การเข้าไปอ่านทบทวนบันทึกเรื่องการใช้ KM เป็นเครื่องมือคุยกับลูก ทำให้ผมคิดขึ้นได้ว่า สามารถใช้ KM เป็นเครื่องมือจัดการเรียนการสอนวิชาจริยธรรม หรือจรรยาบรรณในวิชาชีพได้
เรื่องนี้จำได้ว่าสมัยผมเป็นคณบดีคณะแพทย์มีการเถียงกันมาก ว่าจริยธรรม/จรรยาบรรณสอนได้หรือไม่ หรือว่ามีทางเดียวคือทำให้ดูเป็นตัวอย่าง หรือ role model
มี อจ. จำนวนมากบอกว่าจริยธรรมเป็นเรื่องสอนในชั้นเรียนไม่ได้ สอนได้อย่างเดียวคือปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่าง
แต่ตำราของ WHO บอกชัดเจน ว่าสอนได้ จัดเรียนในห้องเรียนได้ โดยต้องใช้วิธีการหลายอย่าง อย่างหนึ่งคือนำ Case Studies มาเสนอและอภิปรายร่วมกัน
ถึงตอนนี้ผมนึกออกว่าอีกวิธีหนึ่งคือใช้ KM ทำ storytelling ให้ทั้ง นศ. และ อาจารย์ เล่าเรื่องที่แสดงตัวอย่างที่ดีของการปฏิบัติที่แสดงความมีจริยธรรม/จรรยาบรรณสูง และช่วยกันแสดงความเห็นว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีผลต่อตัวละครในเรื่อง ต่อวงการวิชาชีพ/องค์กา และสังคมวงกว้าง อย่างไร
อาจารย์ท่านใดมีประสบการณ์การสอนจริยธรรม/จรรยบรรณวิชาชีพ แบบนี้ โปรดนำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
วิจารณ์ พานิช
๔ กพ. ๔๙
จริงๆ แล้วไม่อยากแสดงความคิดเห็นเพราะเกรงในบารมีของอาจารย์วิจารณ์ แต่ปากผมก็อยู่ไม่ค่อยเป็นสุขนัก แต่นั่นแหละประโยชน์คือผมได้คิดเรื่องดีๆ จากเรื่องราวของอาจารย์
1. อ่านของอาจารย์แล้วต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้ผมคิดเรื่อง "การจัดการความรู้เพื่อสอนจริยธรรมของพระพุทธเจ้า" ได้
2. ทำให้ผมนึกถึงการสอบสวนความรู้ (ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการจัดการความรู้หรือไม่) เกี่ยวกับคุณค่าของจีวรที่ภิกษุใช้ สุดท้ายคือนำไปโบกเป็นฝาผนัง หรือ แม้แต่ การที่จูฬปันถก ได้รับผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งจะพระพุทธเจ้า นำมาลูบคลำ จนเกิดการเรียนรู้
3. การสอนจริยธรรม ผมคิดว่าน่าจะสอนกันได้ นอกจากการทำให้ดู การเล่าเรื่อง ยังมี การระดมความคิด การวิเคราะห์นิทาน กาตูนที่สร้างสรร การวิเคราะห์ภาพเชิงคุณค่า การดูละคร ฯลฯผมว่า น่าจะอยู่ที่ผู้สอนมากกว่าว่าจะสอนเรื่องอะไร มีวิธีการอย่างไร
ด้วยความเคารพยิ่ง
ได้อ่านเรื่องราวแล้วแสดงว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ใช่เรื่องแปลกในสังคม แม้จะเป็นคนสอนทางสิ่งแวดล้อมแต่จะมีเรื่องราว เรื่องของจริยธรรมสอดแทรกได้ทุกครั้งในการเรียนการสอน เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรียนอยู่ในวิชาจริยธรรม หรือจรรยาบรรณเท่านั้น
เพราะสิ่งแวดล้อมจะดีได้สังคมต้องดีก่อน สังคมจะดีได้คนต้องดีก่อน คนจะดีได้คนที่ทำหน้าที่สอนคนให้เป็นคนต้องดีก่อน
นักศึกษาที่ได้สอนมี 2 กลุ่มคือ 1)กลุ่มนักศึกษาที่เรียนวิชาเอกด้านสิ่งแวดล้อม 2)นักศึกษาที่เรียนในวิชาพื้นฐาน ลักษณะการสอนเรื่องจริยธรรมก็จะต่างกันตามลักษณะของนักศึกษาที่เรียน หากเรียนในวิชาเอกก็จะเน้นยำในเรื่องจริยธรรมของการเป็นนักสิ่งแวดล้อม หากเป็นนักศึกษาพื้นฐานก็จะเน้นจริยธรรม คุณธรรมในการอยู่ร่วมกันในสังคม สิ่งที่นำมาลองใช้ในการสอนเช่นการยกพุทธสุภาษิต หรือคำกลอนที่โดนใจมาแลกเปลี่ยนในห้องเรียน ซึ่งนักศึกษาก็จะให้ความสนใจไม่เท่ากันบางคนสนใจมาก บางคนไม่สนใจเลย ไม่เป็นไรอย่างน้อยยังมีคนให้ความสนใจ เพราะบัวมี 4 เหล่า จะทำรับเท่ากันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ต้องพยายาม