ยุคเศรษฐกิจพอเพียง คุณรู้จักดีแค่ไหน


“KMในเศรษฐกิจพอเพียง” นั้น ชาวบ้านจะต้องมีทั้งทักษะและความรู้ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของตลาด โฆษณาชวนเชื่อให้ใช้สินค้าที่สิ้นเปลืองและเกินความจำเป็น นั่นคือ ไม่ตกเป็นเหยื่อการขับเคลื่อนด้วยกิเลส

     ในวันพุธที่ 22  กุมภาพันธ์ 2549 ทีมงานจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) เข้าพบ ศ.นพ.วิจารณ์  พานิช เพื่อหารือในการใช้ KM ในการขับเคลื่อนโครงการเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำริ ซึ่งทาง ธ.ก.ส เห็นความสำคัญของการใช้ KM เป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือเกษตรกรของไทย ซึ่งยังมีปัญหาหนี้ค้างชำระเป็นจำนวนมาก และต้องการให้เกษตรกรลดหนี้ให้ได้   โดยมีเป้าหมายในการเป็นสถาบันการเงินเพื่อพัฒนาชนบทที่มั่นคง โดยจะบริหารจัดการตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งที่ยั่งยืนให้แก่เกษตรกรลูกค้า พนักงาน และองค์กร ธ.ก.ส

     ซึ่งให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ในด้านเกษตรกรลูกค้ารายคนนั้น ธ.ก.ส. จะสนับสนุนการลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสในการประกอบอาชีพตามแนวทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 79,999 ครัวเรือน ส่วนในระดับหมู่บ้าน กำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงไว้ 799 หมู่บ้าน และในระดับจังหวัด จะเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายจำนวน 79 เครือข่าย ทั้งนี้จะเชื่อมโยงทั้งด้านการผลิตและการตลาดตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงอย่างมีระบบ โดยอาศัยกระบวนการ KM
     ด้านพนักงาน จะปลุกจิตสำนึกให้ตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต ดำรงชีวิตแบบพอเพียงไม่ฟุ้งเฟ้อ และปฏิบัติต่อลูกค้าเสมือนญาติ ส่วนในด้านองค์กร ธ.ก.ส. นั้น จะเน้นการทำงานที่มีประสิทธิภาพทันสมัย ไม่มุ่งแสวงหากำไร คิดดอกเบี้ยในอัตราที่เหมาะสม ให้บริการสินเชื่อโดยเน้นถึงความสำเร็จของลูกค้า และเป็นคลังปัญญาของเกษตรกร โดยร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร  
     หลังจากได้รับฟังแนวความคิดและเป้าหมายของ ธ.ก.ส. แล้ว ศ.นพ.วิจารณ์  พานิชได้แนะนำให้ทีม ธ.ก.ส. ให้ความรู้กับพนักงานของ ธ.ก.ส.ให้มีความเข้าใจในเศรษฐกิจพอเพียงให้ชัดเจน รวมทั้งกระบวนการวิธีการด้วย และให้ข้อมูลว่า KMในเศรษฐกิจพอเพียง นั้น ชาวบ้านจะต้องมีทั้งทักษะและความรู้ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของตลาด โฆษณาชวนเชื่อให้ใช้สินค้าที่สิ้นเปลืองและเกินความจำเป็น นั่นคือ ไม่ตกเป็นเหยื่อการขับเคลื่อนด้วยกิเลส  ดังนั้น key person คือชาวบ้าน ที่อาศัยความรู้จากการปฏิบัติ และการสั่งสมเป็นเวลานาน มันคือวิถีชีวิตของเค้า
 
     KM ทำให้เกิดการเรียนรู้การผลิตและการจำหน่าย โดยคุณอำนวยจะช่วยให้ชาวบ้านเกิดความเข้าใจจากการปฏิบัติ เช่น การออมทรัพย์ บัญชีครัวเรือน เป็นต้น และ ศ.นพ.วิจารณ์  พานิช ให้คำแนะนำเพิ่มเติมอีกว่า ธ.ก.ส. จะต้องฝึกพนักงานให้เข้าใจ KM  โดยการสร้าง “คุณอำนวย”  จากการปฏิบัติเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จนได้คุณอำนวยที่มีความเชี่ยวชาญ KM และขับเคลื่อนต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยทาง สคส. จะช่วยให้เกิดคุณอำนวยรุ่นแรกและ ในเวที KM ต่างๆ และในทีสุดจะเกิด KM ในเครือข่ายของ ธ.ก.ส.  ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจและความชัดเจนของกระบวนการจัดการความรู้ แก้ไขปัญหาหนี้ (เศรษฐกิจพอเพียง) ทาง สคส. ยินดีจะเป็น Organizer พาไปดูชุมชนตัวอย่างการทำ KM ที่ส่งผลให้เกษตรกรลดหนี้ได้ ในการจัดไปดูงานครั้งนี้ทางสคส. ต้องการให้ผู้บริหารระดับสูงของ ธ.ก.ส. เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ เพราะว่า KM จะสำเร็จได้ จะต่อเมื่อ ผู้บริหารระดับสูงของ ธ.ก.ส. มีความเข้าใจในการทำ KM ก่อน  และนี่ก็คือเหตุผลสนับสนุนต่อมา ถ้าเกิดผู้บริการเข้าใจกระบวนการ KM ดังนั้นการดำเนินงาน KM ภายในองค์กรของ ธ.ก.ส. ก็จะสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายได้
     ในยุคเศรษฐกิจพอเพียงนี้ เราเองเข้าใจความหมายของมันอย่างถ่องแท้หรือไม่ พอเพียงที่จะกิน จะอยู่ หรือสร้างให้เกินความจำเป็น นิยามคำว่าพอเพียงไว้แค่ไหน  ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่คิดว่าความพอของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ชาวนาพอใจในการไม่เป็นหนี้ มีพื้นนาน้อยๆในการทำนา มีเงินเก็บเล็กๆ น้อย อยู่ตามอัตภาพ ไม่ดิ้นรนให้เจ็บตัว แต่คนเมืองอาจจะนิยามการพอเพียงคือการมีบ้านหรู มีรถยนต์ขับ มีเงินเก็บมากๆ มีหน้าที่การงานใหญ่โต สำหรับผู้มีอำนาจระดับสูงๆ ในประเทศ การพอเพียงคือการมีบ้านพักตากอากาศหลายแห่ง การเที่ยวต่างประเทศเป็นว่าเล่นในแต่ละปี การมีเงินเก็บหลักหลายหมื่นล้าน  แล้วคุณละ นิยามคำว่าพอเพียงเป็นอย่างไร


คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 16533เขียนเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2006 15:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 12:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
เกษม ตันธนะศิริวงศ์

     เห็นด้วยที่ว่า ความพอเพียงของแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างออกไป แต่ความต่างกันนี้ก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ชาวบ้านเข้าใจความหมายของการความพอเพียงในระดับที่ไม่เดือนร้อนตนเอง และไม่เบียดเบียนคนอื่น การริเริ่ม KM ในเศรษฐกิจพอเพียงนี้เป็นสิ่งที่น่ารับการสนับสนุนมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า KM จะเป็นเครื่องมือที่ก่อให้เกิดการจัดเก็บข้อมูลเพื่อนำมาซึ่งการวิเคราะห์และประเมินในบุคคล ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากเรื่องการทำบัญชีครัวเรื่อน ทำให้ชาวบ้านสามารถประเมินตัวเองเพื่อนำไปสู่การวางแผนการทำงานเพื่อการดำรงชีพ หรือแม้การทั้งเป็นตัวชี้ว่าพฤติกรรมการใช้จ่าย หากเป็นการใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ก็ควรที่จะพิจารณายกเว้น

ท้ายสุดนี้อยากเห็นความสำเร็จของ KMในระบบเศรษฐกิจพอ เพื่อในที่สุด ชาวบ้านสามารถเพิ่งพาตัวเองได้โดยไม่ต้องเพิ่ง ธ.ก.ส อีกเลย 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท