่วประเทศ no vote ถึง 2,079,000 คน ซึ่งกรุงเทพใช้no vote 177,000 คน มากถึง 10 ซึ่งนับว่าผลสะท้อนนี้มาจากหลากหลายประเด็นทีเดียว
เป็นการวิเคราะห์ที่น่าสนใจ แต่ทำให้มันอ่านง่ายขึ้นหน่อยได้ไหมครับ ขอบคุณครับ