อนุทิน นางลัดดาวัลย์ รุจนพฤนท์
สารบัญเหตุการณ์
เหตุการณ์ วัน / เดือน / ปี
“กิจกรรมบ้านเล็กในบ้านใหญ่” |
15 พ.ค.
45 |
“เด็ก
เด็กในชั้น อนุบาล 1 /2 ” |
22 พ.ค.
45 |
“ชั่วโมงบูรณาการ
E.M. ” |
13 ส.ค.
45 |
“การปรับเปลี่ยนห้องเรียน” |
4 ต.ค.
45 |
“กลุ่มนิเทศแบบกัลยาณมิตร” |
8 พ.ย.
45 |
“เหตุเกิดระหว่างพักกลางวัน” |
12 ธ.ค
45 |
“ศูนย์เกษตรธรรมชาติ คิวเซ” |
10 ม.ค.
46 |
“แลกเปลี่ยนการเรียนรู้” |
28 ม.ค.
46 |
“ผู้ปกครองตามใจลูก” |
19 ก.พ.
46 |
“เด็กดีที่น่าชื่นชม” |
25 มี.ค.
46 |
“กิจกรรมบ้านที่สอง” |
27 มี.ค.
46 |
“ชาวต่างประเทศเยี่ยมชมการเรียนการสอน” |
28 ก.ค.
46 |
“งานวันครูที่สนามกีฬาไทย ญี่ปุ่น” |
16 ม.ค.
47 |
“เสนอรายงานการพัฒนาโรงเรียนเป็นบ้านที่สอง” |
7 พ.ค.
47 |
“ครอบครัวใหม่” |
18 พ.ค.
47 |
15 พ.ค. 45
วันนี้นักเรียนทุกคนตื่นเต้นเป็นพิเศษ ที่จะได้จับฉลากเลือกพ่อแม่คนที่สอง เพื่อที่จะไปเรียนร่วมกันในวิชา “ บ้านเล็กในบ้านใหญ่ “ ถึงแม้ว่าบางคนจะถูกใจ หรือไม่ถูกใจตามที่ตนหวังไว้ ทุกคนก็ยินดีและพอใจที่จะอยู่ร่วมกันในครอบครัว พี่ๆรับหน้าที่ดูแลน้องเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าน้องบางคนจะซนมาก ได้ให้นักเรียนแต่ละคนแนะนำตนเอง เขียนประวัติส่วนตัว ทุกคน ร่วมกันตั้งชื่อครอบครัวของเราว่า ครอบครัวบ้านสุขใจ ได้อบรมลูกๆให้มีความรัก ความสามัคคี มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน พี่จะคอยเตือนน้อง ถ้าสิ่งใดที่น้องทำผิดพลาดไปก็พร้อมที่จะแก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้น
ครอบครัวนี้จะสอนลูกๆให้คิดประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้ พับ ตัด กระดาษ การร้อยมาลัย ใบตองและการแกะสลัก ซึ่งลูกๆสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพได้ และเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ลุกๆจะมีของเล่นได้โดยไม่ต้องเสียเงินไปซื้อ
22 พ.ค. 45
ปีการศึกษานี้รับผิดชอบเป็นครูประจำชั้นอนุบาล 1/2 มีนักเรียนทั้งหมด 31 คน เป็นนักเรียนชาย 23 คน นักเรียนหญิง 8 คน วันแรกค่อนข้างสับสนและวิตกกังวลมาก เป็นนักเรียนใหม่และยังเล็กอยู่ อายุแค่ 4 ขวบทุกคน มีความรู้สึกว่าเขาก็ใหม่ เราก็ใหม่ จะทำความรู้จักอย่างไรดี จึงจะจำชื่อจริง ชื่อเล่น ของนักเรียนได้ทุกคน นักเรียนใหม่บางคน ร้องไห้ งอแง เกิดความกลัวที่จะมาเข้าเรียน พบเพื่อนใหม่ๆ สำหรับเด็กที่อายุยังน้อย เราจะปรับตัวได้ยากและช้ากว่าเด็กโต ข้าพเจ้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะจำชื่อเด็กๆ และผู้ปกครองที่จะมารับให้ได้ทุกคน ในแต่ละวันจะต้องคอยเช็คชื่ออยู่ตลอด ในชั้นอนุบาลนั้นการดูแลเอาใจใส่เด็กอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าเด็กจะไปไหน ครูต้องคอยดูแลอย่างทั่วถึง วันแรกจะพาเขาไปรู้จักห้องน้ำ ที่รับประทานอาหาร แปรงฟัน ล้างหน้า และแนะนำให้รู้จักห้องต่างๆในโรงเรียน
13 ส.ค. 45
วันนี้เข้าสอนวิชาบูรณาการชั้น ป.3 – ป.4 ร่วมกับ อ. สนธยา และ อ.นัฎพร นักเรียนมีความสนใจและอยากจะเรียนรู้กันมากพอสมควร ในเรื่องของจุลินทรีย์ E.M. เพราะเป็นวิชาใหม่ที่น่าสนใจ เริ่มจากให้ดู V.D.O. ที่มาของจุลินทรีย์ชนิดนี้ที่จะช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ภายในโรงเรียนของเราได้อย่างไร มี อ. ณัฐวุฒิ เป็นวิทยากรรับเชิญ เพราะเคยไปอบรมที่ คิวเซ มาแล้ว เริ่มแรกพวกเราได้ทดลองทำ E.M. ขยายจากน้ำซาวข้าว เพราะน้ำซาวข้าวจะมีสารอาหารอยู่เหมาะกับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
นอกจากน้ำซาวข้าวแล้ว นักเรียนยังได้คิดผลิต E.M. สูตรต่างๆขึ้นมา เพื่อลดกลิ่นเหม็นเปี้ยว เช่น E.M. มะกรูด E.M. มะนาว E.M. สับปะรด E.M. ใบเตย E.M. ตะไคร้ E.M. สูตรสมุนไพรต่างๆ นี้ได้รับความสนใจมาก เพราะมีกลิ่นหอมน่าใช้ ซึ่งแต่ละสูตรจะใช้งานแตกต่างกันไป แล้วแต่คุณสมบัติของสารชนิดนั้นๆ
4 ต.ค. 45
วันนี้มีการประชุมปรึกษาหารือกันตามปกติ อาจารย์ใหญ่สั่งให้ครูปฏิบัติงานหลายเรื่อง มีทั้งเรื่องเก่าที่ทำแล้วยังไม่เสร็จ และเรื่องใหม่ที่จะต้องทำส่งเพิ่ม ในวาระสุดท้าย อาจารย์ใหญ่สั่งเปลี่ยนแปลงย้ายห้องเรียนหลายห้อง เพื่อความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ของครูผู้สอน รวมทั้งห้องศูนย์วิทยาการของข้าพเจ้าด้วย ที่ต้องย้ายจากชั้น 2 ขึ้นมาชั้น 3 ข้าพเจ้ารู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก เพราะอุปกรณ์ในห้องมีมากมายหลายอย่าง ซึ่งจะต้องใช้เวลามากในการจัดทำใหม่ทั้งหมด มีครูหลายท่านบอก ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราช่วยๆกันทำ แต่เมื่อถึงเวลาที่จะย้ายแล้วทุกคนก็มีภาระหน้าที่จะต้องทำของตน ข้าพเจ้าก็ได้นักเรียนนั้นแหละช่วย เหตุการณ์นี้ทำให้นึกถึงสุภาษิตที่ว่า “ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน “ คนเราควรจะทำทุกอย่างด้วยตนเองก่อน ทำให้ข้าพเจ้ามีจิตใจที่เข็มแข็งขึ้น กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกที่ควร มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
8 พ.ย. 45
กลุ่มนิเทศแบบกัลยาณมิตร กลุ่มของข้าพเจ้ามี 3 คนคือ ครูพัชรี,ครูณัฐวุฒิ, ครูลัดดาวัลย์ ครูแดง ( พัชรี ) จะค่อนข้างดูแลน้องๆในกลุ่มเป็นพิเศษ มีการประชุมปรึกษาหารือ แบ่งหน้าที่รับผิดชอบใน 1 ภาคเรียนจะมีการนิเทศการสอนคนละ 3 ครั้ง หมุนเวียนสลับกัน ครูแดงจะเป็นผู้ให้คำแนะนำที่ดี จะถามอยู่เสมอว่า งานชิ้นนี้ทำเสร็จหรือยัง ส่งอาจารย์ใหญ่หรือยัง เขาจะคอยเร่งกระตุ้นให้ทำงานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ ก็จะเป็นผลดีต่อนักเรียน เพราะทุกครั้งที่ครูเข้าสอน