วันนี้ (22พ.ย50)เป็นวันพฤหัสที่เราต้องมีหน้าท่ให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่ ในตอนแรกที่เขียนโครงการขอเปิคลินิกให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่เป็นการให้บริการผู้ป่วยนอกที่อยากเลิกบุหรี่แล้วเดินเข้ามาขอรับคำปรึกษาในโรงพยาบาล
การเปิดคลินิกให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่เป็นโครงการต่อเนื่องจากการที่เราได้มีโอกาสที่ดีเข้ารับการอบรมของ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่เป็นหลักสูตรต้นแบบ
ตอนที่เข้าอบรมเรามีความสนใจเรื่องการช่วยคนให้เลิดสูบบุหรี่อยู่แล้วเพราะไม่ชอบการสูบบุหรี่อย่างมาก ตอนที่ทำงานที่หอผู้ป่วยหนัก พบผู้ป่วยที่เป็นโรคถุงลมโป่งพองตองใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลาไม่สามารถอย่าเครื่องช่วยหายใจได้ เรารู้สึกว่าเป็นความทุกข์ทรมานอย่างมาก
เมื่อเราได้เข้ารับการอบรมหลักสูตรต้นแบบของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการเลิกสูบบุหรี่ มุมมองและความรู้สึกของเราต่อคนสูบบุหรี่เปลี่ยนไประดับหนึ่งและเมื่อเรามาทำงานให้คำปรึกษากับผู้ป่วยหรือบุคคลที่สูบบุหรี่จริงๆทำให้เราเข้าใจคนติดบุหรี่มากขึ้น เข้าใจความเครียดที่ไม่ได้สูบบุหรี่ คนเราทุกคนรักตัวและกลัวตายกันทุกคนและต้องการเป็นคนที่สังคมยอมรับ เพี่ยงแต่ยังเลิกไม่ได้เนื่องมาจากทนต่อความเครียดได้ ไม่สามารถเอาชนะจิตใจที่อยากสูบได้ (การเอาชนะใจตนเองมันเป็นเรื่องยากจริงๆ) ประกอบกับบุคคลใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวไม่เข้าใจ ไม่ให้ความร่วมมือและประคับประคองให้ผ่านภาวะวิกฤติไปได้
หลายคนเคยเลิกสูบบุหรี่มาแล้วแต่ต้องกลับไปสูบอีกเนื่องจากสภาพแลดล้อมท่ประกอบด้วย
- เศร้า เหงา อยู่คนเดี่ยวไม่มีเพือน
- เครียดจากการทำงานหรือจากการดำเนินชีวิตในสภาพสังคมท่เปลี่ยนไป
- ในวงเหล้า (วงเหล้าทำให้เกิดอะไรๆอีกหลายๆอย่างจริง)
- ฯลฯ
กลับมาเล่าเรื่องการเปิดคลินิคให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่ต่อ(หลงประเด็นไปนาน) เมื่อเปิดให้บริการใหม่ๆ มีผู้รับบริการฌแล่วันละ 1 คน บางวันไม่มีเลย ทั้งๆที่เราก็เดินบอกเกือบทุกห้องครวจเลยน่ะ ว่าถ้ามีคนไข้สูบบุหรี่ส่งมาขอรับคำปรึกษาได้เลยเรายินดีมาก เวลาผ่านไป 1 เดือน เรากลับมองมองหาช่องทางใหม่ว่าจะทำอย่างไรเราถึงจะได้ทำงานให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่ถึงเราจะเปิดคลินิกต่อไปแต่ไม่มีผู้มารับบริการก็ไม่มีประโยชน์
เราเริ่มกลยุทธ์ใหม่โดยการประสานงานกับหอผู้ป่วยหนักท่เราเคยทำงานอยู่ และจับกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยโรคหัวใจที่สูบบุหรี่ เราพบว่าเกือบร้อย%ของผู้ป่วย AMI สูบบุหรี่ เราเริ่มวิธีการให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่ เขียนบันทึกกิจกรรมการให้คำปรึกษาใน nurse's note แต่ไม่มีใครอ่านมากนักจึงเปลียนมาบันทึกที่ Progress noteและ OPD card มีการสนใจบันทึกของเรามากขึ้น เริ่มมีการสั่งยาเพื่อลดการเครียดของคนไข้ร่วมด้วย หลังจากทำงานมาได้ 3 เดือน เราสรุปผลงานของคลินิก ให้คำปรึกษาเพื่อเลิกยาสูบ ดังนี้
ผลลัพธ์การให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่ เดือน มิถุนายน – กันยายน 2550
ผู้รับคำปรึกษา | |||||||
OPD |
IPD |
||||||
เลิกได้ < 30 วัน | เลิกได้>1 เดือน | ติดตามไม่ได้ | เลิกได้ < 30 วัน | เลิกได้>1 เดือน | ติดตามไม่ได้ | ||
สูบเท่าเดิม | สูบน้อยลง | สูบเท่าเดิม | สูบน้อยลง | ||||
5 | 3 | 2 | 4 | 1 | 3 | 7 | - |
14 |
11 |
||||||
รวม 25 คน |
ปัญหาและอุปสรรค์ของการดำเนินงานให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่
หลังจากการสรุปผลลัพธ์ของการให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่เรานำเสนอเลขา PCT อายุรกรรมก็ได้รับความสนใจพอสมควร เริ่มมีความร่วมมือเกิดขึ้นคือ
หอผู้ป่วยใน PCT อายุรกรรม เริ่มสอบถามผู้ป่วยเกี่ยวกับการสูบบุหรี่มากขึ้น(เริ่มAแรกเท่านั้นเอง) หลังจากนั้นไม่ว่าผู้ป่วยจะต้องการเลิกสูบบุหรี่หรือไม่(อีก 4A) เราลงไปทำเอง
วันนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เราได้มีโอกาสเดินไปทำอีก 4A ที่เหลือ รูปแบบการให้คำปรึกษาของเรามีทั้ง การให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลในหอผู้ป่วยที่มีผู้ป่วยเข้ารับคำปรึกษาน้อยกว่า3 คน และให้คำปรึกษาเป็นรายกลุ่มในหอผู้ป่วยที่มีผู้รับคำปรึกษาจำนวนมาก
การให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่ก็ได้ประสบการณ์อย่างที่อาจารย์ กรองจิต วาทีสาธกกิจ บอกจริงๆ "ผู้รับคำปรึกษาทุกคนเปรียบเสมอครูที่ได้ให้โอกาสเราเรียนรู้" และที่จะลืมกล่าวถึงไม่ได้คือ อาจารย์กัลยากร Intervention ของอารย์ที่ใช้บรรเทาอาการเครียดของผูเลิกบุหรี่ได้ดีที่สุดคือ "การนวด" เพราะ
1)ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย นอกจาก 2 มือของภรรยาเท่านั้นเอง
2)ไม่ต้องให้ผู้ป่วยออกแรงเนื่องจากผู้ป่วยโรคหัวใจต้องจำกัดการทำกิจกรรมในระยะแรกทำได้แค่หายใจอย่างเดียวเท่านั้นเอง กิจกรรมที่เหลือพยาบาล ICU ทำให้ทั้งหมดค่ะ
3)เรารู้สึกว่าทั้งผู้ป่วยและภรรยามีความสุขที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือกันและสัมผัสกันด้วยความรักค่ะ
สรุป การให้คำปรึกาเพื่อเลิกบุหรี่ของเราทำให้ทั้งผู้ให้ ผู้รับและครอบครัวของผู้รับคำปรึกษามีความสุขค่ะ อาจารย์กรองจิตบอกอีกนั่นแหละว่า การมีความสุข คือการได้รับผลบุญที่เราทำ
ไม่มีความเห็น