วันนี้ครูพรรณา ขอนำพาทุกท่านมารู้จักความสุจริตในสายตาของนักเรียนกัน
เรื่องจริงของความสุจริตที่ฉันรู้
สุจริตโดยทั่วไปแล้วมีความหมายว่า “ ความประพฤติดี ประพฤติชอบ หรือพฤติกรรมบริสุทธิ์ ประกอบด้วย กาย วาจา และใจ ” แต่ความสุจริตที่ผมรู้และเข้าใจในเบื้องต้นคือการไม่หลอกลวง ผมเข้าใจว่า สุจริต คือ การไม่หลอกลวง ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น หรือที่พวกเราเข้าใจและมักพูดติดกันกับคำว่า ความซื่อสัตย์ ว่า “ ความซื่อสัตย์สุจริต” นั่นเอง การเป็นคนที่มีสุจริต ย่อมเกิดความไว้วางใจเชื่อใจซึ่งกันและกัน แล้วย่อมเกิดพลังในการก้าวเข้าไปสู่ความก้าวหน้า เพราะคุณธรรมข้อนี้เป็นมูลฐานอันสำคัญที่จะเป็นแรงผลักดันให้สังคมเป็นปึกแผน ถ้าไร้การกระทำที่หลอกลวง คดโกง หรือกอบโกยเอาแต่ได้ที่ผิดๆ ย่อมนำความผาสุขมาสู่สังคมได้ แต่ถ้าเราทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่กล่าวไว้ในเบื้องต้นก็ย่อมที่จะนำความแตกหัก ความพินาศ มาสู่เรา หรือก่อให้เกิดความหวาดระแวง ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจใคร ความสุจริตที่ผมได้กล่าวไว้ในเบื้องต้นว่า คือการไม่หลอกลวง ไม่คดโกงหรือที่เรียกว่าซื่อสัตย์นั้น ผมคิดว่าหลายคนคงมีและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ซึ่งผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติ ในขณะนี้ผมอายุได้ ๑๓ ปีแล้วได้รับการสั่งสอนและประสบพบเห็นการกระทำต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจและไม่พึงพอใจบ้าง จากความรู้และประสบการณ์ดังกล่าวทำให้ผมคิดว่า ความหมายของคำว่าสุจริตนั้น คือการที่เราไม่มีจิตใจอยากได้สิ่งของจากคนที่มีเจ้าของแล้ว ซึ่งเขาก็คงรักและหวงแหนมัน ถ้าผมขโมยหรือหลอกลวงเอาของเขามา ผมจะรู้สึกผิดและคิดว่า “ ป่านนี้เจ้าของจะเป็นอย่างไรบ้าง จะออกตามหาหรือคิดเสียดายเสียใจกับสิ่งที่หายหรือถูกคดโกงไป สภาพจิตใจของเขาจะเป็นอย่างไร ” ผมมีความรู้สึกว่าคนที่มุ่งแต่หลอกลวงผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไร้ซึ่งความจริงใจต่อเพื่อนมนุษย์ คนพวกนี้คือ “ เศษขยะที่ไม่สามารถนำมารีไซเคิลได้อีก ” และผมก็ไม่อยากให้คนหรือใครอื่นรู้สึกต่อผมเช่นนี้ แนวทางในการปฏิบัติตนของผมก็คือ ไม่ลักขโมย ไม่พูดโกหก ไม่คดโกง พบเงินหรือสิ่งของแล้วเก็บส่งให้ครูประกาศหาเจ้าของ และไม่ทุจริตในการสอบ แค่นี้ก็ถือว่าผมเป็นคนสุจริตแล้ว ในขณะที่ผมกำลังประพฤติปฏิบัติอยู่นี้ คือปัจจุบันแต่ในไม่ช้ามันจะเป็นอดีต จึงเหมือนว่าเรากำลังสร้างอดีตของตนเองอยู่ ฉะนั้นในขณะที่ผมกำลังสร้างอดีต ผมจะจำไว้ว่า ทำปัจจุบันให้งดงามที่สุด แล้วมันจะเป็นอดีตที่ทรงคุณค่าในเวลานึกถึง แม้จะเป็นเพียงภาพที่มืดดำจับต้องไม่ได้แต่มันจะเป็นบันทึกที่มีค่าในความทรงจำ**********
เด็กชายภีรฉัตร บูรณะกุล ม. ๒ / ๑
โรงเรียนบางลี่วิทยา อ. สองพี่น้อง จ. สุพรรณบุรี
ไม่มีความเห็น