หมอบ้านนอกไปนอก(44): หมู่บ้านหิมะ


รู้สึกชื่นชม ยอมรับในศักยภาพของชุมชน การจัดงานที่วางรูปแบบได้ดีอย่างน่าทึ่ง ค่อยๆเปิดตัวหมู่บ้านเข้าสู่สายตาพวกเราที่ละน้อยๆ หยิบยื่นความงดงามที่ซ่อนอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆให้กับแขกที่มาเยือน เหมือนเดินหลุดเข้าไปอยู่ดินแดนแห่งสวรรค์กับมิตรภาพของเจ้าภาพ งดงาม ตรึงตา ประทับใจ บนถนนที่ปูลาดด้วยพรมหิมะขาวสะอาดนวลตา

 เบลเยียมถือเป็นศูนย์กลางของยุโรปด้วยที่ตั้งที่อยู่ใจกลางของทวีปยุโรปที่รายรอบไปด้วยประเทศใหญ่น้อยที่ยังคงคุณค่าเอกลักษณ์ทางภาษาวัฒนธรรม สถานที่ สิ่งก่อสร้างของตนเองไว้ได้ พร้อมๆกับความสงบสุขของพรมแดนของแต่ละประเทศที่ไปมาหาสู่กันได้ง่าย ไม่มีสงคราม ไม่มีอันตรายจากการเป็นพื้นที่สนามสู้รบของชนกลุ่มต่างๆ ระบบการขนส่งมวลชนที่เชื่อมเมืองต่างๆของแต่ละประเทศเข้าด้วยกัน วีซ่าเช็งเก้นที่เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางไปเยือนประเทศหนึ่งสู่ประเทศหนึ่ง ตอนนี้วีซ่าในระบบเช็งเก้นก็ได้เพิ่มประเทศที่อยู่ในยุโรปตะวันออกเข้ามาอีก 8 ประเทศเช่นโปแลนด์ ฮังการี เป็นต้น

ถือได้ว่าช่วงเวลาครึ่งหนึ่งของการเรียนได้ผ่านไปแล้ว ก่อนสอบอาจารย์วาลาเรียได้เน้นย้ำในเรื่องการประเมินผลนักศึกษาอีกครั้งหนึ่ง ในการประเมินผล 100% แบ่งออกเป็นส่วนของบทเรียนหลัก (Core) 47% จากการสอบ 40%และการประเมินความสามารถทางวิชาชีพ (Professional competency: PC) 7% ส่วนวิชาเลือก (Option) 13% จากการสอบ 8%และประเมินความสามารถทางวิชาชีพ 5% รวมทั้งสองส่วนนี้เป็น 60% อีก 40% เป็นวิทยานิพนธ์ (Thesis) โดยเป็นการเขียน (Written text) 20% และการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์โดยบุคคลจากภายนอกสถาบัน (final oral examination by external examining board) อีก 20% การได้รับปริญญาหรือไม่ใช้การเทียบเคียงหน่วยกิตในระบบ Euro Credit Transfer System

ในส่วนของความสามารถทางวิชาชีพนั้นมีการประเมินเป็นระยะทั้งปี แบ่งเป็นทั่วไป (Global PC) เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การเปิดใจรับฟังผู้อื่น การแสดงความคิดเห็น การแก้ปัญหาและเฉพาะ (Specific PC) เช่น การมีส่วนในการเรียน การวิเคราะห์ปัญหา การสังเคราะห์ การสื่อสาร เป็นต้น ส่วนเนื้อหาหลักก็แบ่งน้ำหนักเป็นร้อยละตามจำนวนชั่วโมงที่เรียน ส่วนCC1 20% ส่วน CC2 7.5% และส่วน CC3 19.5%

วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม ไม่มีเรียน ตอนเช้าเดินไปร้านซักผ้าข้างบ้านเพื่อซักเสื้อกันหนาว ฟ้าครึ้มมีละอองหิมะโปรยปรายลงมา บนหลังคารถมีหิมะเกาะอยู่เต็ม สัมผัสอ่อนนุ่มดุจปุยนุ่น อากาศหนาวอยู่ที่ลบสอง ผมกับพี่เกษมไปที่ห้องคอมพิวเตอร์เพื่อพิมพ์รายงานไปส่งอาจารย์ แล้วก็ออกไปหาซื้อของที่ระลึกที่เป็นของไทยๆที่ร้านแสงไทย แถวไชน่าทาวน์เพื่อไปร่วมงานเลี้ยงที่หมู่บ้านบาร์เซลของอาจารย์บาร์ท ครีเอล พอสี่โมงเย็นก็ไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ต้อนรับคริสมาสและปีใหม่ รวมทั้งฉลองหลังสอบของชั้นปี เราจัดงานเลี้ยงเล็กๆ อาหารเย็นง่ายๆ เพื่อนๆค่อยๆทยอยกันมา แต่มากันไม่ครบ

หลังรับประทานอาหารกันแล้วก็มีการเล่นเกมส์สนุกๆกัน ทุกคนที่มาให้ความร่วมมืออย่างดี มีการจับของขวัญปีใหม่ด้วย แต่ให้จับชื่อก่อนจะได้ซื้อของขวัญได้เหมาะกับคนที่เราจะให้ ผมได้ชื่ออาจารย์วาลาเรีย ริด้าเป็นคนเริ่มก่อนโดยบอกใบ้ว่าเขาจะมอบของขวัญให้ใคร แต่ผมเดาว่าน่าจะเป็นผมเพราะเขาแอบถามว่าผมชอบอะไร ผมจะซื้ออะไรให้ภรรยา ของขวัญที่เขาให้จึงเป็นของที่ผมใช้เองไม่ได้ มีการเล่นเกมส์หนีบลูกโป่ง เกมส์อมยิ้ม เก้าอี้ดนตรีก็สนุกดี ออลันโด้มาเล่นกีตาร์ให้เพื่อนๆช่วยกันร้องเพลง ต่อด้วยเกมส์ฉันคือใครที่กัดดัมมาแสดงเลียนแบบอาจารย์และเพื่อนในห้องให้พวกเราทาย เขาเลียนแบบได้เหมือนมาก มีอาจารย์และเจ้าหน้าที่มาร่วมกันหลายคน รวมทั้งบรูโน กรีซีลส์ ผู้อำนวยการสถาบันก็มาด้วย ที่ห้องโถงมีจัดงานเลี้ยงคริสต์มาสสำหรับลุกๆเจ้าหน้าที่สถาบันด้วย งานเลิกสองทุ่มก็กลับบ้านพัก

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม ช่วงเช้าไม่ได้ออกไปไหน นั่งเขียนบันทึกอยู่ ช่วงเที่ยงๆออกไปตลาดสดซื้อไข่มาทำอาหาร พี่เกษมเดินดูของฝากแต่ไม่ค่อยมีอะไร วันเสาร์จะมีพวกอาหารสด ผัก ผลไม้มากกว่า ช่วงสามโมงเย็นเราไปร่วมงานเลี่ยงที่หมู่บ้านบาเซล (Bazel) ตามคำเชิญของอาจารย์บาร์ทๆเช่ารถบัสมารอรับเราที่ถนนข้างสถาบัน รถบัสพาเราออกไปนอกแอนท์เวิป ยิ่งผ่านไป สังเกตได้ว่าสองข้างทางมีหิมะตกมาปกคลุมสนามหญ้ามากขึ้นเรื่อยๆ นั่งรถไปได้สักพักก็ถึงท่าเรือที่ฝั่งน้ำสเกลด์ มีเรือโดยสารสาธารณะขนาดใหญ่ ไม่ต้องเสียเงิน บริการฟรี พอเรือข้ามถึงอีกฝั่งหนึ่งเป็นฝั่งของจังหวัดฟลานเดอร์ตะวันออก ที่มีเมืองเกนต์เป็นเมืองหลวง หมู่บ้านบาเซลเป็นเขตติดต่อกับจังหวัดแอนท์เวิปโดยมีแม่น้ำสเกลด์เป็นเส้นเขตแดน มีตัวแทนชาวบ้านของหมู่บ้านบาเซลนำทีมโดยคุณหมอภรรยาของอาจารย์บาร์ทสิบกว่าคนมายืนรอรับเรา

พาเราเดินไปตามถนนลาดยางเล็กๆที่ดูเหมือนว่ารถยนต์จะสวนทางกันไม่ได้ สองข้างขอบถนนปลูกต้นไม้ใหญ่เป็นระยะๆ พื้นที่ด้านข้างเป็นแปลงเพาะปลูก ที่ตอนนี้ยังไม่ได้ทำ คลองเล็กๆริมถนน ต้นไม้เหลือแต่ต้นไร้ใบประดับกาย เราเดินกันไปคุยกันไป พบว่าสองข้างทางนั้นมีหิมะปกคลุมมากขึ้นเรื่อยๆ คลองข้างถนนมองเห็นเป็นน้ำแข็ง หิมะที่ตกปกคลุมกิ่งไม้ดูสวยงาม ขาวโพลนไปตามรูปร่างของกิ่งไม้หรือพื้นที่ที่หิมะเกาะเกี่ยวอยู่ ระยะทางที่เดินไกลพอควร กลุ่มชาวบ้านที่มารับเราบอกว่าเป็นการเดินออกกำลังกายเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ เริ่มเข้าเขตหมู่บ้าน รั้วต้นไม้ถูกหิมะปกคลุมขาวโพลน สนามหญ้าเป็นสีขาว

ถึงทางแยกเข้าหมู่บ้าน มองเห็นคลองขนาดใหญ่ที่กลายเป็นน้ำแข็งไปหมด เห็นรอยเท้าสัตว์วิ่งอยู่บนนั้นได้ มองเห็นสะพานไม้ที่แทบมองไม่ออกว่าเป็นไม้เพราะถูกหิมะคลุม บนถนนที่เราเดินก็เหยียบย่ำไปบนความอ่อนนุ่มของหิมะที่ดูดุจดังปุยนุ่นขาวสะอาด เขาพาเดินผ่านไปยังตัวหมู่บ้าน ชมโบสถ์คริสต์ประจำหมู่บ้านแล้วก็ไปถึงจุดหมายที่จัดงานเลี้ยงให้พวกเรา ใช้เวลาเดินชั่วโมงครึ่ง แต่เราไม่รู้สึกเหนื่อยล้า ทุกคนสนุกกับการถ่ายภาพ เพลินตากับทัศนียภาพสวยงามที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ เรามาถึงปราสาทประจำหมู่บ้านที่เคยเป็นที่อยู่ของท่านเคาต์และภรรยาเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ที่ชาวบ้านช่วยกันระดมทุนเพื่อซ่อมแซมและเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของชุมชนและให้บุคคลภายนอกได้มาเยี่ยมชมความงดงาม

มัคคุเทศก์คนงามพาเราเข้าไปหลบหนาวในตัวปราสาท พร้อมกับพาเราเดินชมส่วนต่างๆของปราสาทพร้อมกับคำอธิบายความเป็นมาเป็นไป ปราสาทหลังนี้ไม่ใหญ่นัก ชั้นล่างเป็นโถงต้อนรับ มีห้องเล็กๆหลายห้อง ห้องด้านซ้ายเป็นเหมือนห้องประชุม สามารถใช้เป็นสถานที่แต่งงานได้ เพดานออกแบบสวยงาม ฝาผนังลวดลายวิจิตร ห้องต่อไปเป็นเหมือนห้องพระ สำหรับสวดมนต์มีรูปปั้นพระเยซูอยู่ด้านหน้า มีเก้าอี้สำหรับนั่งสวดมนต์ อีกห้องหนึ่งเป็นห้องกระจกที่ออกแบบให้มีกระจกรอบด้าน มีตู้กระจกใส่ของที่ระลึก อีกห้องหนึ่งเป็นห้องสำหรับนั่งพักผ่อน ต่อเชื่อมกับห้องสมุดด้วยประตูเล็กๆที่แทบมองไม่ออกว่ามีประตูที่จะเปิดไปสู่อีกห้องหนึ่งได้ หนังสือเก่าๆยังคงเก็บไว้อย่างดี มีรูปวาดตราประจำท่านเคาต์เป็นรูปสิงโตคู่  เก้าอี้ในห้องอายุกว่าร้อยปีทุกตัวมีสัญลักษณ์ที่พนักเป็นรูปกุญแจคู่ เราเดินชมไปจนถึงห้องนอนที่มีห้องเล็กๆมีประตูเปิดถึงกันได้ มีห้องน้ำในห้อง ด้านนอกมีโดมอยู่ตรงกลางอาคาร เสร็จจากการเยี่ยมชมแล้วก็พาเราลงไปที่ชั้นใต้ดินของปราสาทอันเป็นสถานีที่จัดงานเลี้ยง

หมู่บ้านบาเซลเป็นหมู่บ้านใหญ่ประกอบด้วยกลุ่มบ้านทั้งหมด 4 หมู่บ้าน ประชากรราวหมื่นคน ชาวบ้านมีอาชีพหลากหลาย ส่วนหนึ่งทำงานที่แอนท์เวิปใช้เวลาขับรถไปทำงานครึ่งชั่วโมง หมู่บ้านมีทีมวอลเลย์บอลของตนเองที่ส่งไปแข่งขันกับทีมอื่นๆเสมอ ในแต่ละปีจะมีการจัดงานเลี้ยงให้กับนักศึกษาในหลักสูตรของเราทุกปี รุ่นผมเป็นงานเลี้ยงปีที่ 15 พวกเราไปกันเกือบครบ ขาดไปคนเดียวคืออมาดุส ที่ครอบครัวมาอยู่ด้วยและลูกคนที่สองเพิ่งสามขวบ ทำให้ไม่สะดวกกับงานเลี้ยงที่เลิกดึก หลังจากถอดเสื้อคลุมกันเรียบร้อย ก็เริ่มด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยก่อน เป็นการเริ่มต้นทักทายพูดคุยกันสักเกือบชั่วโมง ก็เป็นช่วงอาหารหลัก ที่จัดโต๊ะไว้โต๊ะละ 8 คน มีข้อตกลงว่าให้พวกเรานั่งสี่คนเจ้าภาพนั่งสี่คนเพื่อจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

อาจารย์บาร์ทเป็นตัวแทนหมู่บ้านกล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานพร้อมทั้งกล่าวแนะนำพวกเราในชั้นทุกคนให้เจ้าภาพรู้จักมีอาจารย์วาลาเรียไปคอยช่วยบอกชื่อด้วย แต่อาจารย์ทั้งสองท่านก็จำพวกเราได้ทั้งหมดว่าชื่ออะไร มาจากประเทศไหน และเพื่อเป็นการมีส่วนร่วมในการจัดงานกับหมู่บ้าน สำหรับเครื่องดื่มพวกเราต้องซื้อคูปองกันเองในราคา 4 ใบ 5 ยูโร แล้วแต่จะเลือกชนิดเครื่องดื่มเอง อาหารเริ่มด้วยซุปฟักทองกับขนมปังอร่อยมาก ต่อด้วยอาหารแบบบุฟเฟต์ที่ต้องลุกไปตักเอง มีอาหารหลายอย่างผมเองไม่ค่อยคุ้นนัก แต่ที่อร่อยมากคือไก่ทอด เรารับประทานอาหารกันไป พูดคุยกันไปสักชั่วโมงครึ่ง ก็มีการจัดห้องกันใหม่โดยช่วยกันยกโต๊ะออกให้เป็นลานกว้างสำหรับการเต้นรำร่วมกัน บรรยากาศงานเลี้ยงเต็มไปด้วยมิตรภาพ ความเป็นกันเอง เราพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน กลุ่มชาวบ้านเจ้าภาพมีทั้งสูงวัย กลางคน วัยทำงานและวัยรุ่นที่มาร่วมงานเลี้ยงกับพวกเรา

เพลงทั้งหมดเป็นเพลงที่มาจากพวกเราแต่ละประเทศโดยเจ้าตัวต้องมาเต้นนำคนอื่นๆเมื่อถึงเพลงตัวเอง มีสามีของเจ้าหน้าที่สถาบันคนหนึ่งที่อยู่ในหมู่บ้านช่วยเป็นผู้รวบรวมเรียบเรียงเพลงเข้าด้วยกันเป็นซีรี่และทำหน้าที่เป็นดีเจให้ เริ่มต้นด้วยเพลงของละตินอเมริกาที่จังหวะสนุกเร้าใจมาก อาจารย์บาร์ททำหน้าที่นำการเต้นรำเอง อย่างสนุกสนาน ทั้งนักศึกษาและชาวบ้านก็ออกมาเต้นรำกันตามความถนัด พี่เกษมเอาเพลงสามช่ารำวงไปร่วมแจม ทางริด้ากับฤทธิ์ซึ่งเป็นกัมพูชาก็มาร่วมนำรำวงกับเราด้วย เต้นรำกันไปได้สักพักตัวแทนพวกเราก็มีเพลงมอบให้กับเจ้าภาพโดยออลันโด้หนุ่มโบลิเวียนัยน์ตาชวนฝัน มาดโรแมนติกรับหน้าที่เป็นมือกีตาร์ให้ โจเซฟินออกมาร้องนำเพลงแรกในภาษาดัชท์ ต่อด้วยประชันธ์ในเพลงแคลิฟอร์เนียและเกรซกับเพื่ออีกกลุ่มใหญ่อีกสองสามเพลง ทุกคนในงานก็ช่วยกันร้องเพลงคลอไปด้วย ผมเองก็นั่งนึกในใจว่าน่าจะหัดร้องเพลงฝรั่งมาบ้าง จะได้ร่วมร้องกับคนอื่นๆได้

เสร็จแล้วก็ต่อด้วยการเต้นรำสนุกๆกันต่อ อาจารย์ที่ไปร่วมด้วยต่างก็ออกมาเต้นรำกับพวกเราอย่างไม่ถือตัวรวมทั้งหนุ่มสาวในหมู่บ้าน ลักษณะการเต้นก็คล้ายๆกับที่เต้นกันในงานเลี้ยงต่างๆของไทยเรา บางช่วงมีการจับมือกันเป็นวง แล้วมีคนที่เข้าไปอยู่กลางวง ผลัดกันไป อาจารย์วาลาเรีย อาจารย์ทอม อาจารย์วิมและอาจารย์บาร์ทร่วมเต้นสนุกกับเราอย่างไม่ถือตัว มีช่วงหนึ่งที่เป็นเพลงซัลซ่าของโคลอมเบียเอ็ดวินกับแพทริเชียออกมาเต้นกันสองคนตามสไตล์ของเขาเป็นการเต้นที่สวยงามน่าชมมาก

จนถึงเที่ยงคืนสิบห้า งานเลิกก็ถึงกาลเลิกรา เราล่ำลากันด้วยมิตรภาพและความรู้สึกดีๆกับงานเลี้ยงแสนสนุกจากชาวบาเซล ขากลับรถบัสเข้าไปรับเราในหมู่บ้านไม่ต้องเดินกลับมานั่งเรือเพราะมืดและอากาศหนาวมาก บนพื้นถนนมีหิมะปกคลุมเต็มไปหมด กลับถึงบ้านพักตีหนึ่งกว่า ผมกับพี่เกษมรู้สึกทึ่งและชื่นชมกับความร่วมแรงร่วมใจกันของชาวบ้านในชุมชนมากทั้งๆที่เป็นพื้นที่ในประเทศที่มีความเจริญทางด้านวัตถุมากแต่ความสมัครสมานสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกันของชาวบ้านยังคงมีอยู่ พี่เกษมถามอาจารย์วิมว่าหมู่บ้านเข้มแข็งแบบนี้มีมากไหม อาจารย์บอกว่าเกือบทุกแห่งเป็นแบบนี้ พี่เกษมบอกว่าที่เมืองไทยเมื่อก่อนชาวบ้านในหมู่บ้านก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันดีมาก ตั้งแต่มีการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลายพื้นที่เปลี่ยนไป แบ่งฝักแบ่งฝ่าย พวกคนนั้น พวกคนนี้ ผมเองก็เห็นด้วยการลงขัน ลงเงิน ลงแรงกันในหมู่บ้านลดน้อยลงไป การจัดงานต่างๆต้องมีเงินงบประมาณจาก อบต.มาทำ จึงจะดำเนินการไปได้

ในความรู้สึกของผม เพื่อนๆในชั้นปีทั้งสามสิบกว่าคนที่มีความแตกต่างกันทางด้านเชื้อชาติและภาษาได้ถูกกระชับเกลียวแห่งความสัมพันธ์เข้ามากันมากขึ้นเรื่อยๆ เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน ความแตกต่างที่มีอยู่นั้นไม่สามารถเป็นเส้นแบ่งความสัมพันธ์และมิตรภาพที่ดีของความเป็นเพื่อนไปได้

วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม ผมตื่นเช้าแม้ยังเพลียๆจากอดนอนเมื่อคืนอยู่ ความสุขความประทับใจยังคงตราตรึงในใจ ภาพรอยยิ้มของผู้คนในงานยังไม่จางหายไป ผมเดินไปส่งพี่เกษมขึ้นรถรางที่ถนนอเมริกาเล่ ตอนหกโมงเช้าเพื่อไปขึ้นรถไฟที่เซ็นทรัลสเตชั่นไปสนามบินซีเวนตั่มที่เมืองบรัสเซลส์เพื่อกลับเมืองไทย แล้วผมก็กลับมานอนต่อ ตื่นมาทำอาหารเช้าทานตอน 9 โมงกว่าๆ แล้วก็ออกไปเดินเที่ยวตลาดนัดวันอาทิตย์ที่เดียวกับตลาดสดวันเสาร์ เดินดูของ เดินดูผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยกัน อากาศเย็นแต่ฟ้าใส แดดออกช่วยลดทอนความหนาวลงไปได้มาก

ผมยังอดคิดถึงหมู่บ้านบาเซลไม่ได้ ความเป็นชุมชนเข้มแข็ง ชุมชนที่อบอุ่นท่ามกลางความหนาวเย็นของอากาศที่ทั้งหมู่บ้านถูกปกคลุมไปด้วยหิมะนั้นยังคงความอบอุ่นให้เห็นได้อย่างชัดเจน เป็นไปตาม POWER3 คือคนในหมู่บ้านมีส่วนร่วมกันในการคิด ทำ ตัดสินใจ รับผิดชอบกิจการงานต่างๆของหมู่บ้าน (Participation) มีกลุ่มหรือกรรมการหรือตัวแทนของหมู่บ้านที่เข้มแข็งเป็นที่ยอมรับของคนในหมู่บ้าน (Organization) มีการเก็บรักษาศิลปวัฒนธรรมที่ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างเช่นการร่วมกันอนุรักษ์ปราสาทเก่าอายุกว่าร้อยปีให้คงอยู่เด่นตระหง่านในหมู่บ้านได้ (Local wisdom) คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (Empowerment) ร่วมกันระดมทุนทั้งจากภายในและภายนอกชุมชน (Resources) ร่วมแรงร่วมใจกันดำเนินกิจกรรมต่างๆที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน (Response) และมีความเป็นอยู่ที่อบอุ่น ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ความสัมพันธ์ที่ดีของคนต่างวัยในชุมชน (Results)

กับงานเลี้ยงเล็กๆที่ทางหมู่บ้านร่วมกันจัดรับรองนักศึกษาที่มาจากหลากหลายเชื้อชาติในแต่ละปีติดต่อกันมาจนถึงปีที่ 15 ผมคุยกับเพื่อนๆที่มาร่วมงานทุกคนรู้สึกไม่แตกต่างกัน กับความรู้สึกชื่นชม ยอมรับในศักยภาพของชุมชน การจัดงานที่วางรูปแบบได้ดีอย่างน่าทึ่ง ค่อยๆเปิดตัวหมู่บ้านเข้าสู่สายตาพวกเราที่ละน้อยๆ หยิบยื่นความงดงามที่ซ่อนอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆให้กับแขกที่มาเยือน เหมือนเดินหลุดเข้าไปอยู่ดินแดนแห่งสวรรค์กับมิตรภาพของเจ้าภาพ งดงาม ตรึงตา ประทับใจ บนถนนที่ปูลาดด้วยพรมหิมะขาวสะอาดนวลตา

ผมคิดเลยไปถึงอดีต หมู่บ้านที่ผมอยู่ไม่ได้ บ้านป่ากุมเกาะ บ้านป่าที่อบอุ่น ชาวบ้านต่างร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยกันในกิจกรรมของหมู่บ้าน งานบุญสำคัญๆที่คนต่างวัยต่างแบ่งสรรปันหน้าที่รับผิดชอบกันอย่างลงตัว ผมได้เห็นความเข้มแข็งของชุมชนเกิดขึ้นเช่นกัน ในช่วงทอดกฐินประจำปีของวัดท่าเกย วัดประจำหมู่บ้าน ที่มีหลวงพ่อสัมฤทธิ์อันศักดิ์สิทธิ์เป็นที่นับถือศรัทธา (ปัจจุบันเหลือเพียงรูปถ่ายเก่าๆเพราะหลวงพ่อได้ถูกขโมยหายไปจากวัดกว่ายี่สิบปีแล้ว) เดือนสิบสองน้ำหลาก งานบุญทอดกฐินถือเป็นงานใหญ่ของหมู่บ้านหลายหมู่บ้านที่ศรัทธาวัดเดียวกัน กรรมการวัดร่วมกันตกแต่งเรือกฐินที่แห่ไปตามลุ่มน้ำยมพร้อมเครื่องกระจายเสียงที่เชิญชวนให้ร่วมกันทำบุญ ยายจะให้ผมนำของไปทำบุญโดยวิ่งลงตลิ่งไปให้ที่เรือกฐินที่ล่องมาตามแม่น้ำ ตอนสายๆหลังพิธีทอดกฐินแล้ว เป็นการแข่งเรือพายที่แต่ละกลุ่มบ้านจะร่วมกันส่งเรือแข่งขันกันอย่างสวยงาม สนุกสนาน  

กิจกรรมแข่งเรือแบบสวยงาม แต่ละหมู่บ้านจะส่งเรือเข้าประกวดสองลำ ตกแต่งเป็นเรือสุพรรณหงส์ สำหรับชายและหญิงอย่างละลำ ก่อนวันประกวดก็จะมีการซ้อมร้องเพลง รำให้เข้าจังหวะและซ้อมพายเรือร่วมกันทุกเย็นหลังอาหารเย็น หนุ่มสาวของหมู่บ้านได้อาศัยเป็นเวทีพบปะกัน รู้จักคุ้นเคยปรึกษาหารือช่วยเหลือกัน เรือลำหนึ่งมีประมาณ 8-10 คน คนนั่งหน้าสุดเป็นคนรำ ต่อด้วยคนโบกธงและฝีพายหลังสุดคือคนคัดท้ายเรือ ตอนแข่งขันเรือจะพายโชว์ความพร้อมเพรียงทวนแม่น้ำยม คนรำเป็นคนเป่านกหวีดให้จังหวะ คนอื่นๆเป็นฝีพาย ตอนล่องตามน้ำเป็นการโชว์ความสวยงาม คนรำโชว์ความอ่อนช้อยของการร่ายรำ ธงโบกสะบัดตามจังหวะคนรำและกลอง คนที่เหลือปรบมือร้องเพลงให้จังหวะ เรือผู้ชายจะแสดงถึงความเข้มแข็งและอ่อนโยน เรือผู้หญิงแสดงถึงความสวยงามและอ่อนช้อย มีเรือชายและหญิงจากทุกหมู่บ้านเข้าร่วมแข่งขันกว่าสิบลำ และมีเรือที่ตกแต่งประเภทความคิดและประเภทสนุกสนานขบขันด้วย ทุกปีเด็กๆอย่างผมตั้งตารอคอยวันแข่งเรือ แต่น่าเสียดายประเพณีนี้หายไปจากหมู่บ้านเป็นสิบกว่าปีแล้ว แม่น้ำถูกทอดทิ้งเป็นป่าพงรกร้าง ชายหาดแทบไม่มีใครลงไปสัมผัส เมื่อไหร่หนา แม่น้ำแห่งชีวิตจะคืนความสดใสด้วยความร่าเริงของผู้คนขึ้นมาอีก

เมื่อก่อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์วัดท่าเกย 14 เมษายนของทุกปี มีสาวๆตัวแทนจากหมู่บ้านต่างๆมาช่วยกันขายน้ำหอมที่ใช้สรงน้ำพระ เพื่อนำรายได้เข้าไว้พัฒนาวัด เหมือนจะแข่งขันกันในทีว่าสาวบ้านไหนจะขายน้ำหอมได้มากกว่ากัน เดี๋ยวนี้สาวๆไม่ได้มาทำหน้าที่นี้แล้ว หนีไปเที่ยวสาดน้ำสงกรานต์กับหนุ่มๆบนรถปิ๊กอัพกันในตัวเมืองกันหมด งานสงกรานต์วัดกลายเป็นเวทีต่อสู้ล้างแค้นกันของหนุ่มวัยรุ่นแต่ละหมู่บ้าน น่าเสียดาย  สิ่งดีๆที่เคยมีมาแต่อดีต ที่ถูกลบเลือนหายไป

พิเชฐ  บัญญัติ

บ้านพักโรงพยาบาลบ้านตาก อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก

28 ธันวาคม 2550, 14.25 น.เมืองไทย  

หมายเลขบันทึก: 156401เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2007 14:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2012 15:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เรียน อาจารย์หมอพิเชฐ

  • เมืองไทย ร้อนร้อน หนาวหนาวครับ
  • ไม่รู้กระแสการบ้าน หรือ การเมือง
  •  สุขสันต์วันก่อนปีใหม่ครับ

Happy2008_jjv2

สวัสดีครับอาจารย์เจเจ

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรและการ์ดอวยพรอันสวยงามครับ ขอส่งความสุขปีใหม่ 2551 แด่อาจารย์เจเจด้วยเช่นกันครับ

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจครับ

สวัสดีปีใหม่ 2551

เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2551 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่ท่านเคารพบูชา โปรดช่วยดลบันดาลให้ท่านผู้อ่านและครอบครัวประสบแต่สิ่งดีงามในชีวิตตลอดไปครับ

จาก ครอบครัวบัญญัติ

พิเชฐ-สุภาภรณ์-แคน-ขิม-ขลุ่ย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท