กิจกรรมวันตรุษจีน : แรลลี่ภาษาจีน
วันนี้ผมได้ไปร่วมงานกิจกรรม "แรลลี่ ภาษาจีน" ที่โรงเรียนสิ่นหมิน...หัว (โขน) หนึ่ง ไปในฐานะ "ตัวแทนชมรมผู้ปกครอง" และ อีกหัวหนึ่งไปในฐานะผู้ปกครองเอง ส่วนอีกหัวหนึ่งผมอยากไปศึกษา Process ของการจัดกระบวนการนี้...เรียกว่าครั้งนี้ไปด้วยใจเลย..และตั้งใจที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ให้โรงเรียนด้วย..มันเหมือนมีความผูกพันกันมานานเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับการต้อนรับจากโรงเรียนด้วยดี
๑๒.๓๐ น. นักเรียนจำนวน ๑๘-๑๙ ห้อง จำนวน ๖๐๐ กว่าคน มารวมตัวกันที่ห้องประชุมของโรงเรียน...พอพร้อมกันเรียบร้อยแล้ว...ครูใหญ่โรงเรียนสิ่นหมิน..นายกิตติศักดิ์ แท่งทอง..ก็กล่าวแนะนำนักเรียนถึงการเข้าร่วมกิจกรรม "แรลลี่ ภาษาจีน" ในครั้งนี้..ว่ามีลักษณะเป็นฐานกิจกรรม ๑๐ ฐานด้วยกัน (จะได้เล่ารายละเอียดต่อไป)...นักเรียนจะได้กระดาษสีขาว ๑ แผ่น มีลักษณะแบบ Pastport หากนักเรียนคนใดเข้าครบทุกฐาน (ซึ่งจะมีคุณครูคอยเซ็นชื่อให้) จะได้รับของรางวัล (เป็นของที่ระลึกจากเมืองจีน)...และในระหว่างเข้าฐาน..ร่วมเล่นเกมส์..หากทำได้..ก็จะได้ขนมติดมือมาด้วย...
๑๓.๐๐ น. ครูใหญ่ปล่อยนักเรียนให้ไปเข้าร่วมในฐานกิจกรรมต่างๆ โดยให้เวลา ๑๐ ฐาน ประมาณ ๗๐ นาที นั่นหมายความว่า นักเรียนมีเวลาอยู่ในแต่ละฐาน ๗ นาที (ความจริงน่าจะให้สัก ๑๐ นาที เพราะเฉลี่ยแล้วนักเรียน ๖๐๐ กว่าคน ไปเป็นพี่เลี้ยงส่วนหนึ่ง หากแบ่งเป็น ๑๐ กลุ่ม กลุ่มหนึ่งก็เกือบ ๖๐ คน)...พอนักเรียนไปเข้าร่วมกิจกรรมตามฐานแล้ว ผมก็ไปตามฐานด้วย...ซึ่งจะเล่ารายละเอียดให้อ่านเล็กน้อยก่อน..แล้วจะไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมให้อ่านกันต่อไป..เริ่มกิจกรรมกันเลย..
ฐาน ๑ : อักษรจีนโบราณ-อักษรจีนปัจจุบัน
เป็นฐานกิจกรรมที่แสดงวิวัฒนาการของอักษรจีนโบราณ..จนถึงปัจจุบัน ผ่านกิจกรรมบอร์ด และแผ่นกระดาษอักษรจีน..หากใครอ่านได้ก็จะมีรางวัลให้..
