สมัคร สุนทรเวช : แมวสันหลังหวะ


คำถาม ที่มีต่อวุฒิภาวะในการให้สัมภาษณ์ของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง จากมุมมองของข่าวสาร รวมทั้งวัฒนธรรมการสื่อสาร การให้สัมภาษณ์ และวัฒนธรรมอันพึงปฏิบัติทั้งต่อบุคคล สื่อมวลชน และสาธารณชนไทย

สมัคร สุนทรเวช : แมวสันหลังหวะ

บังเกิดอาการปลาบปลื้มในทันที

หลังจากประโยคอมตะวาจาของ คุณสมัคร สุนทรเวช

พรั่งพรูในห้องแถลงข่าว พรรคพลังประชาชน ในสถานการณ์ข่าวซึ่งมีกระแสความน่าจะเป็นว่า ในท่ามกลางรายชื่อ และการจัดทัพผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบสัดส่วน คุณสมัคร ไม่ได้ถืออาญาสิทธิ์เพียงผู้เดียว

ความเคลือบแคลงบังเกิด

ว่าคุณเนวิน ชิดชอบ และ คุณสุดารัตน์ เกยุราพันธ์

เป็นผู้ร่วมตัดสินใจ จนกระทั่งคอยตัดสินใจขั้นสุดท้าย ก่อนส่งมอบให้หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เช่นคุณสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ลงนามอนุมัติเพียงเท่านั้น จะกล่าวว่าเป็นเพียงตรายาง ก็ดูจะเป็นการมิบังควร ต่อตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมือง สมดังที่ท่านพยายามจะอธิบายว่า

หัวหน้าพรรคต้องทำหน้าที่อะไร

หัวหน้าพรรคจำเป็นต้องตอบคำถามใด

ยิ่งฟังยิ่งยลยิน ยิ่งบังเกิดจิตผูกพันกับคำกล่าวของคุณสมัคร อย่างยิ่งยวด มิอาจหาคำใดมารจนา และแต่งแต้มบารมีรอบกายท่านได้

ก็ในเมื่อคำถามเหล่านั้น มีเป้าประสงค์

เพื่อต้องการถามว่า คุณเนวิน ชิดชอบ และคุณสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ในฐานะสมาชิกบ้าน 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากศาลรัฐธรรมนูญนั้น กลับเข้ามามีอำนาจในการทำงานทางการเมืองได้อย่างไร ก็เพียงเท่านั้น

ยังไม่มีใครไปขุดคุ้ยเอกสารรับรอง

ยังไม่มีใครง้างปากท่าน

เพื่อให้ท่านต้องตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่

ก็เท่านั้นที่ยังไม่มีใครป้ายสีเรื่องดังกล่าว แต่หลังจากฟังน้ำเสียง ฟังอาการขนลุกขนพอง สะดุ้งสะเทือนและโก่งตัวตอบคำนักข่าวของคุณสมัคร สุนทรเวช ยิ่งประเกิดจิตผูกพันอย่างแยกกันไม่ขาด ถึงลักษณะวิธีการ รูปธรรมความเป็นผู้นำ และมารยาทความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง

 

ตอนยังเด็กยังเล็กผมจำได้

แม่และครูผมสอนว่า

ให้รู้จักวางตน รู้กาล รู้เวลา รู้สถานที่ รู้จักสิ่งอันพึงพูด อันมิพึงพูด รู้จักกล่าววาจาอันเป็นมงคล รู้เหตุผล รู้ประมาณ รู้ในสิ่งอันควรกระทำ และไม่ควรกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเติบใหญ่ขึ้นไป ต้องระมัดระวังและควบคุมความคิดจิตใจ คำพูดและการกระทำของตนไว้ให้มาก

รู้ให้หมดในยามอยู่ร่วมกับผู้คน

วันนี้ผมเพียงแต่เข้าใจ คุณสมัคร สุนทรเวช

ผมเข้าใจเอาเองว่า ความเก็บกดจากการไร้อำนาจ ในนามของตัวแทนนิรนามทางการเมืองของท่านนั้น ช่างเป็นสิ่งยากลำบากเพียงใด กระทั่งต้องคอยจรดปากกาเขียนชื่อตน รับรองอำนาจให้คนอื่นได้หยิบใช้

ช่างเป็นภาพอันน่าเจ็บแค้นยิ่ง

เหมือนดั่งจับแมวอาบน้ำ

กดคอจับหัวราดน้ำมากเข้า พาลจะขาดใจตายได้ นั่นคือสิ่งที่ผมเข้าใจเอง ถึงอารมณ์อันพุ่งพล่านของท่านหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เพียงแต่ผมไม่เข้าใจลักษณะการตอบโต้ของท่าน ในแต่ละคำกล่าว

ว่าวันนี้ยังพึงใจจะกระทำเช่นนั้นหรือ

หากวันหนึ่งวันใด

ได้เข้าไปนั่งในทำเนียบรัฐบาล ท่านมิพาลตวาด หมู หมา กา ไก่ นก หนู แมลง หรอกหรือ หากส่งเสียงมิพึงใจท่าน หรือหากแว่วเสียงไม่เสนาะหูท่าน ในขณะที่ท่านอารมณ์หงุดหงิด เพียงเพราะเชื่อว่า ที่มาให้ท่านเห็นหน้ากันสลอนนั้น มีเป้าว่าอยากจะทำให้พรรคการเมืองของท่านเสียหาย

หรือจงใจจะโค่นล้มพรรคการเมืองท่านให้ย่อยยับ

แต่ท่านกลับมิรู้สึกแสลงใจ

ในยามใครก็ตาม ที่มิได้มีชื่อเป็นกรรมการบริหารพรรค เข้ามาก้าวก่ายทางการเมือง ในการยุ่งเกี่ยวกับการจัดลำดับบัญชีรายชื่อ กระทั่งว่าแม้แต่ชื่อก็ไม่ต้องออกมารับผิดชอบ เป็นเสมือนผีในทางการเมือง เพราะไม่มีสิทธิใดใด ได้แต่เพียงหลอกหลอนวนไปเวียนมา

แต่กลับมีอำนาจมากมายเหนือหัวหน้าพรรค

ความรู้สึกเช่นนี้ คงค้ำคอท่าน

ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกครับท่าน คำตอบของท่าน ได้จบลงไปแล้ว จบท่ามกลางความสง่างามและการตัดสินใจของท่าน ประเภทของวีรกรรม ในการต่อยกับเด็ก ด่าผู้หญิง ชี้หน้าคนแก่ ช่างเป็นภาพที่รัญจวนใจอย่างยิ่ง

ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อคนที่ท่านถาม

ว่าเมื่อคืนเสพเมถุนหรือไม่นั้น

อายุน้อยกว่าลูกสาวแฝดของท่าน

ท่านยังไม่ปราณีปราศรัย กับลูกหลานหรือเด็กรุ่นหลัง ซึ่งอายุอานามคราวลูกเช่นนั้น หรืออาจเพียงเพราะอาการสะดุ้งจากแผลกลางหลังท่าน จนกระทั่งต้องตอกกลับเช่นนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมเข้าใจอย่างยิ่งครับ

ผมเข้าใจครับ คุณสมัคร สุนทรเวช  

เหมือนเช่นที่ผมเข้าใจ

ถึงคำสอนของแม่และครู ที่สอนผมมา

 

หมายเลขบันทึก: 145407เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2007 01:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ

ไม่ได้ฟังสัมภาษณ์เลยไม่ทราบว่า คุณสมัครตอบว่าอย่างไรบ้างหรือมีกิริยาอย่างไร

แต่.....รู้สึกสลดใจตั้งแต่ที่ได้มองเห็นว่า บุคคลผู้ไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์เสนอตัว(หรือถูกเชิดตัว) มาอาสาเป็นผู้ที่จะนำประเทศ....ทำราวกับว่า สังคมไทยต่อๆ ไปควรอยู่ได้ด้วยการด่า และระบายอารมณ์ต่อกัน

และ ยิ่งสลดใจ เมื่อมีอดีตนักการเมืองคนหนึ่งไปให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ตะวันตกจากประเทศเป็นเกาะประเทศหนึ่งว่า หากพรรคหนึ่งได้เป็นรัฐบาลแล้ว อดีตท่านผู้นำท่านหนึ่งจะกลับมาเพื่อชำระแค้น.....ทำราวกับว่า แผ่นดินไทยต่อๆ ไปควรเป็นสมรภูมิแก้แค้นเพื่อชาติตระกูลของคนๆ หนึ่งและพรรคพวกที่เสียผลประโยชน์

แค่คุณธรรมขั้นต้นของการอยู่ในสังคมยังตกต่ำปานนี้แล้ว..ก็ไม่คิดว่าคนกลุ่มนี้(และอีกหลายกลุ่มที่กำลังแย่งขั้วอำนาจกันชุลมุนจนไม่รู้ว่าใครอยู่พรรคไหนด้วยอุดมการณ์อะไร) จะมาทำอะไรเพื่อนำประเทศให้เจริญและทำเพื่อผู้อื่นได้เลย

ขอคิดดังอีกเรื่องว่า.....สื่อก็กระไร.....เสนอสิ่งใดก็ไม่คำนึงถึงผลกระทบ....และไม่นึกถึงคนขาดสำนึกทางความคิดรวมถึงคนที่ไม่เข้าใจโยงใยที่ซ่อนเร้น.....และที่วันๆ รับสื่อเพื่อสะใจ และเพื่อมองลู่ทางตอบสนองความต้องการส่วนตัวเท่านั้น

  • กราบสวัสดีครับท่าน
  • ผมรู้สึกตะหงิดตะหงิดในใจ
  • แต่ไม่เป็นไรครับ  ถือซะว่าไม่เข้าใจกับสิ่งที่ได้ดูผ่านสื่อ 
  • ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง คำนี้เหล่าบรรดานักการเมืองชอบที่จะยกมาอ้าง
  • ด้วยตัวผมเองก็คลุกคลีอยู่กับนักการเมืองท้องถิ่นและนักการเมืองระดับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
  • ทำให้ความน้อยเนื้อต่ำใจเกิดขึ้นครับ และสรุปเอาเองว่า " ไม่มีใคร(นักการเมืองคนไหน)ที่จะทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง " 
  • รักประเทศไทยครับ  
  • กราบขอบพระคุณครับ 
ผมฟังแล้วเปลี่ยนช่องแทบไม่ทัน ฟังแล้วอึดอัดครับ แต่ก็ได้เรียนรู้ว่า พูดอะไรถ้าไม่คิดก่อนคนเขาก็ด่ากันทั้งเมืองละครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท