สภาพการเรียนการสอนในโรงเรียน
เมื่อวันที่ 14 ก.พ.49 พบหมอท่านหนึ่งที่ทำงานอยู่ในจังหวัดใหญ่จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือ และมีลูกเรียนอยู่ชั้น ม.ต้นใน รร.ที่ดีที่สุดในจังหวัด ท่านเล่าว่าครูไม่ค่อยอยู่และไม่ค่อยได้สอน เด็กได้ความรู้ส่วนใหญ่จากการกวดวิชา
ผมถามว่าครูไปไหน ท่านตอบว่าไม่ทราบ เดาว่าไปเขียนเอกสารประเมิน เอกสารเลื่อนวิทยฐานะหรือไปต้อนรับนาย
ผมภาวนาว่านี่ไม่ใช่ส่วนใหญ่ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม เราต้องช่วยกันแก้ไขครับ
วิจารณ์ พานิช
15 ก.พ.49
อาจารย์ คะ
ที่จังหวัดดิฉันเคยมีครูขายยาบ้าด้วยค่ะ เลยรีบให้ลูกไปเรียนกรุงเทพค่ะ ทั้งๆที่อยากให้ลูกอยู่กับตัวเองนานๆ แต่ไม่เอาดีกว่า
และขณะนี้ครูเริ่มหันมาเล่นกอล์ฟคิดดูซิคะเล่นกอล์ฟต้องใช้เวลาเป็นวันๆ แล้วจะเอาเวลาไหนมาสอนนักเรียน
แต่ก่อนกอล์ฟเล่นกันเฉพาะ นักธุรกิจหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เพือผลทาง ธุรกิจและสังคม
ดิฉันถามว่าทำไมครูจึงเริ่มเล่นกอล์ฟ เขาตอบว่า จะได้เล่นการพนันกันได้ คือพนันกันว่าใครจะชนะ ชนะเท่าไร เพราะดีกว่าไปเล่นไพ่ หรือเล่นพนันอื่นๆ ตำรวจไม่จับค่ะ ถ้าพนันกอล์ฟ เพราะเป็นการพนันแบบแอบแฝงค่ะ
เพราะเราสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่แยกส่วน คือประเมินก็ส่วนประเมิน การปฎิบัติหน้าที่ก็อยู่อีกส่วน พอมีอะไรเข้ามาหลายส่วนก็เอะอะโวยวาย โทษคนอื่นเข้าไว้ก่อน(แบบปัดภาระ) ถ้าส่วนไหนได้ประโยชน์แก่ตัวเองก็เน้นด้านนั้นหนักหน่อย และหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองได้เหมาะเจาะ คุณธรรม และ ความสำนึกในวิชาชีพลดน้อยลงมาก รู้ไหมว่าสังคมเราขณะนี้ ล้มเหลวมาตั้งแต่ระดับครอบครัว สถิติแต่ละโรงเรียน นักเรียนได้อยู่พร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก ไม่ถึงร้อยละ 50 ก็ฝากความหวังมาที่โรงเรียน ก็ยังหวังไม่ได้อีก ทำอย่างไรดี...กระทรวงฯ(โดย ก.ค.ศ.) ก็หาวิธีใช้การประเมินวิทยฐานะเป็นตัวล่อเพื่อหวังว่าจะดีขึ้นที่เด็ก อะไรที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง เป็นความจำเป็นก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง เพื่อให้ได้มาจะใช้วิชามารก็ยอม เป็นทุกระดับครับ...
เพราะเราสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่แยกส่วน คือประเมินก็ส่วนประเมิน การปฎิบัติหน้าที่ก็อยู่อีกส่วน พอมีอะไรเข้ามาหลายส่วนก็เอะอะโวยวาย โทษคนอื่นเข้าไว้ก่อน(แบบปัดภาระ) ถ้าส่วนไหนได้ประโยชน์แก่ตัวเองก็เน้นด้านนั้นหนักหน่อย และหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองได้เหมาะเจาะ คุณธรรม และ ความสำนึกในวิชาชีพลดน้อยลงมาก รู้ไหมว่าสังคมเราขณะนี้ ล้มเหลวมาตั้งแต่ระดับครอบครัว สถิติแต่ละโรงเรียน นักเรียนได้อยู่พร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก ไม่ถึงร้อยละ 50 ก็ฝากความหวังมาที่โรงเรียน ก็ยังหวังไม่ได้อีก ทำอย่างไรดี...กระทรวงฯ(โดย ก.ค.ศ.) ก็หาวิธีใช้การประเมินวิทยฐานะเป็นตัวล่อเพื่อหวังว่าจะดีขึ้นที่เด็ก อะไรที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง เป็นความจำเป็นก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง เพื่อให้ได้มาจะใช้วิชามารก็ยอม เป็นทุกระดับครับ...