งานนนนน….ที่เล่าครั้งก่อน ได้ฤกษ์เบิกชัยตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน ส่วนงานแรกที่เป็นรูปเป็นร่างคือการจัดกิจกรรมห้องสมุดมีชีวิต ในงานนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ขนของกันตั้งแต่เช้าของวันที่ 20 งานนี้ทำกันมาต่อเนื่องหลายปี จึงรู้จังหวะจะโคนเตรียมของ เตรียมอุปกรณ์ พร้อมสรรพกำลังพร้อม…. แต่พอไปถึงที่เต็นท์ไม่มาตั้งมาที่นัดไว้ ระหว่างรอก็ทำความสะอาดขนของลงจากรถ พอเต็นท์มาที่ตั้งก็ไม่พอเพราะบูธที่อยู่ขนาบข้างตั้งไว้แล้ว เนอะ….คุณน้องๆ ที่กางเต็นท์ช่วยคิดแล้วบอกว่า เรามาแอบขยับเต็นท์ข้างๆ กันเถอะ ว่าแล้วก็ช่วยกันขยับ เขยิบ จนวางเต็นท์ของเราได้อย่างสวยงามเท่าๆ กับเพื่อนบ้าน ถึงจะเป็นวันสุกดิบก็มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมกิจกรรมและอ่านหนังสือของเรามากมาย เราเปิดบูธตั้งแต่เก้าโมงเช้า ปิดสี่ทุ่ม มีนักศึกษาฝึกงานจากสถาบันราชภัฏนครศรีธรรมราชมาช่วยงานนี้ด้วย เวลาผ่านไปหลายๆ วัน พวกเรามีเรื่องเล่ากันไม่ได้หยุดทั้งเรื่องซึ้งใจอย่างเด็กๆ วิ่งมาบอกว่าหนูตามหาป้าตั้งนาน หนูมาดูลิเกเห็นป้ายชื่อ (ร้าน) หนูเลยวิ่งมาหาป้า ไปใหม่ๆ เรียกป้านานวันก็กลายเป็นแม่ บางคนมาจากไกลๆ ขอเบอร์แล้วโทรมาสอบถามว่าทำกิจกรรมยังไง รูปที่ระบายสีได้มาจากไหน ช่วยส่งไปให้หน่อย ฯลฯ พวกเราแอบมองเมื่อเห็นผู้ใหญ่อ่านการ์ตูน หรือระบายสีกันอย่างจริงจัง แซวกันเล็กๆ ว่าสมัยเราไม่มีแบบนี้เนอะ ใครว่าคนไทยไม่อ่านหนังสือ ส่วนพวกเราก็แสนจะปลื้มใจบอกปีหน้าจะโน้น นั่น นี่…. พี่น้องคะลาพักร้อนก่อนก็ได้ค่ะส่วนเรื่องระทึกใจที่เด็ดขาดคือรถเก๋งคันงามของน้องอ้อ เอกอนงค์ จอดอยู่ริมถนนอีกด้านหนึ่งของบูธซึ่งไกลมาก หลังจากเก็บของตอนสี่ทุ่มครึ่งเดินไปถึงเอ๊ะรถฉาน…หายไปหนาย….เดินกลับไปกลับมา ดีที่มีเพื่อนร่วมทางคือพี่ดวงและหนูกระแตไปด้วย ผู้ใหญ่แทบสติแตกเพราะทั้งอดนอนทั้งเหนื่อยและโก๊ะ ส่วนหนูกระแตกระซิบเบาๆ บอกว่าน้าอ้อลองถามคนแถวนี้ก่อนซิว่าเห็นไหม ได้ผลเพราะรถถูกตำรวจยกไปเก้บในซอยเรียบร้อยแล้ว หนูอ้อเห็นรถน้ำตาไหลพราก…รถจ๋าอยู่นี่เหรอจ๊ะไหน <p align="center"></p><p align="center"> นักอ่าน </p><p align="center"> </p><p align="center">หน้าร้าน</p>เย็นวันที่ 21 พฤศจิกายน พวกเราไปตั้งบอร์ดงานศิลปากรวิจัย ครั้งที่ 1 เนื่องจากเป็นงานแรกทำให้ต้องพยายามแก้โจทย์คือ 1.เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยซึ่งเราไม่มี แต่ทำอย่างไรจะร่วมกับงานนี้ได้ จึงตั้งชื่อไปว่า Miracle Information for Perfect Information 2. เมื่อได้ชื่อแล้วอะไรที่จะนำไปเสนอเพื่อให้เห็นภาพนั้นได้ พอดีก่อนหน้านี้มีงานเขียนของบรรณารักษ์ของเราคือพี่พัช พัชรี เวชการ ซึ่งได้รวบรวมงานวิจัยของอาจารย์ของศิลปากรกรจาก ISI ก็สรุปกันว่าน่าจะแสดงให้เห็นปริมาณของผลงานทางวิชาการได้ชัดเจน จากเสียงสะท้อนของผู้ชมซึ่งบอกว่าดีเพราะทำให้เห็นภาพรวมของมหาวิทยาลัยศิลปากร 3. ได้เนื้อหาแล้ว ทำอย่างไรจึงจะมีคนเข้าบูธเนื่องจากเนื้อหาเป็นวิชาการ ไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการวิจัยมาจำหน่ายหือดึงดูดใจ พอดีอีกที่กำลังจะซื้อ EndNote เลยมีกิจกรรมเชิญให้มาอบรมการใช้โปรแกรมในเดือนหน้า พอตั้งบอร์ดเสร็จก็ต้องเตรียมงานต่อไปในวันรุ่งขึ้น <p align="center"></p><p align="center"> </p><p align="center">หน้างาน </p>22 พฤศจิกายน งานศิลปากรวัฒนานุสรณ์ สถิตสถาพรสถาบัน: ก้าวเข้าสู่ปีที่ 65 แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยศิลปากร งานนี้กลุ่มเป้าหมายคือนักศึกษา แต่จะทำอย่างไรให้เป็นที่น่าสนใจและให้พวกเขาคิดว่าห้องสมุดเป็นหน่วยงานที่สามารถเข้าถึงได้ งานนี้ได้รับความช่วยเหลือจากภานนท์ ซึ่งเป็นนักศึกษาเอกบรรณฯ ซึ่งสมัยฝึกงานเป็นที่รักของพวกพี่ๆ มาช่วยคิดงานให้ ภานนท์เสนองานว่าจะเปรียบหนังสือเป็นเสื้อผ้า และจะให้มีการเดินแบบหนังสือสิบอันดับที่มีคนยืมมากที่สุดของชาวศิลปากร งานถือว่าประสบความสำเร็จมาก ที่สำคัญคืองานนี้ทำให้เห็นพลังความคิดของนักศึกษาของศิลปากร ซึ่งหอสมุดฯ จะมีโครงการออกมาเรื่อยๆ สู่สายตาประชาชน (ว่าไปนั้น) การทำงานของภานนท์น่าสนใจ ขั้นแรกเริ่มงานมาคุยว่าเราต้องการให้งานเป็นอย่างไร กลับไปคิด กลับมาถาม กลับมาเสนองาน กลับไปคิด กลับไปปรับงาน …. จนกระทั่งตกผลึก และพร้อมแก้ไขสถานการณ์ในหน้างานที่เหนือการควบคุม งานจึงออกมาทั้งอิน (เทรนด์) และโอ (เค) <p align="center"></p><p align="center">แบบร่างเสนองาน</p><p align="center"></p><p align="center">งานจริง</p><p align="center"></p><p align="center"> โอเคมั๊ยคะ</p>23 พฤศจิกายน เปิดงานฉลองหนึ่งร้อยปี พระราชวังสนามจันทร์ นิทรรศการจัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเหลือส่วนของเสวนาซึ่งจะจัดในวันอาทิตย์ ทำให้วันเสาร์ซึ่งเป็นวันลอยกระทงและเป็นวันที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จ จึงมีผู้มาเข้าชมงานมาก เนื่องจากกรรมการส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยในส่วนนี้เป็นชาวห้องสมุดฯ จึงทำให้พวกเราจะยุ่งกันมากเป็นพิเศษเพราะก่อนหน้านั้นเราต้องไปเตรียมสามงานข้างต้น วันนี้รถติดมากทั้งเมือง แต่ในฐานะเจ้าถิ่นก็รู้สึกดีใจมากที่บัดนี้ใครๆ ก็รู้จักนครปฐมและรู้แล้วว่าที่นครปฐมมีพระราชวังสนามจันทร์ การทำงานบางครั้งต้องวิ่งรอกกันระหว่างห้องสมุด องค์พระฯ และทับเจริญ จึงต้องใช้มอร์เตอร์ไซด์เป็นพาหนะเดินทาง ซึ่งมีวีรกรรมมากมาย มีคนถามว่าโจทย์ของงานนี้คืออะไร บอกเขาไปว่างานนี้เป็นการเล่นของ “เก่า” ดังนั้นหากสามารถค้นหารูปเก่าๆ ก็จะเป็นที่ถูกใจ จึงเป็นเหตุให้หอจดหมายเหตุฯ เป็นแหล่งพำนักเพื่อค้นข้อมูล รวมทั้งตามบ้านของคุณยาย คุณป้าๆ ญาติมิตรทั้งหลาย ซึ่งถือเป็นบุญของพวกเราจริงๆ <p align="center"></p><p align="center">นิทรรศการที่ทับเจริญ</p> <div style="text-align: center"></div>
</span>พระที่นั่งมารีราชรัตบัลลังก์และย่าเหล <p>ทุกงานได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนพ้องน้องพี่ หลายคนต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาขนของเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจร หลายคนต้องวิ่งรอกซื้อของจนหมดครีมกันแดดไปหลายกระปุก หลายคนต้องทำงานที่เป็นครั้งแรกของชีวิต หลายคนต้องอยู่เวรแทนพวกที่ออกไปภาคสนาม หลายคนต้องไปอยู่ภาคสนาม หลายคนต้องกลับบ้านดึกๆ และมีหลายคนที่น้ำหนักลด เสียงแหบ เป็นไข้ หลายคนบอกว่าทำงานแบบนี้มันดี ถือเป็นกำไรของชีวิต หากเหนื่อยล้าก็จะมีเสียงบอกว่าพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว</p>
ส่วนหนูเล็ก นฤมลนั้นเริ่มงานทับแก้วบุ๊คแฟร์แล้ว โปรดเตรียมตัว ขณะนี้เพียงแต่รอให้ถึงวันสุดท้ายของงาน
ปล. หลังจากนี้ตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องการเขียนบล๊อกและสนับสนุนให้ทุกคนมาช่วยกันเขียนบล๊อกเล่าประสบการณ์ในมุมของแต่ละคน แต่เอ๊....จะเป็นวันไหนดีนะ
</font></span>
ขอแอบมาให้กำลังใจไทเฮาปองของพี่ๆน้องชาวบรรณรักษ์นะคะพี่
- ที่แน่ๆขอชื่นชมไอเดียการจัดและการดำเนินงาน(ตอนที่บอกว่า เปลี่ยนไอเดียจากหนังสือเป็นเสื้อผ้า)
ขอบคุณน้องๆ กองเชียร์ทุกคน พี่ปองกำลังคร่ำเคร่งพร้อมๆ กับครื้นเครง เลยห่างหายไปจากวงการ รักทุกคนค่ะ