ถ้าเราเตรียมการสอนมาอย่างดี นักเรียนก็จะได้รับความสนุกไม่เบื่อ มีสิ่งใหม่ๆ มีกิจกรรมให้ทำอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้บางเรื่องที่เราไม่มีความชำนาญ กลุ่มนิเทศนี่แหละที่จะช่วยกัน ใครมีความถนัดทางด้านใดก็จะให้คำแนะนำ หรือไปค้นคว้ามาให้เพื่อนๆในกลุ่ม ถ้าไม่รู้ก็กล้าที่จะถาม ถ้าไม่เข้าใจก็ศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ
12 ธ.ค. 45
วันนี้อาจราย์ใหญ่ได้เชิญคณะครูเข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือการปฏิบัติงานเวลา 12.00 น. ข้าพเจ้าและเพื่อนครูได้รับทานข้าว ซึ่งอาจารย์ใหญ่มักจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีประชุมตอนพักกลางวันบ่อยๆ
ส่วนนักเรียนทั้งหมดก็อยู่ในห้องประชุม โดยการดูแลของพี่ๆ ประธานนักเรียน เป็นธรรมดาที่นักเรียนอยู่ร่วมกันจำนวนมากจะต้องมีการปะทะคารมกันขึ้น มีการพูดจาหยอกล้อกัน ระหว่างประธานนักเรียนกับกลุ่มของ ด.ช. ชัยรัตน์ พี่เตยประธานนักเรียนว่าถ้าน้องๆไม่เชื่อฟัง ก็ให้เอาผู้ปกครองมา ด.ช. ชัยรัตน์ ได้หนีออกไปทางประตูด้านหลังระหว่างที่แม่ครัวเดินออกไปซื้อของ ได้โทรศัพท์บอกให้ผู้ปกครองมาที่โรงเรียน เมื่อผู้ปกครองมาถึงก็พูดจาโต้เถียงกันจนมีเรื่องตบตีกันขึ้น เกิดความบาดหมางใจระหว่างผู้ปกครอง ด.ญ. เตย ( คนในชุมชน ) กับภาพพจน์ที่ไม่มีของโรงเรียน จากเหตุการณ์นี้ทำให้คิดว่า จะให้เด็กทั้งโรงเรียนอยู่เฉย โดยไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำ เป็นเวลานานๆนั้น เป็นไปได้ยาก ภายในห้องประชุมของนักเรียนควรจะมี โทรทัศน์, V.D.O. ประเภทสารคดีให้นักเรียนดูระหว่างที่รอครูประชุม แล้วให้นักเรียนเขียนเป็นรายงานมาส่ง ย่อมจะเร้าใจนักเรียนมากกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จึงไม่อยากให้อาจารย์ใหญ่เรียกครูประชุมในตอนพักกลางวัน ถ้าไม่มีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ
อยากเสนอให้อาจารย์ใหญ่ติดโทรทัศน์ ไว้ที่ห้องประชุมบ้าง นักเรียนรับฟังข่าวสารต่างๆในตอนเช้า – ตอนกลางวัน ระหว่างนักเรียนรับประทานอาหารกลางวัน แล้วไปวิ่งเล่นทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ บางคนก็ขึ้นไปบนห้องเรียนเล่นกัน โดยที่ไม่มีครูคุมรื้อของ ขโมยของเพื่อน
10 ม.ค. 46
วันนี้ทางโรงเรียนจัดทัศนศึกษาไปเยี่ยมชมศูนย์เกษตรธรรมชาติ คิวเซ อ. แก่งคอย จ. สระบุรี ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าสถานที่แห่งนี้ จะเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ดีมากของนักเรียน เมื่อเดินทางไปถึงผ่านประตุเข้าไปทุกคนจะต้อนรับด้วยการไหว้ และทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เขาจะใช้วิธีทักทายด้วยการไหว้ สวัสดี โดยไม่คิดว่าจะมีอายุน้อยกว่าเขาหรือไม่ ทำให้คิดว่าศูนย์เกษตรธรรมชาติแห่งนี้ ได้ฝึกให้ทุกคน มีนิสัย จิตใจเปี่ยมด้วยเมตตา การที่คนเรารับประทานแต่อาหารมังสวิรัติ ไม่รับประทานเนื้อสัตว์นั้น ทำให้จิตใจของเราเย็นขึ้น สงบขึ้น ไม่โกธร เกลียดและอิจฉาริษยาใคร บางทีคนเราทานเนื้อสัตว์มากๆ จิตใจก็มักจะโหดร้าย ไม่เชื่อฟัง เหมือนสัตว์ที่ไม่ได้รับการฝึก สถานที่นี้ก็เลี้ยงสัตว์เหมือนกันแต่ พวกเขาก็ไม่ทานเนื้อสัตว์ พวกเขารู้จัก ลด ละ เลิก ได้โดยไม่เกิดความอยาก เลยทำให้คิดว่าถ้าเราทำอาหารมังสวิรัติให้เด็กได้ทานบ่อยๆ เด็ก เด็กของเราคงมีจิตใจที่ดี ไม่ก้าวร้าวหรือก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ที่คิวเซนั้นประทับใจที่เขาใช้ E.M. อย่างได้ผล ไม่ว่าจะปลูกพืช หรือเลี้ยงสัตว์ ก็ดูจะเจริญงอกงามไปหมด แต่ที่โรงเรียนของเรานั้นขาดการดูแลอย่างต่อเนื่อง เมื่อโรงเรียนมีงานก็จะสวยขึ้น หลังจากนั้นก็จะค่อยๆเหี่ยวเฉาไป
ได้พบสถานที่เหล่านี้ใน จ. สระบุรี 2 แห่ง คือที่ศูนย์เกษตรธรรมชาติ คิวเซ และที่โรงเรียนสัตยาไสยของ ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา แล้วรู้สึกประทับใจที่ทั้งสองแห่งมีสิ่งแวดล้อมที่ดี รับประทานอาหารมังสวิรัติ ทุกคนมีสุขภาพที่ดี มีความพอใจในการเป็นอยู่ของตนเอง รู้จักเสียสละต่อส่วนรวม
28 ม.ค. 46
วันนี้หลังจากเรียนวิชาบูรณาการแล้ว ข้าพเจ้าได้ใช้เวลาที่เหลือ ทำงานประดิษฐ์เศษวัสดุที่มีอยู่ ได้ถามนักเรียนว่าใครชอบทำอะไรบ้าง ก็พบว่า ด.ญ. วันทนา นักเรียนชั้น ป.3 ( ลูกครูนิภา ) นั้นสานปลาตะเพียนเก่ง วันทนาก็เอาริบบิ้นมาสานปลาเพื่อนๆในห้องก็มาเรียนกับวันทนาด้วย ส่วน ด.ช. สมศักดิ์ นักเรียนชั้น ป. 4 ( ลูกครูพัชรี ) นั้นพับนกเก่ง กลุ่มของสมศักดิ์ก็จะพับนกกัน บางคนพับดาวจากหลอดกาแฟ และพับกระดาษเป็นรูปต่างๆ นักเรียนแต่ละคนในห้องก็จะมีความสามารถที่ต่างกัน ลูกๆแต่ละครอบครัวจะมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ข้าพเจ้าคิดว่าการเรียนวิชา “ บ้านเล็กในบ้านใหญ่ “ นั้น ใช่ว่าลูกๆทั้ง 10 คนในครอบครัวจะได้ความรู้แล้ว ยังนำความรู้นั้นไปถ่ายทอดให้กับลุกบ้านอื่นด้วย เป็นการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ โดยครูสอนเพียงกลุ่มเดียวเด็กๆเขาก้จะไปถ่ายทอดกันเอง ข้าพเจ้าเห้นว่าพวกเขาอยากเรียนรู้กันเองมากกว่าที่จะให้ครูสอนเสียอีก
19 ก.พ. 46
วันนี้ในตอนเช้าข้าพเจ้าได้ยืนคุมแถวนักเรียนอยู่ มีผู้ปกครอง ด.ช. เอกพันธ์ นักเรียนชั้นอนุบาล1 / 2 นำลูกมาส่ง และบอกให้ช่วยเก็บเงิน 1000 บาท ที่เอกพันธ์ นำมาโรงเรียนไว้ให้ด้วย ซึ่งเด็กคนนี้มักขาดเรียนบ่อย ซึ่งข้าพเจ้าได้สอบถามผู้ปกครองว่าทำไมให้เงินเด็กมามากมาย ผู้ปกครองบอกเด็กไม่ยอมมาเรียนถ้าไม่นำเงินมาด้วย เอกพันธ์ร้องไห้จนตาบวม ซึ่งเด็กมักจะนำเงินติดตัวมาวันละ 100 บาทหลายครั้งแล้ว ข้าพเจ้าอธิบายให้เด้กฟังว่า เขามาโรงเรียนมาเรียนหนังสือ มาร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ไม่จำเป็นต้องนำเงินมาโรงเรียน มีอาหารมีขนมให้หนูทาน เงินนี้ให้พ่อเก็บไว้ซื้ออาหารอร่อยๆให้หนูทานที่บ้าน ถ้าอยากได้อะไรให้บอกพ่อ ซึ่งเอกพันธ์ก็รับฟัง และไม่นำเงินติดตัวมาอีกและมาเรียนทุกวัน
เรื่องนี้เห็นว่าผู้ปกครองตามใจลูกมากเกิดไป จนเด็กเป็นคนไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจตนเอง
25 มี.ค. 46
เด็กดีที่น่าชื่นชมปีนี้ในชั้นอนุบาล 1 / 2 คือ ด.ญ. มานิตา งิ้วไธสง ( น้องนิ ) เป็นเด็กที่พ่อแม่ให้ความสนใจดูแลเอาใจใส่มาก น้องนิมาเรียนทุกวันไม่เคยขาดเรียนเลย ได้ที่ 1 ในชั้นทั้ง 2 ภาคเรียนด้วย คะแนน 90 % น้องนิชอบช่วยเหลือเพื่อนๆและครู ถึงแม้บางครั้งจะดูว่าเป็นเด็กที่ชอบวุ่นวายไปทุกเรื่อง แต่ถ้าเรารู้จักใช้เขาให้ถูกทางเขาก็จะเป็นผู้นำที่ดีได้
อีกคนหนึ่งคือลูกในบ้านของข้าพเจ้าเอง ชื่อ ด.ช. แพ็ก อบเทียน นักเรียนชั้น ป. 5 มาเรียนทุกวันและที่ 1 ของห้องเหมือนกัน ด.ช. แพ็ก จะมีนิสัยเบี่ยงเบนไปทางผู้หญิงเสียมาก เพื่อนๆมักจะล้อเขาบ่อยๆ บางครั้งทำให้เขาไม่ค่อยพอใจ แพ็กจะประสบความสำเร็จในด้านการเรียน การทำกิจกรรมต่างๆ ผลงานจะออกมาดีกว่าเพื่อนๆ มีความรับผิดชอบสูง เขามีน้องชายอีกคนเรียนอยู่ชั้น ป. 1 เรียนดีพอๆกัน ครอบครัวนี้จะไม่มีลูกผู้หญิงเลย แพ็กจะสนิทกับแม่และน้ามากกว่าคนอื่นๆในบ้าน
27 มี.ค. 46
วันนี้โรงเรียนจัด Open House ซึ่งแต่ละบ้านจะใช้เวลาในการเตรียมตัวหลายสัปดาห์ และนักเรียนก็อยู่ในช่วงเตรียมตัวสอบปลายภาคเรียนด้วย บ้านของข้าพเจ้า ค่อนข้างจะหนักใจว่าจะทำอะไรดี ที่ผู้มาชมแล้วจะได้ความรู้กลับไป ก็ได้ลูกๆช่วยกันคิดว่าครอบครัวของเราจะทำอะไรดี แล้วก็ตกลงใจกันว่าครอบครัวของเรา จะพับผ้าบนโต๊ะอาหาร ซึ่งสามารถนำความรู้ไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ส่วน ด.ช. แพ็กก็เห็นว่าให้ตัดกระดาษว่าวเป็นพวงมะโหด เพราะพวงมะโหดนั้นสมัยนี้หาดูได้ยาก เป็นภูมิปัญญาไทยของคนสมัยก่อน ที่ใช้กระดาษที่มีลักษณะบางเบา มาพับเป็นรูปสามเหลี่ยมหลายๆครั้ง แล้วนำมาตัดสลับกันอย่าให้ขาด ตัดหลายๆแผ่น แล้วนำมาซ้อนกันเป็นพวง ใช้แขวนประดับในงานมงคลต่างๆ ซึ่งมีนักเรียนและครูให้ความสนใจมากมาย
ซึ่งนับว่าการเปิดบ้านครั้งนี้ของโรงเรียนวัดบางน้ำชน นั้นประสบความสำเร็จ ส่วนการต้อนรับด้านอาหารถึงแม้จะขาดตกบกพร่องไปบ้าง ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่คิดว่าจะมีเพื่อนครูมาชมมากกว่าที่คิดไว้
28 ก.ค. 46
เรื่องชาวต่างประเทศมาเยี่ยมชมการเรียนการสอนบูรณาการ เรื่องจุลินทรีย์ E.M.มหัศจรรย์กับสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2546 เวลา 13.00-14.00 น. ที่โรงเรียบนวัดบางน้ำชน จำนวน 25 ท่าน จาก 10 ประเทศ ของกลุ่ม UNDP Africa – Acia Eeo – Portnership Programme ซึ่งมาศึกษาดูงานที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 21 ก.ค. –1 ส.ค. 2546 ทางสำนักการศึกษา ได้ท่านรองประสิทธิ์ ผ่องเภสัช รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา พาคณะผู้เข้ารับการอบรม เข้าเยี่ยมชมการเรียนการสอนแบบบูรณาการจุลินทรีย์ E.M. ซึ่งในวันนี้โรงเรียนมีเวลาในการเตรียมความพร้อมค่อนข้างน้อย ในระดับชั้น ป.3 - ป.4 ที่ข้าพเจ้าสอนอยู่นั้น จะมีกิจกรรมสาธิต การผลิต E.M. ขยายหลากหลายรูปแบบจากพืชผักสมุนไพร เช่น มะกรูด มะนาว ตะไคร้ เปลือกส้ม ใบเตย มะขาม และสับปะรดและสาธิตขั้นตอนการทำโบกาฉิมูลสัตว์ มีชาวต่างประเทศให้ความสนใจมาก นักเรียนสามารถสาธิต การทำ E.M. ได้ตามขั้นตอน บางคนสนใจและขอนำผลิตภัณฑ์ไปใช้ที่บ้าน และบอกว่าจะนำกลับไปทดลองใช้ที่บ้านของเขา นอกจากนี้กลุ่มระดับ ป. 3 – ป.4 ยังได้ผลิต E.M. ขยายกลิ่นสมุนไพรแจกจ่ายให้กับคณะที่มาเยี่ยมชมด้วย พร้อมกับแผ่นพับขั้นตอนการผลิต
จาการเยี่ยมชมของชาวต่างประเทศครั้งนี้ทางโรงเรียนได้รับความอนุเคราะห์ และให้คำปรึกษาจาก ดร. ภาวิณี เจ้าหน้าที่เขตธนบุรี และเพื่อนครูภายในเขตธนบุรีเป็นอย่างดี นักเรียนมีความปิติยินดี ที่ได้พบกับชาวต่างประเทศ ซึ่งทุกคนยังกังวลว่าจะพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างประเทศได้หรือ ทำอย่างไรเขาจะเข้าใจ ในสิ่งที่เด็กเรียนรู้ และนำสิ่งดีๆไปใช้ เด็กๆหลายคนบอกว่า เข้ามาดูนิดเดียวแต่เราต้องใช้เวลาในการเตรียมงานหลายวัน ซึ่งนี่แหละ คือ การทำงาน จะต้องมีการเตรียมความพร้อม เด็กได้รับประสบการณ์ตรง จากการสนทนาซักถามของผู้เข้าเยี่ยมชม ได้รู้จักการแก้ปัญหา การแสดงความคิดเห็น ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการต้อนรับชาวต่างประเทสครั้งนี้
16 ม.ค. 47
คณะครูและนักเรียนได้ร่วมกันนำผลงานไปจัดแสดงในงานวันครู เมื่อวันที่ 14 – 16 มกราคม 2547 ที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่นดินแดง โรงวัดบางน้ำชนได้นำเสนอ เรื่องจุลินทรีย์ E.M. ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้ แบบบรูณาการ ข้าพเจ้าได้สอนในระดับชั้น ป. 3 – ป. 4 เรื่องจุลินทรีย์ E.M. ขยายหลากหลายรูปแบบ นักเรียนสามารถผลิตจุลินทรีย์ E.M. ขยายจากพืชผัก สมุนไพรธรรมชาติ ได้หลายชนิดที่มีคุณภาพดี และการทำปุ๋ยโบกาฉิ การเรียนการสอนนี้คณะครูได้ร่วมกันวางแผน วิเคราะห์หลักสูตร นำมาปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้นตลอดเวลา มีผู้มาศึกษาขอดูงานจำนวนมาก และนิสิตจาก ม. เกษตรศาสตร์มาสังเกตการสอน ของครูทั้ง 3 ระดับชั้น มีการนิเทศการสอน และแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ พร้อมทั้งให้คำแนะนำ และข้อเสนอแนะต่างๆ ซึ่งคณะครูได้นำข้อมูล มาพัฒนาการเรียนการสอนให้ดีขึ้น
จากการที่ได้เข้าร่วมโครงการ วพร. ทำให้เกิดการทำงานอย่างมีระบบ มีขั้นตอน และได้รับคำแนะนำจาก ดร. ภาวิณี ทำให้คณะครูและนักเรียนมีกำลังใจที่จะปฏิบัติงาน โรงเรียนได้จัดเตรียมเอกสารนำไปเผยแผ่ เช่น แผนการจัดการเรียนรู้ สมุดอนุทิน การจัดกิจกรรมโฮมรูม กิจกรรมวิชาบ้านเล็กในบ้านใหญ่ การเขียนรายงานการวิจัย และกรณีศึกษานักเรียนรายบุคคล ทำให้ครูได้รู้จักนักเรียนมากขึ้น รู้ว่านักเรียนแต่ละคนมีปัญหาอะไรบ้าง ควรช่วยเหลือและพัฒนาในด้านไหน
7 พ.ค. 47
วันนี้คณะครู 7 ท่านไปร่วมนำเสนอผลงานในโครงการ วพร. การพัฒนาโรงเรียนเป็นบ้านที่สอง ที่โรงแรมมิโด้ มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 5 โรงเรียนซึ่งแต่ละโรงเรียนก็ได้เตรียมข้อมูลที่จะนำเสนอผลการดำเนินการตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาด้านใดบ้าง โรงเรียนของข้าพเจ้ามี อ. กฤช เป็นที่ปรึกษาก็ไดมาให้คำแนะนำว่า ควรเขียนรายงานตามลำดับ ขั้นตอนอย่างไร มีสิ่งใดที่ควรเพิ่มเติมอีกบ้าง ทุกคนมีความตั้งใจที่จะเขียนรายงาน แต่บางเรื่องก็หาข้อมูลยาก เพราะเป็นช่วงปิดเทอม ครูบางท่านต้องไปอบรม โดยเฉพาะพี่นิภา มีความตั้งใจที่จะเขียนรายงานและพร้อมที่จะนำเสนอ ซึ่งพวกเราก็รู้ว่าพี่นิภาป่วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะหนักมาก การไปเสนอรายงานวันนั้นของโรงเรียนวัดบางน้ำชนค่อนข้างจะไม่พร้อมด้านเอกสาร ที่จะนำเสนอ แต่ก็คิดว่า เราฟันฝ่าอุปสรรคมาจนจะเสร็จสิ้นโครงการอยู่แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกเราจงทำต่อไปให้สำเร็จเท่าที่มีความสามารถจะทำให้ได้ วันนั้น เมื่อมาถึงห้องประชุม ดร. ภาวิณี ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ได้พบกับโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 5 โรงเรียน ได้รับความรู้จากโรงเรียนต่างๆ ที่มานำเสนอ ได้รู้วิธีการดำเนินงานของแต่ละโรงเรียน เพื่อนำมาใช้กับโรงเรียนของเรา ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากเพื่อนครูที่มาในวันนั้น
พอวันรุ่งขึ้นพวกเราก็ทราบว่าพี่นิภาป่วยหนัก อยู่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ เมื่อไปเยี่ยมก็ตกใจมาก พี่เขามีอาการเหนื่อยมาก ทั้งที่ตลอดเวลาพี่นิภา เป็นคนแข็งแรงไม่ค่อยเป็นอะไร แต่ขณะนี้ แม้แต่จะพูดก็เหนื่อย พี่นิภายังบอกอีกว่าวันที่ 1 มิ.ย. พี่จะไปพูดเองที่ ม. จุฬา พี่นิภามีความตั้งใจที่จะทำโครงการนี้มาก แต่ท่านก็ต่อสู้กับโรคร้ายไม่ไหว ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 10 เมษายน 47 ไม่มีใครคิดว่าพี่นิภาจะจากไปเร็วขนานนั้น แต่พวกเราก็สัญญาว่าจะสานต่องานที่พี่ได้ริเริ่มไว้ทุกอย่าง ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
18 พ.ค. 47
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกที่โรงเรียนเปิดทำการเรียนการสอน ซึ่งในช่วงระหว่างปิดภาคเรียน คณะครูได้ปรึกษากันว่า จะมีการพัฒนาด้านการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมต่างๆ ในปีการศึกษานี้ ในชั่วโมงบ้านเล็กในบ้านใหญ่ เราจะให้นักเรียนได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปอยู่กับครอบครัวอื่นบ้าง เพื่อที่ว่านักเรียนจะได้รับความรู้ใหม่ๆจากครูท่านอื่นๆบ้าง โดยที่เด็กไม่ต้องอยู่บ้านเดิมจนจบปีการศึกษา ซึ่งครูทุกคนและเด็กก็เห็นดีด้วย จึงได้จัดนักเรียนตั้งแต่ระดับ ป.1 – ป.6 คุณครูอานนท์ได้แบ่งนักเรียนเป็น 10 กลุ่มๆ ละ 12 คน ให้แต่ละกลุ่มมาจับฉลากเลือกพ่อครู แม่ครูของตน ในแต่ละบ้านของตนใหม่ โดยการระดมความคิดจากเพื่อนๆในกลุ่ม ซึ่งแต่ละบ้านจะต้องมีคติประจำบ้าน ความหมายของชื่อบ้าน บ้านของข้าพเจ้าตั้งชื่อว่า บ้านสว่างรัก มีคติว่า “ รักสว่าง คือทางของบ้านเรา “ ถามว่าทำไมถึงตั้งชื่อนี้ ลูกๆในบ้านจะบอกว่า แสงสว่างจะนำพาไปในสิ่งที่ดี ถ้าเราทุกคนในครอบครัวรักกัน จะทำสิ่งใดก็จะประสบความสำเร็จ บ้านที่น่าสงสารคือ บ้านหลังคารั่วของครูกนกพร ซึ่งครูจะต้องไปอบรมเป็นเวลา 3 เดือน ลุกๆในบ้านไม่มีที่อยู่ ต้องไปอยู่รวมกับบ้านอื่นไปก่อนจนกว่าคุณครูจะกลับมา บ้านสองฤดูของครูณรงค์ ซึ่งคุณครูต้องไปทำหน้าที่เลือกตั้งที่เขต จึงจำเป็นต้องฝากลูกไว้กับเพื่อน เป็นระยะเวลาหนึ่ง บ้านใหม่แต่ละหลังนั้น นักเรียนส่วนใหญ่จะรู้จักสถานที่ตั้งของบ้านแล้ว ว่าคุณครูอยู่ประจำที่ใด พวกเขาจะไปหาได้ถูก จะมีก็แต่น้อง ป. 1 ที่เข้าใหม่ยังไม่รู้จักสถานที่เรียน ในสัปดาห์แรกๆจึงค่อนข้างสับสนเด็ก ป. 1 จะไปบ้านของตนไม่ถูก คุณครูต้องคอยดูแลพร้อมกับพี่ๆช่วยดูแลน้อง การจัดกลุ่มเรียนคละกับแบบนี้จะทำให้มีการช่วยเหลือกัน การสอนไม่ค่อยยุ่งยากเพราะนักเรียนรู้จักกฎระเบียบ ข้อบังคับบ้างแล้ว ซึ่งเขาก็จะเริ่มผูกพันกับพ่อครู แม่ครูคนใหม่เป็นอนุทินที่ดีมาก
ก็ตอนนี้นิอยู่โรงเรียนบางปะกอกวิทยาคมค่ะ
จำหนูได้มั้ยเนี่ย ? 55555
ตอนนี้อยู่ ม.2 จะม.3แล้วไวมากๆๆเลย ><
คิดถึงคุณครูที่โรงเรียนวัดบางน้ำชนทุกคน
ครูจะได่เปล่าที่หนูทำไม้ทีของคุณครูคนไหนหักก็ไม่รู้(จำชื่อไม่ได้แล้ว)
ตอนนั้นเป็นเด็กก็ทำอ่ะไรไม่ดีก็ขิโทษด้วยค่ะ คิดถึงอาจารย์มากๆ
ตอนนี้หนูทำคะแนนไม่ได้ที่ 1 เหมือนอยู่อนุบาลแล้วเสียใจมาก
ตอนนี้หนูดีใจมากที่อาจารย์บรรทึกว่าหนูเป็นเด็กดี 555
จะมาเยี่ยมบ่อยๆนะค่ะคิดถึงอาจารย์คะ แอดเฟสมาได้นะค่ะ manita lovenini
หนูจะส่งรูปตอนปัจจุบันไปให้ดูคะ :) (คนที่ใส่แว่นหนูนะคะ)
สวัสดีค่ะ :) นิเอง คืดถึง ตอนนี้นักเรียนที่วัดบางน้ำชน เด็กนักเรียนเรียนน้อยมากกกกกก เป็นเป็นโรงเรียนที่เยี่ยมที่สุดเท่าที่นิเคยเรียนมาเลย อยากย้อนเวลา คริคริ จะเปิดเทอมแล้วเนอะ ♥ ตอนนี้นิอยู่ ม.3 เต็มตัวแล้ว ดีใจมากอีกไม่นานนิก็อยู่ ม.ปลายแล้วววว รูปตอนปัจจุบันนนนนนนนนนนนนนนนนนน ♥