ข้อคิดสะกิดใจสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่


สิ่งที่คุณให้ลูก เป็นส่งที่ลูกต้องการจริงหรือ หรือเป็นการตอบสนองความต้องการของตัวคุณเอง

เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับ กิจกรรมการดำเนินชีวิตที่มีการแข่งขันกันมากขึ้น ทำให้พ่อแม่ยุคใหม่ไม่ค่อยมี เวลาที่จะเลี้ยงดูลูกของตนเองได้อย่างเต็มที่เหมือนเมื่อก่อน และพ่อแม่ทุกวันนี้ มักบ่นว่า เด็กสมัยนี้เลี้ยงยากจังเลย ไม่เหมือนสมัยก่อนแต่การเลี้ยงลูกคือ หน้าที่ของพ่อแม่ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ คุณลองมาฟังเสียงสะท้อนของเด็กๆดูว่าสิ่ง ที่คุณหยิบยื่นให้เขาเป็นสิ่งที่ลูกของคุณต้องการหรือไม่หรือเพียงว่าสิ่งที่คุณทำ เป็นสิ่งที่คุณตอบสนองความต้องการของตัวคุณเอง             

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

หมายเหตุ รวบรวมมาจากคำพูดและความรู้สึกที่ลูกศิษย์ตัวน้อยสะท้อนออกมาขณะทำการฝึกกับ

                 ผู้บำบัดร่วมกับประสบการณ์ที่ผู้บำบัดได้เรียนรู้มา 

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

อดทน ใจเย็น สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง ในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตและการปรับพฤติกรรมลูก  
 

พิมพ์จะออกมาสวยงามต้องมีต้นแบบที่ดี

ลูกจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับสิ่งที่พ่อแม่แสดงหรือทำให้ลูกเห็น

เพราะธรรมชาติของเด็ก เด็กมักจะดูพ่อแม่เป็นต้นแบบในการทำกิจกรรมต่างๆ

ทุกคนมีศักยภาพในตัวเองที่จะเรียนรู้ทักษะต่างๆเพียงแต่ว่าคุณเคยให้โอกาสเขาหรือตัวคุณเองในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆหรือไม่

 

สิ่งที่อยากขอคือโอกาส  ไม่มีสิ่งไหนมีค่าเท่ากับการได้รับโอกาสในการเรียนรู้สิ่งต่างๆด้วยตนเอง

 

คนเราจะรู้จักคุณค่าของคนอื่นได้อย่างไร ถ้าเรายังมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ลูกของคุณก็เช่นกัน คุณอยากให้เขาเติบโตเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง เป็นคนที่มองเห็นคุณค่าในตัวเอง คุณก็ต้องเปิดโอกาสให้เขาได้ทำงานที่ประสบความสำเร็จด้วยตัวของเขาเองบ้าง ถึงแม้ว่าทำเสร็จแล้วอาจจะดูไม่สวยหรือไม่เข้าท่าในความคิดของคุณ ก็อย่าเพิ่งไปตำหนิเขาแต่ควรชมในความพยายามของเขาที่พยายามทำให้สำเร็จ ส่วนรายละเอียดหรือข้อบกพร่องต่างๆเราค่อยชี้แนะให้ลูกเห็นและร่วมกันคิดหาวิธีแก้ไขว่าคราวหน้าลูกจะทำอย่างไรดีเพื่อให้งานออกมาดูดีและสวยกว่านี้

คนทุกคนอยากแสดงศักยภาพในตัวเองให้คนอื่นเห็นว่าเรามีความสามารถ ลูกของคุณเองก็เช่นกัน อยากแสดงว่าตนเองทำนี่ได้นะ ทำอันโน้นก็ได้ แต่ส่วนใหญ่พ่อแม่ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้เขาได้ทำอะไรด้วยตัวของเขาเองเลย ลูกต้องทำตามอย่างที่พ่อแม่เห็นว่าถูกต้อง

ลูกต้องทำตามแบบที่พ่อแม่มองว่าดี

   
เปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้สักนิด แม้จะเป็นสิ่งที่คุณมองว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่เข้าท่า คุณจะพูดจะบอกอย่างไรลูกก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรคุณถึงห้าม แต่ถ้าเขาได้มีประสบการณ์กับตัวเขาเอง เขาจะรู้แล้วว่าเพราะอะไรคุณถึงห้ามเขา

คุณเคยถามถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกคุณหรือไม่ว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร

สิ่งที่คุณคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในสายตาคุณ อาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของลูก ก่อนที่คุณจะตำหนิหรือว่าลูก โปรดฟังเหตุผลของลูกก่อนว่าเพราะอะไรลูกถึงคิดหรือทำเช่นนี้ ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจลูกของคุณดีขึ้น เพราะว่าคนรามีความคิดที่แตกต่างกัน

คุณเคยฟังความคิดหรือคำพูดของลูกคุณหรือไม่ คุณเคยยอมรับข้อคิดเห็นของลูกคุณหรือไม่ ถ้าคุณยังไม่เคยคุณลองทำดูซิคะ คุณจะรู้ว่าลูกของคุณมีความคิดที่ดีๆอีกมากมายที่คุณคาดไม่ถึงว่าลูกของคนจะคิดได้

อย่าฝึกให้ลูกได้อะไรที่อยากได้มาง่ายๆเพราะลูกจะไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนั้น แต่คุณควรนำสิ่งที่ลูกอยากได้มาวางเป็นเงื่อนไข ซึ่งจะทำให้ลูกเห็นคุณค่าของสิ่งของที่ได้มา และฝึกการรอคอยว่าสิ่งที่อยากได้ ไม่ใช่อยากได้อะไรก็ได้มาเลย แต่ลูกจะได้ ลูกต้องรู้จักหา รู้จักปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ลูกต้องการ และลูกก็จะเห็นคุณค่าของของที่ได้มาและรู้จักทะนุถนอมและรักษาสิ่งที่ลูกได้มา

 อย่ากลัวว่าลูกจะไม่รัก โดยการที่คุณไม่กล้าที่จะดุหรือลงโทษในสิ่งที่ลูกทำไม่ถูกต้อง ถ้าคุณรักลูกจริงคุณก็ต้องกล้าที่จะให้ลูกเรียนรู้จากสิ่งที่ลูกทำผิดพลาด เพราะในโลกของความเป็นจริงน้องต้องพบเจออยู่แล้ว ถ้าคุณไม่เตรียมความพร้อมให้ลูกตั้งแต่ตอนนี้ ลูกของคุณก็จะพลาดโอกาสในการเรียนรู้ชีวิต

พฤติกรรมบางอย่างที่ลูกแสดงออกมาในวัยนี้บางอย่างคุณมองว่าน่ารัก และคุณเคยคิดไหมว่าถ้าลูกยังมีพฤติกรรมนี้อยู่ โตขึ้นเขาจะเป็นอย่างไร

พ่อแม่ทุกคนย่อมรักลูก แต่การรักลูกที่ถูต้องไม่ใช่ดูแลและทะนุถนอมหรือปกป้องจนเกินไป ไม่กล้าให้เขาล้ม ไม่กล้าให้เขาเจ็บ และเขาจะเติบโตอย่างเข้มแข็งและอยู่ในสังคมได้อย่างไร  

พ่อแม่มักจะมองข้ามสิ่งที่เป็นความรู้สึก แต่พ่อแม่มักจะมองหาสิ่งของที่เป็นวัตถุมาตอบสนองลูกมากกว่าความรู้สึกหรือเวลาที่พ่อแม่จะมีให้

 ลูกต้องการอยู่กับพ่อแม่มากกว่าอยู่กับของเล่นที่ไฮเทค นั่นเป็นความสุขชั่วคราวแต่ความสุขที่แท้จริงคือการได้รับความรัก การได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับพ่อแม่ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม

 

สิ่งที่ลูกต้องการคือการที่ลูกได้อยู่กับพ่อแม่ ไม่ใช่อยู่กับพี่เลี้ยงหรือของเล่นที่พ่อแม่หยิบยื่นให้  ขอเวลาวันละนิดเพื่อความสุขทางใจของลูกคุณเอง

ไม่มีความรัก ความสุขไหน สุขใจเท่ากับการได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นจากพ่อแม่ แค่วันละครั้งก็สุขใจมากแล้วสำหรับลูกคุณ

 

ไม่มีของเล่นชิ้นไหนที่เล่นและสนุกเท่ากับการได้เล่นกับพ่อแม่ ไม่มีของเล่นชิ้นไหนที่มีค่าเท่ากับการได้มีเวลาทำกิจกรรมร่วมกันอีกแล้ว ลูกต้องการเวลาวันละนิดในการเล่นและทำกิจกรรมร่วมกันกับพ่อแม่ ถึงแม้จะดูน้อยนิดสำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กมันเป็นช่วงเวลาที่มีค่าและสำคัญต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ สังคม และกิจกรรมการดำรงชีวิต

 

การที่เด็กจะมีความสัมพันธ์กับคนอื่นได้ดี เด็กต้องเรียนรู้การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวก่อน เพราะสังคมแห่งแรกสำหรับเด็กคือครอบครัว

 
 
   
หมายเลขบันทึก: 163499เขียนเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2008 13:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท