ความรู้จากการทำงานภาคสนามในค่ายเบาหวานร่วมกับเพื่อนๆที่ได้มา เมื่อนำกลับเข้าไปใช้ในหอผู้ป่วยในร.พ. รู้สึกว่าตัวเองทำงานได้ง่ายขึ้น และได้ผลขึ้น เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ได้เรียนจากเพื่อนและคนไข้ทำให้เรารู้มากขึ้น เมื่อเริ่มมีการพัฒนาคนเพื่อรองรับและพัฒนาระบบการดูแลคนไข้เบาหวานของร.พ.กระบี่ มีคำถามในใจคนหลายคนว่า ทำไมการดูแลคนไข้เบาหวาน จึงต้องไปยุ่งเกี่ยวกับหลายแผนกมากนัก ไม่อยู่แต่ในระบบงานของกลุ่มงานอายุรกรรม การมาเยือนของทีมงานพุทธชินราชได้เปิดความคิดของเราให้กว้างขึ้น และมองเห็นว่า ระบบการดูแลเบาหวาน ต้องการสหวิชาชีพเกินกว่าแผนกอายุรกรรมเข้ามาร่วมดูแล คนไข้เบาหวานจึงจะมีความปลอดภัยที่สุด จากน้ำหยดเล็กๆที่เริ่มขึ้นโดยพยาบาล 2 สาวที่น่ารักในกลุ่มการพยาบาล ร.พ.กระบี่ เอ้งและแห และ อีกคน คือ พี่สุภา พีใหญ่ที่น่ารัก ณ วันนี้ ร.พ.กระบี่กำลังถักทอให้ตาข่ายของระบบการดูแลเบาหวานของร.พ.เริ่มมีตาถี่ขึ้น เพื่อคอยดักความไม่ปลอดภัยให้ชะลอ ถึงตัวคนไข้ช้าลง เราคาดหวังว่า จากการเริ่มต้น ณ จุดเล็กๆนี้ ในที่สุด ร.พ.จะมีระบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่เต็มขึ้น และให้การดูแลคนไข้ได้ตั้งแต่ต้น จำนวนคนไข้ที่มีภาวะแทรกซ้อนต้องมานอนให้รักษาจะถดถอยชะลอลงเหมาะกับกาลเวลาของโรค ทั้งหมดนี้คือ ฝันร่วมกันของผู้ที่ได้เข้ามาร่วมทำงานกันตั้งแต่วันที่ 25-27 ตุลาคม 2550 เป็นต้นมา ผลลัพธ์จากโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดรอบเอวของเจ้าหน้าที่ คือ ตัวจุดประกายของผู้สาวทั้ง 2 ที่กล่าวถึง และในวันนี้ เธอก็มีทีมงานที่เข้ามาช่วยแล้วหลายคน การเดินหน้าต่อไปของเธอเป็นสิ่งที่ร.พ. ควรให้กำลังใจและหนุน เพราะทั้งหมดที่ทำเป็นเจตนาดีที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ ไมใช่แต่คนไข้เท่านั้น ณ วันที่มีสุนทรียสนทนาร่วมกันในวงเล็กๆ น้องๆพยาบาลจากกลุ่มการพยาบาลและกลุ่มงานเวชกรรมสังคมมีเรื่องเล่าให้ฟังมากมาย เป็นความสุขเล็กๆที่สัมผัสได้ และอยากนำมาเล่าต่อ จึงขออนุญาตเธอเหล่านั้นนำมาเล่าให้ฟัง "เมื่อมีชื่อเข้ามาร่วม ไม่รู้ว่าทำไมต้องเข้ามาร่วม แต่การได้เข้ามาร่วมทำให้เกิดความสุข ความรู้ที่ได้ช่วยคนอื่นได้แม้ไม่ใช่เวลาทำงาน อยากออกมาทำ อยากออกมาช่วย เมื่อมีเวลา" เสียงหวานๆเล่าขึ้นมาเมื่อรอบเล่าวนถึงเธอ แซมต่อด้วยเสียงที่หวานน่าฟังของอีกคนว่า "ประทับใจในการได้มาร่วมทำงานร่วมกัน การได้มาร่วมงานทำให้มีทักษะเพิ่มขึ้นในการถ่ายทอดความรู้ให้คนอื่น เทคนิคการเข้ากลุ่มที่ได้จากเพื่อน การให้โอกาสนำคนไข้ที่หน่วยงานมาเข้าร่วม ทำให้คนไข้ที่ดูแลมีความสุขมากขึ้น และเอาไปคุยเล่าคนไข้คนอื่นชวนให้มาเข้าร่วมกิจกรรม" " เมื่อทำงานด้านการส่งเสริมสุขภาพ เดิมจะให้คำแนะนำรวบไปทีละหลายเรื่อง เมื่อมาเข้าร่วมกิจกรรมและนำ KM ไปใช้ ทำให้ได้รู้ว่า การยัดเยียดทุกอย่างไม่ได้สิ่งที่ดีอย่างที่อยากได้ การให้รู้ทีละเรื่องจะดีกว่า ความมั่นใจในการสอนคนไข้มีเพิ่มมากขึ้น คนไข้ให้ความรู้มาก สามารถนำไปใช้ต่อได้ " แถมต่อด้วยคำเล่าที่ฟังชัดของอีกคนที่มาร่วมภาคบ่ายว่า " การได้มาร่วมกิจกรรม ทำให้เข้าใจการกินการอยู่ดีขึ้น การมาร่วมมีบทบาทเป็นครูสอนคนไข้ในค่าย ทำให้ต้องปรับตัวเอง เพื่อเป็นแบบอย่าง มีความเข้าใจขึ้นมากว่า การใช้ความรู้เรื่องอาหารสอนคนไข้ ไมใช่หน้าที่ของโภชนากรเท่านั้น เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ได้จากการมาร่วมกิจกรรมในบางครั้งทำให้มั่นใจในหน้างานที่ต้องให้คำแนะนำคนไข้มากขึ้น" รู้สึกไหมว่า ทุกคนมีความสุขกับการได้ลงมือทำงาน แล้วจะมาเล่าต่อเมื่อว่าง 4 มกราคม 2550
สวัสดีครับ
ตามมาอ่านครับ มีแง่คิดการทำงานอย่างเป็นทีมที่ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ความต่อเนื่องทั้งความถี่ของตาข่าย+ความกว้างที่คลุมไปถึงกลุ่มเสี่ยง
ความต่อเนื่องของการดูแล VS ความละเอียดละออ ของการทำงาน
ความเก่งของแต่ละหน่วยงาน VS การประสานเป็นระบบ
ทุกอย่างคือขุมพลังที่เข้มแข็ง ผมขอรวม blog อาจารย์เข้า planet นะครับ
ยินดีอย่างยิ่งค่ะ
เราคงได้คุยกันเรื่อยๆต่อไปนะค่ะ
นู๋รัตน์จ๋า พี่กำลังลังเลใจว่า ไปพิษณุโลกแล้วจะไปให้ถึงบ้านกร่างดีไหมนะจ๊ะ เพราะคนกระบี่อยากไปหลายคนแต่ แฮะ..แฮะ.. มันบ่จี๊ให้งบเขาทั้งหมดนะซิ นี่ถ้าพี่ปรีชาอยู่กระบี่ก็ดี จะได้สะกิดของบได้เหมือนที่บ้านกร่าง (ฝากแซวพี่ปรีชาด้วยจ๊า)
มีข้อตกลงยังไงจะส่งข่าวนะจ๊ะ