การขูดหนังแข็งที่เท้าผู้ป่วยเบาหวาน
หนังแข็งหรือตาปลา(callus) เป็นลักษณะของการหนาตัวของผิวหนังที่มากกว่ปกติ(over granulation) มักจะมีลักษณะหนาและแข็งกว่าผิวหนังบริเวณใกล้เคียง สาเหตุส่วนใหญ่จะเกิดจากการมีแรงเสียดสีบริเวณดังกล่าว อาทิเช่น จับปากกาเขียนหนังสือเยอะจะมีหนังด้านบริเวณที่จับปากกา ชาวไร่ชาวนาจับจอบจับเสียมมากมีก็จะหนาและด้าน เป็นต้น
แต่หนังแข็งเหล่านี้มักไม่มีปัญหาอะไรหากเราเท้าปกติ แต่ถ้าผู้ป่วยเบาหวานที่เท้าชาจะเป็นต้นเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดแผลที่เท้าเพราะมันเปรียบเสมือนก้อนหินที่ติดเท้าผู้ป่วยตลอดเวลา ในบันทึกนี้จะลงรายละเอียดเกี่ยวกับการลงมือขูดหนังแข็งกันครับ
อุปกรณ์สำหรับขูดหนังหนา ตาปลา มีหลากหลายขึ้นกับความถนัดของผู้เป็นเบาหวานและหาได้ในท้องถิ่น เช่น
-หินขัดส้นเท้า(pumice stone) เป็นสิ่งที่มักแนะนำ และเห็นภาพที่สุด จะเหมาะมากถ้าผู้นั้นใช้เป็นประจำทุกวัน แต่ความหยาบจะหมดเร็วและควรเปลี่ยนใหม่ทุก 2 เดือน
-แปรงขัดส้นเท้า เป็นอีกอุปกรณ์ทางเลือกที่ต้องระมัดระวังเพราะคม อาจทำอันตรายต่อผิวหนังจนเกิดเป็นแผลได้
-อีกอุปกรณ์ที่มีการแนะนำในงานวิจัยคือ scotch brite เพราะราคาถูกและหาซื้อได้ทั่วโลก ข้อดี สามารถพับงอได้ จึงสามาถขัดถูตามซอก ส้นเท้า ฝ่าเท้าได้ดี ต้องบอกผู้เป็นเบาหวานให้ชัดเจนว่าถูขัดเฉพาะหนังหนาฝ่าเท้าเท่านั้น
-ด้ามมีดผ่าตัด ผู้ให้ความรู้โรคเบาหวานที่มีประสบการณ์มักนิยมใช้ใบมีดเบอร์ 10 และเบอร์ 20 ในการขูดตาปลาและหนังแข็ง เพราะลักษณะใบป้านปลายไม่แหลม การจับด้ามมีดให้จับคล้ายๆจับดินสอแรงเงา
โดยจับบริเวณโคนด้าม นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลางเป็นส่วนควบคุมการเคลื่อนที่ของใบมีด ส่วนนิ้วนางและก้อยประคองด้ามมีดไว้ ไม่ควรจับที่ด้ามมีดเพราะไม่สามารถควบคุมการขูดอย่างสม่ำเสมอ เวลาจะขูดให้วางใบมีดขนานกับผิวหนังที่จะขูด คล้ายกับใบมีดโกนหนวด ในการขูดหนังไม่ต้องออกแรงมาก ค่อยๆขูดเป็นแผ่นบางๆ อย่าพยายามตัดเป็นชิ้น ในกรณีที่ขอบในยังแข็งและขุรขระ ให้พยายามขูดออกให้หมดเพราะใบมีดที่แนะนำจะทำได้ง่าย สำหรับผู้เป็นเบาหวานไม่แนะนำให้ใช้ด้ามมีดผ่าตัด เพราะมีโอกาสพลาดได้
ขั้นตอนการขูดหนังแข็ง
ขั้นตอนแรก แช่น้ำก่อน หนังแข็งพวกนี้เป็นสารจำพวกเคราติน (ชนิดเดียยวกับขี้ไคล)หากแช่น้ำนานๆมันจะมีความอ่อนนุ่มกว่าปกติและเปลี่ยนเป็นสี หากเปลี่ยนเป็นสีขาวยุ่ยๆเมื่อไหร่นั่นแหละครับพร้อมสำหรับการขูดแล้ว <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> </p><p> ขั้นตอนที่สอง ขูดนะไม่ใช่ปาด เราจะลากมีดในแนวขนานกับผิวหนัง ย้ำนะครับลากไม่ใช่ออกแรงเฉือน หนังแข็งเหล่านี้จะไม่มีความยืดหยุ่นเหมือนผิวหนังปกติ ที่จะย่นตามใบมีด หนังแข็ง มันจะต้านการเคลื่อนที่ทำให้คมมีดกำจัดมันออกไป งานนี้ไม่ต้องห่วงนะครับถ้าวางมีดขนานจะมีแต่หนังแข็งที่หลุดออก หนังดีจะยังอยู่ ไม่ต้องกลัวเจ็บหรือเลือดออกใดๆเพราะ hyperkeratosis พวกนี้ไม่มีเลือดหรือเส้นประสาทไปเลี้ยง มันเป็นแค่เนื้อตายธรรมดา สำคัญต้องไม่มีเลือดออก(active bleeding) นะครับเพราเปรียบเสมือนเราเป็นคนทำแผลใหม่ให้เค้า ผมมักจะคุยกับคนไข้ก่อนหากมีแผลเกิดขึ้นถ้าเลือดไม่ไหลเป็นแผลเดิมที่เกิดอยู่ใต้หนังแข็งอยู่แล้ว หากเลือดไหลเป็นฝีมือเราเอ ก็พยายามไม่ให้เลือดออก จะได้สร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วยด้วยครับ </p><p> ขั้นตอนสุดท้าย ทาโลชั่นและสอนวิธีการไม่ให้หนังแข็งกลับคืนมาอีกครั้ง การทาโลชั่นเป็นการถนอมความชุ่มชื้นให้คงอยู่เพราะหากผิวแห้งมากมันอาจแตกเป็นรอยแยกได้ จะเป็นทางที่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายคนไข้ แม้ว่าเราจะขูดหนังแข็งออกจนเกลี้ยงแล้ว มันสามารถกลับมาอีกเรื่อยๆ เพราะโครงสร้างเท้าเรายังเหมือนเดิมแรงกดเดิมๆยังคงมีอยู่ครบถ้วน รองเท้าก็คู่แข็งๆคู่เดิม(หากเปลี่ยนก็พอช่วยได้บ้าง) เราจึงต้องให้ความสำคัญของการดูแลหนังแข็งให้ตนเอง วิธีการป้องกันไม่ให้หนังแข็งกลับมาคือหลังอาบน้ำตอนเย็นใช้หินทรายหรือสก๊อตไบรต์เก่าๆถูบริเวณที่เคยมีหนังแข็ง เพราะร่างกายเราสร้างสิ่งเหล่นี้ใหม่ทุกวัน เราจำเป็นต้องรักษาสมดุลโดยการทำลายทุกวันเช่นกัน </p><p> </p>
ขอบคุณค่ะ รพ.อุดรเพิ่มเริ่มต้นทีมเท้า ขอเรียนรู้ด้วยนะคะ
เห็นแต่รูป
ยังไม่มีโอกาสลองทำเลยค่ะ
แต่กำลังเล็งเท้าคนไข้อยู่เหมือนกัน
อย่างมันเขี้ยว
กําลังเล็ง ๆ อยู่เหมือนกันค่ะ
เพราะที่โรงพยาบาล..ตรึม
ขอบคุณมากครับ