ฐาน ๒ : ขนม-ผลไม้โชคลาภในเทศกาลตรุษจีน
เป็นฐานกิจกรรม ที่นำเอาขนม-และผลไม้ โชคลาภในเทศกาลตรุษจีนมาตั้งให้นักเรียนดูของจริง..ประกอบด้วย ขนม-ขนมเทียน, ขนมเข่ง ผลไม้-ส้ม,องุ่น,แอปเปิล,กล้วยหอม,สาลี่จีน ส่วนนี้ยังไม่มีเวลาไปค้นรายละเอียด เพราะเวลาในการชมก็มีประมาณฐานละไม่เกิน ๕ นาทีเท่านั้น
ฐาน ๓ : ความเป็นมาของ ชื่อ-แซ่
เป็นฐานกิจกรรม ที่นำเอาเรื่องแซ่-และชื่อ ของคนจีน มาแนะนำให้นักเรียนได้รู้จักที่มาที่ไปกันพอสมควร...ซึ่ง "เกาเหล่าซือ" ได้กรุณาเล่าย่อๆ ให้ฟัง และผมนำมาถ่ายทอดย่อๆ ก่อน (หากมีเวลาจะไปค้นคว้าเพิ่มเติม) ดังนี้
แซ่ของคนจีน มีประวัติมานานกว่า ๓,๐๐๐ ปี เดิมมีถึง ๑๑,๙๖๙ แซ่ ต่อมาก็ลดลงมาเรื่อยๆ เหลือ ๒๐๐ กว่าแซ่ แต่ปัจจุบันมีแซ่ประมาณ ๑๐๐ กว่าแซ่เท่านั้น (มีเอกสารที่เป็นแซ่ภาษาจีนแจกด้วย)
ตัวอย่างแซ่ที่มีมาก และรู้จักกันดี เช่น แซ่หวาง, แซ่หลี่ เป็นต้น
ความหมายของแซ่ เช่น แซ่ลิ้ม ลิ้ม=ไม้...มีประวัติว่า หญิงคนหนึ่งมีท้อง แล้วเข้าไปคลอดลูกในป่า..ในป่ามีไม้ (งงไหมครับ)....แซ่เกา..เกิดในสมัยราชวงศ์ "ฮั่น" เป็นต้น
ชื่อของคนจีน ส่วนมากจะมีชื่อ ๑ พยางค์ หรือ ๒ พยางค์ ชื่อที่ตั้งให้บุตรชาย จะแสดงถึงความเข้มแข็ง เช่น มังกร เป็นต้น ส่วนชื่อที่ตั้งให้บุตรหญิง จะแสดงถึงความสวยงาม หรือเป็นชื่อของดอกไม้ ฯลฯ
คนจีน จะใช้ "แซ่นำหน้าชื่อ" ส่วนคนไทย จะใช้ "ชื่อตามด้วยนามสกุล" นี่คือข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัด...
ฐาน ๔ : ความสำคัญของวันตรุษจีน
ฐานนี้ คนแน่นมาก เลยไม่ได้เก็บรายละเอียดมาฝากนะครับ..คงต้องเป็นหัวข้อค้นคว้าเพิ่มเติมครับ
ฐาน ๕ : เมืองสำคัญ/สถานที่ท่องเที่ยวของประเทศจีน
แน่นอนว่าต้องมีเมืองปักกิ่ง/หังโจว กำแพงเมืองจีน พระราชวังกู้กง และจตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นแน่แท้
ฐาน ๖ : อัตราเงิน/ของสำคัญของจีน
ฐานนี้ ก็ว่าด้วยสกุล เงิน "หยวน" ของจีน ครับ เป็นหยวนใหม่ที่มีภาพของท่านประธานฯ "เหมาเจ๋อตุง" ครับ
ฐาน ๗ : วัฒนธรรม/ประเพณี ความเชื่อของคนจีน
มีมากมายทีเดียวครับ เช่น ทำไมต้องใส่เสื้อสีแดงวันตรุษจีน, ทำไมต้องจุดประทัด, ทำไมต้องแห่สิงโต, ทำไมต้องให้อั่งเปา เป็นต้น ซึ่งผมจะค่อยๆ หารายละเอียดมาเล่าต่อไปครับ
ฐาน ๘ : การเขียนเหมาปี่
ฐานนี้เป็นการฝึกปฏิบัติ การใช้ "เหมาปี่" เขียนอักษรจีน นักเรียนให้ความสนใจกันมากทีเดียว
ฐาน ๙ : ศิลปะ การพับกระดาษ
ฐานนี้ เป็นการฝึกปฏิบัติ พับกระดาษ เช่น เป็นรูปนก..ซึ่งก็คล้ายๆ กับของไทยครับ กิจกรรมนี้มีนักเรียนสนใจพอสมควร
ฐาน ๑๐ : ระบายสี/วาดภาพการ์ตูนจีน
ฐานนี้ก็เป็นการฝึกภาคปฎิบัติอีกละครับ..รู้สึกว่าฐานนี้ คนมาใช้บริการกันแน่นทีเดียว..เพราะมีหลักฐานเป็นภาพที่ระบายสีนั่นเอง (เป็นฐานแค่การระบายสี แต่ถ้ามีจิตรกรมาวาดภาพด้วย..ฐานต้องแตกแน่นอน..อิอิ)
เล่าสู่กันอ่านเท่านี้ก่อนครับ...
ความเห็น (3)
- ไม่ได้ไปเยี่ยมท่านอาจารย์ JJ นานแล้ว..สบายดีนะครับ
- กิจกรรมแรลลี่ ความรู้มีมากมายแต่เก็บรายละเอียดได้ไม่หมด
- ความจริงก็มี Process อยู่บ้าง..น่าจะนำมาเล่าต่อ..
- เข้าใจว่าโรงเรียนน่าจะได้ เครื่องมือ KM เข้าไปใช้โดยไม่รู้ตัว..อิอิ
kfjghvuuhnjgnjph