โยคีน้อย
สาธุกับการตามดูจิตอย่างต่อเนื่อง อยู่ในเส้นทางของสติปัฏฐานแล้วครับ
การปฏิบัติธรรมหรือทำอะไรก็ตาม หากทำอย่างไม่ลดละ ต่อเนื่อง ย่อมเห็นผลในที่สุด
ดูแล้ว ต้องได้รู้อะไรครับ
สติมา(ทัน) ปัญญาจึงเกิด
แม้ความสลดใจที่เกิด ก็ไม่ต่างจากสิ่งที่เห็นก่อนหน้านั้น
ล้วนเป็นการแกว่งของจิตทั้งนั้น สุดท้ายก็ไม่พ้นการเป็นอนิจจัง ทุกขังและอนัตตา
สติต้องมาให้ทันครับ จะได้รู้ได้เร็ว ปรับสมดุลย์ได้เร็ว
เหมือนกับตราชั่งที่ยกให้คุณบางทรายฟัง
มีการดีดกลับของอารมรณ์ซึ่งมีทิศทาง 2 ด้านที่ตรงกันข้ามกัน
เห็นกุศล ทำให้เกิดอกุศล
เห็นอกุศลทำให้เกิดกุศล
ผู้ที่รู้กลไกของจิต ไม่ค่อยน่าห่วงเพราะปรับได้ แต่คนทั่วไปที่ไม่ทราบ จะเกิดการแกว่งมาก เป็นจุดกระทบน้ำที่แม้เกิดเพียงเล็กน้อยแต่มีวงกระทบเป็นวงไปกว้างไกลได้
ยังต้องยึดหลัก 3 ประการนะครับ ทำแต่กุศล อย่าทำอกุศลและทำใจให้ผ่องใส
ดูกายในกาย
ดูเวทนาในเวทนา
ดูจิตในจิตและ
ดูธรรมในธรรม
อยู่ในอิริยาบทในชีวิตประจำวันและ ในทุกๆ วันครับ
เจริญสุขนะครับ
ด้วยความปรารถนาดี
สาธุ สาธุ สาธุ
กับการินิจฉัยธรรม ที่เกิดกับโยคีน้อย
สาธุ สาธุ สาธุ
โยคีน้อย
สวัสดีครับคุณตันติราพันธ์
ถ้าทุกคนศึกษา...แล้วนำปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้...โลกนี้คงสงบสุขนะครับ
ขอให้โชคดีครับ
สวัสดีค่ะนายช่างใหญ่
การปฏิบัติธรรมใครทำใครได้จริงๆ บางอย่างมันบอกกันไม่ได้ และถ้ามีพี่เลี้ยงคอยแนะก็ยิ่งจะดี เพราะให้เราวิเคราะห์ความก้าวหน้าตัวเองได้ เหมือนนายช่างใหญ่ว่า ยิ่งวิเศษขึ้นไปอีก ถ้านำมาปรับใช้ชีวิตประจำวันขอบคุณมากๆค่ะ
ธรรมะอยู่ที่ใจครับ ลุงเอกไม่ค่อยมีเวลาอ่านสักเท่าไร แต่วางใจไว้ข้างหมอนทุกครั้งเวลานอน จึงไม่มีเรื่องเก่าย้อนมาในจิต การนิรมิตจึงไม่เกิดขึ้น
ทุกข์ของคนอยู่ที่ใจ เฝ้าแต่ทุกข์ เฝ้าแต่กังวล ทุกหนแห่ง
แล้วเมื่อไรมนุษย์จะเกิดสุข ทุกๆคนหนอ
ฝากความระลึกถึงทุกๆคนที่มีธรรมะอยู่ในหัวใจด้วยครับ
สวัสดีค่ะลุงเอก
ถ้าทำได้อย่างลุงเอก ถือว่าโชคดีมากแล้ว การวางทุกอย่างได้ก่อนหลับตา เป็นผู้ได้เข้าถึงธรรมะ
แต่บันทึกสั้นๆของลุงเอกนี้ คงกระทบใจ ใครหลายๆคนให้ได้คิด ถือเป็นแนวปฏิบัติ ที่ไม่ต้องดิ้นรนมากมายค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับลุงเอกด้วยความเคารพค่ะ
วางทุกอย่างก่อนหลับตา ถ้าจะดีนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
ความทุกข์ เรามักจะแบกมันไว้บนบ่า จนเอียงก็ยังไม่รู้สึกตัว และวางลงไม่ได้สักที
เพราะไม่รู้จักวาง นี่เอง
ขอบพระคุณค่ะ
สวัสดีค่ะครูเอ
คุณพลเดชเคยสอนวิธีปล่อยวางง่ายๆค่ะ ถ้าเราไม่รู้ว่าวางแล้วมีความรู้สึกอย่างไร ท่านว่าให้ทำอย่างนี้ค่ะ
กำมือให้แน่น ดูซิ่รู้สึกอย่างไร ทั้งตึง ทั้งเจ็บใช่ไหม
จากนั้นค่อยๆแบมือออก คราวนี้ ดูที่ใจเรานะคะว่ารู้สึกอย่างไร (ลองทำแล้วค่อยตอบ)
ถ้ายังวางทุกข์ไม่ได้ เพราะคิดว่ามันต้องเป็นของเราอยู่เช่นนี้ คราวนี้ลองหาอะไรมากำในมือดูนะคะ แล้วแบมือออกไปให้สุดนิ้ว เกิดอะไรขึ้นบ้าง ลองทำดูแล้วค่อยตอบก็ได้ค่ะ
ท่านสอนแบบนี้ แล้วเลยใช้ เป็นอุบายในการปล่อยวางใจ ได้ทุกทีค่ะ
ขอบคุณครูเอที่เข้ามาแลกเปลี่ยนนะคะ
ขอบคุณค่ะ พี่ตันติราพันธ์
รู้สึกดี เมื่อปล่อย คลายมือที่กำไว้ หายใจก็โล่งขึ้น ไม่อึดอัดใจ ถ้าหายได้อยู่ในที่ที่สงบคงจะดีกว่านี้นะค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
ค่ะ ธรรมะ เป็นเรื่องต้องทดลองทำเองค่ะ ยิ่งกว่าวิทยาศาสตร์เสียอีก เราฝึกปล่อยมือ ปล่อยจากใจ ทีละนิดๆๆๆเดี๋ยวก็จะไมมีอะไรหลงเหลือในใจแล้ว วันนั้น เราจะเกิดวินิจฉัยที่ถูกต้อง
ขอเป็นกำลังใจ และอนุโมทนาบุญกับครูที่สอนเรานะคะ คือท่านพลเดช มีข้อสงสัย ก็สอบถามท่านเลยค่ะ