" ฟุตซอล "
การแข่งขัน กีฬาฟุตชอล ในประเทศไทยที่จัดเป็นรูปแบบ " ลีก " เป็นกีฬาที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนคนไทยค่อนข้างดี ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเร้าใจของเกม ที่ไม่เบื่อหน่าย ดูแล้วต้องลุ้นและตื่นเต้นตลอดเวลา สถานที่จัดการแข่งขันที่เข้าถึงคนไทย ทำให้ดูได้อย่างสะดวกสบาย ไม่มีการเก็บค่าผ่านประตู เป็นเหตุผลหลักที่คนไทยชอบ และถ้าท่านติดตามข่าวเรื่อง "บอลโต๊ะเล็ก" (นักข่าวเขาเรียกกัน) จะเห็นได้ว่ากีฬาประเภทนี้ ประเทศไทยอยู่อันดับต้นของเอเชียและอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว
24 ก.พ. 51 ได้ชม "บิ๊กแมตส์" แบบติดขอบสนามที่แฟร์ชั่นไอแลนด์ ฮอลล์ ( ศูนย์การค้า แฟร์ชั่น ไอแลนด์ ถนนรามอินทรา ) เป็นการพบกันระหว่างอันดับ 1 และอันดับ 2 ของตาราง สโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทย พบกับ สโมสรชล ชลบุรี ( ชลบุรี บลูเวฟ) ภาพแรกที่เดินเข้าสถานที่ทำการแข่งขัน ผู้เล่นกำลังอบอุ่นร่างกาย กองเชียร์ทั้ง 2 ทีมส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม มีทั้งเสียงกลอง เสียงโหวด และเสียงตะโกนเชียร์ บรรยากาศเหมือนอยู่ในการแข่งขันที่ใฝ่ฝัน ที่อยากจะเห็นเป็นอย่างยิ่ง บรรยากาศเร้าใจมาก...มองหาที่นั่ง...เต็มหมด...เลยติดสินใจนั่งบันไดทางขึ้นอัฒจรรย์ชั้นล่างติดขอบสนาม
การแข่งขันดำเนินไปอย่างเร้าใจ ชิงไหวชิงพริบ อย่างสูสี ต่างคนต่างไม่ยอมแพ้ เกมส์ค่อนข้างหนัก ผู้เล่นมีการกระทบกระทั่งกันตลอดเวลา สลับกันขึ้นนำ และบทสรุปสุดท้าย มาจบที่ชัยชนะของทีมชลบุรี
ขอชมเชย
ความเด็ดขาดของผู้ตัดสินทั้ง 2 ท่านที่ไม่สะทกสะท้านต่อเสียงจาก กองเชียร์ ผู้ควบคุมทีม และผู้เล่น สามารถควบคุมให้เกมส์ดำเนินการแข่งขันได้อย่างสมบูรณ์ แจกใบเหลืองนับไม่ถ้วน ใบแดง ทั้ง 2 ทีมประมาณ 3 - 4 ใบ และเชิญผู้ควบคุมทีมออกไปนั่งดูข้างนอกอีก 1 ( การท่าเรือ ) สมกับที่เป็น " คิง ออฟ ฟีลด์ " จริง ๆ ( ขออภัยที่จำชื่อท่านทั้ง 2 ไม่ได้
ขอติติง 1
การเป็นผู้เล่นที่ดี
ยอมรับในในความเป็นผู้นำของหัวหน้าทีมทั้ง 2 ฝ่าย ( ชลบุรี-เบอร์ 4 ธนวัฒน์, การท่าเรือ เบอร์ 7 ( ไม่แน่ใจ) ธนากร ) แสดงให้เห็นความเป็นมืออาชีพ ที่จิตใจมุ่งในเกมส์ ไม่นอกเกมส์ แม้ว่าเกมส์จะตึงเครียดมากก็ตาม( อาจจะเป็นที่ประสพการณ์และวุฒิภาวะของทั้ง 2 คน ) แต่หลายคนยังต้องปรับปรุงอีกมาก ในเรื่องของการเล่นนอกเกมส์ การเคารพในการตัดสินของผู้ตัดสิน และการควบคุมอารมณ์ การใช้วาจากับผู้ตัดเสีย
ขอติติง 2
การเป็นผู้ดูที่ดี
เหตุการณ์ที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงในเกมส์การแข่งขันอีกอย่างก็คือเสียงของกองเชียร์ ของทั้ง 2 ฝ่ายจากขอบสนาม ผู้ชมที่เข้ามาชมมีอยู่ 2 ประเภท คือมาเชียร์ทีมของตนเอง และมาเพราะใจรักในเกมส์กีฬาไม่เชียร์ใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งผู้เขียนเป็นผู้ดูประเภทที่ 2
ส่วนประเภทที่ 1 มีความตั้งใจและคาดหวังผลการแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้บางครั้ง หรือ ตลอดทั้งเกมส์จะส่งเสียงยุยงให้ผู้เล่น เล่นเกมส์หนักขึ้นได้ และที่สำคัญจะส่งเสียงก่อกวนสมาธิผู้ตัดสินทุกครั้งเวลาที่ทีมตัวเองถูกตัดสินให้เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ผู้เขียนหลงไปนั่งจุดกองเชียร์ของฝ่ายหนึ่ง ครึ่งแรกของการแข่งขัน แทบต้องหาสำลีอุดหู กับเสียงที่ตะโกนด่าคำหยาบ ผู้ตัดสิน ยุผู้เล่นฝ่ายตนเอง และยั่วอารมณ์ฝ่ายตรงข้าม จนครึ่งหลังต้องหาที่นั่งดูใหม่ และต้องยอมรับว่ากองเชียร์บางคนยังไม่มี " คุณสมบัติในการเป็นผู้ดูที่ดี "
แต่ผู้เขียนก็ดีใจอย่างมากที่ มีคนดูเต็มจนล้นสถานที่จัดการแข่งขัน ซึ่งอย่างน้อย ๆ ก็แสดงให้เห็นว่าการกีฬาของไทยได้เดินก้าวหน้าไปอีก 1 ก้าวแล้ว
อยากให้คนไทยทุกคนช่วยกันดู ช่วยกันเชียร์ กีฬาที่มีการแข่งขันไนไทยไม่ว่าจะเป็นระดับใหนก็ตาม และช่วยกันปลูกฝังเยาชนให้มีใจรักกีฬาไม่ว่าประเภทใดก็ตามเช่นกัน .. ช่วยกันนะครับ... ประเทศไทยจะได้มีพัฒนาการทางด้านการกีฬาให้มากกว่านี้ อย่างน้อย ๆ ให้ทันเวียดนามที่ตอนนี้ก้าวนำประเทศไทยไปครึ่งก้าวแล้ว
ไม่มีความเห็น