การทำงานที่ทำสม่ำเสมอ การทำบ่อย ๆ การทำซ้ำ ทำให้เกิดความไว้วางใจในระดับหนึ่ง เหมือนเช่นกรณีที่เข้าไปทำกิจกรรมกับเด็กป่วยใน รพ. การเข้าไปทำกิจกรรม นอกจากจะทำให้ เด็กป่วยมีความสุขเพิ่มขึ้นและมีความกระตือรือร้นและรอคอยการเข้ามาทำกิจกรรมของ อาสาสมัคร เพราะเด็กป่วยมีความเชื่อใจในการทำกิจกรรม กับพี่ ๆ อาสาสมัคร ทำแล้วได้การเรียนรู้ ได้ทำอะไรแปลกใหม่ และมีการสร้างจิตนาการของตัวเอง ความสนุก รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ซึ่งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเด็กป่วยเหล่านี้ ทำให้ ส่งผลไปยังผู้ปกครองของเด็กป่วยเหล่านั้นด้วย ทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ เข้ามาทักทาน พุดคุย และเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ อาสาสมัครฟัง ซึ่งก็เป็นการที่ ผู้ปกครองต้องการคนที่รับฟัง และระบายความรู้สึก ต่าง ๆ ๆออกมา ซึ่ง ก่อนหน้านั้น ไม่รู้จะไปพูดคุยให้ใครฟัง เพราะด้วยสภาพแวดล้อมไม่เอื้อ ต่อการเล่าหรือระบายเรื่องของตัวเองให้คนอื่นได้รับฟัง เพราะทุกคนที่อยู่ใน รพ. ก็เจอปัญหาไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ การได้เจอคนที่สามารถรับฟังและไว้ใจได้ระดับหนึ่ง ก็สามารถช่วยบรรเทา ความรู้สึกที่เก็บไว้ได้บ้าง ได้ผ่อนคลายจากเรื่องที่หนัก และเบาขึ้น
คนนอกเป็นตัวกระตุ้นในการเรียนรู้เหมือนที่หลาย ๆ คนเคยพูดไว้ว่า เด็กจะเชื่อฟัง คุณครูมากกว่า พ่อแม่ มันอาจจะจริงสำหรับบางคน และไม่จริงสำหรับบางคน ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นเรื่องจริง เพราะเด็กป่วยที่เข้าไปทำกิจกรรมด้วยนั้น มีความนับถือในตัวอาสาสมัครมากระดับหนึ่ง อาสาสมัครขอความช่วยเหลือ หรือเห็น เด็กป่วยทำอะไร เด็กก็พร้อมที่จะทำและเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป้ฯการเรียนหนังสือ เพราะผู้ปกครองกลัวเด็กจะเรียนไม่ทันเพื่อนที่ โรงเรียนเพราะ นอนรักษาตัวอยู่ รพ.นาน ทำให้ขาดช่วงในการเรียนและพัฒนาความรู้ของเด็ก ซึ่งพ่อแม่ก็พยายามจะสอน และให้เด็กได้เรียนรู้แต่ก็ไม่ค่อยจะสำเร็จเท่าไหร่ ผู้ปกครอง เห็นว่าเด็กป่วย รักในตัวอาสาสมัคร จึงอยากให้ อาสาสมัครช่วยสอนบุตรหลานซึ่งผู้ปกครองคิดว่าบุตรหลานต้องเชื่อและทำตามอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่ผู้ปกครอง คาดคะเนไว้ เด็กป่วย พร้อมที่จะเรียนรู้ และมีความสุขกับสิ่งที่ อาสาสมัครเข้าไปสอน ซึ่ง ทำให้รู้ได้ว่า การที่มีคนนอกยอมรับและเห็นชอบในสิ่งที่ทำ ทำให้เด็กอยากเรียนรู้และมีความมั่นใจมากขึ้น
ไม่มีความเห็น