ใครจะพูดถึงเธอเช่นไรไม่สนใจ
|
ใครจะพูดถึงเธอเช่นไรไม่สนใจ
อ้างอิง - ภาพ http://www.lomography.com/folkways ยามความรักเบ่งบาน ฤดูกาลรอบตัวเราเหมือนเป็นใจ ไม่มีสีสันหม่นหมองใด จะดูเศร้าไปได้ ทุกอย่างแวดล้อมในชีวิตท่ามกลางรัก ล้วนเป็นใจ และเป็นฝักฝ่ายกับสิ่งที่เราปรารถนา ไม่นับกับคำกล่าวถึงความน่าจะเป็น เมื่อผลสุดท้ายของรักปรากฎตัว แม้เราทุกคนจะรู้ว่าบทสุดท้ายของรัก ล้วนมีทางออกได้หลายทาง ไม่ใช่ทางออกเพียงประการเดียว ในความสมปอง เช่นกันเมื่อความรักเบ่งบาน หัวใจของเราเหมือนสั่งการอวัยวะส่วนต่างๆ สั่งการให้ดวงตามองโลกอย่างสดใส สั่งการให้หูของเราฟังแต่เสียงคนรัก และสั่งการให้สมองไต่ตรองสิ่งที่ได้ยิน ด้วยการเข้าข้าง จะเข้าด้านซ้ายหรือด้านขวาไม่จำเป็น จำเป็นเพียงประการเดียว คือเข้าข้างคนที่เรารัก ไม่ว่าจะพูดเช่นไร ไม่ว่าจะกล่าวคำใด หรือใครจะพูดถึงเธอเช่นไร เราในนามของความรักและห้วงรัก ล้วนไม่สนใจ ไม่มีเหตุผลความรู้สึกใด จะมากำกับความคิดและการรับรู้ของเราได้ ว่าเธอคนนั้นไม่ดีไม่งาม หรือไม่ถูกต้อง เพราะเราล้วนปิดหูปิดปากปิดตา เพียงเพื่อรับรู้ว่าเธอคนนั้นดี งาม และถูกต้อง ไม่ใช่เพราะมนต์มายาของรักหรอกหรือ ที่ทำให้เรากลายเป็นคนตาบอด ไม่ว่าเครื่องมือชนิดใด ซึ่งสื่อสารแวดล้อมชีวิตเรา ก็ไม่อาจพรากความรักและความเชื่อมั่นจากใจเราได้ ความหมายของคนรัก และความรักที่เรามีให้กับคนที่เรารัก บางครั้งก็มืดมัวและมืดหม่นเหมือนโคถึก ซึ่งวิ่งตะบึนไปท่ามกลางฝุ่นผง อันไม่อาจเห็นทางเบื้องหน้าได้กระจ่างชัด แต่สำหรับโคถึกซึ่งวิ่งไปด้วยพลังแห่งรัก ทางเบื้องหน้าล้วนสดใสงดงาม ยากที่ใครจะเข้าใจได้ อานุภาพแห่งรัก ครอบงำถึงระบบการสื่อสารของโลก โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ วิทยุ ตู้เย็น หม้อหุงข้าว เตาอบ ล้วนแต่มีหน้าเธอคนนั้นปรากฎขึ้นมาเสมอ ยามเราคิดฝัน และวาดหวังถึงดวงใจอันอยู่ห่างไกล แม้เพียงเมื่อห้านาทีสิบนาทีที่ผ่านมา เพิ่งจะวางหูโทรศัพท์ แค่พลังบางอย่างก็ทำให้เราโหยหาและคิดถึง ไม่มีใครจะมาพรากความคิดถึง ไปจากใจเราได้
ครั้งหนึ่งมีโอกาสนั่งเสวนาข้ามคืน เพื่อนผู้หญิงในโต๊ะ เริ่มต้นพูดถึงดาราคนโปรด หลังจากเขาและเธอเหล่านั้น ถูกสื่อบันเทิงจับขึงพรืด แฉเรื่องราวผ่านทั้งหน้ากระดาษ วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ กระทั่งบ่อยครั้งเข้า ที่เธอเริ่มต้นไม่อ่านหนังสือบันเทิง ข่าวบันเทิง หรือกระทั่งไม่เปิดเสียงโทรทัศน์ยามสัมภาษณ์ดาราคนโปรด เธอเริ่มต้นการปิดเสียงโทรทัศน์ เมื่อมีข่าวพาดพิงดาราในดวงใจของเธอ เธอเริ่มต้นเปิดโทรทัศน์แต่ปิดหู ฉันรับไม่ได้ ฉันว่าสื่อทำเกินไป เล่นสัมภาษณ์กันอย่างนี้ เหมือนฆ่ากันชัดชัด เธอเริ่มต้นบ่นถึงความอึดอัดใจ หลังจากในกลุ่มเริ่มเงียบเสียง หลังจากพบว่าอาจเป็นหนทางให้เธอได้ระบาย ถึงความอัดอั้นตันใจที่สื่อกระทำต่อดาราคนโปรดของเธอ ไม่เพียงเธอจะปิดเสียงโทรทัศน์ เธอยังเลือกรับข่าวสาร ด้วยสังเกตุสีหน้าของดาราในดวงใจ เพื่อดูแววตาด้วยความอาทร มันน่าสงสารเขา ดูเวลาเขาให้สัมภาษณ์สิ น่าสงสารขนาดใด สังเกตุแววตาเขาเวลาอธิบายนักข่าวสิ เขาพยายามจะอธิบายให้เห็นว่า สิ่งที่เขาไม่ได้ทำนั้นมันช่างเลวร้ายเพียงใด เธอเริ่มต้นอธิบายความรู้สึกแทนดาราคนโปรด หลังจากเพื่อนในกลุ่มเริ่มเปิดโอกาสมากขึ้น แม้หลายคนจะรู้ว่ากลุ่มเริ่มตัดสินใจผิดพลาด เมื่อได้อ่านเรื่องเล่าจากปากกา จากภาพข่าวดารา เพื่อขายเรื่องฉาว เธอตัดสินใจทันที ที่จะไม่รับฟังการอธิบายเรื่องราวเนื้อข่าวอันเลวร้าย ไม่แม้แต่จะรู้ว่าใครเขียนด่าดาราคนที่รักว่าอย่างไร ไม่แม้แต่จะฟังคำถามของนักข่าว ที่เพียงแย้มชื่อและรายละเอียดเล็กน้อย ว่ากำลังชมหรือด่า เหมือนเราเลย เพื่อนผู้ชายในกลุ่ม ซึ่งนั่งฟังเธออธิบายอย่างตั้งใจพูดขึ้น หลังจากฟังคำอธิบาย และนั่งมองหน้าเพื่อนในกลุ่ม เขาเริ่มต้นอธิบายถึงพฤติกรรมใหม่ในชีวิต ขณะนั่งทำงานไปด้วยเปิดโทรทัศน์ไปด้วย เขาเลือกจะปิดเสียง ไม่ฟังเสียง ดูเพียงว่ามีโฆษณาอะไร มีรายการอะไร ใช้มุมกล้องแบบใด หรือกระทั่งถ้าสนใจก็จะเปิดเสียงเพียงนิดหน่อย ก่อนจะปิดเสียงลง เหมือนเราเลย เวลาเราเห็นนักข่าวสัมภาษณ์คุณสมัคร เราจะต้องรีบปิดเสียงโทรทัศน์ทันที เพื่อนในกลุ่มเริ่มต้นอุทานขึ้นพร้อมกัน หลังจากนั่งฟังพฤติกรรมประหลาดของเพื่อน ก่อนจะเริ่มต้นถามถึงความประทับใจอะไร ในตัวนักการเมืองคนนี้ หลังจากเพื่อนสื่อสารอะไรบางอย่างออกมา เฮ้ย แกชอบสมัครเหรอ เปล่า เกลียดวะ เลยไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยินเสียง
|
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น