หลายท่านอ่านแล้วคิดในใจว่า ตัดคอไม่ต้องพึ่งทีมดมยาสลบหรอก...อีโต้อันเดียวก็คอขาดแล้ว....
ฉันมิได้หมายถึงคอคุณพ่อบ้านที่ชอบกลับดึกๆดื่นๆ หรือคอคุณแม่บ้านที่พูดทั้งวันไม่หยุด.... แต่ฉันหมายถึง กระดูกคอของผู้ป่วยที่เคลื่อนจากสาเหตุใดก็ตามที่เซ็ทมาทำผ่าตัดบริเวณคอด้านหลัง
เป็นความยากลำบากในการใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อควบคุมการวางยาสลบ เพราะขณะเปิดปากเพื่อสอดท่อช่วยหายใจต้องไม่ให้กระดูกคอเคลื่อน..... เราต้องใช้คนช่วยจับหน้าให้ตรง นิ่ง ไม่แหงนหน้าจนกระดูกคอเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทมากขึ้น คนสอดท่อช่วยหายใจต้องมืออาชีพ ..... มิใช่ผู้ฝึกหัดใหม่ๆ...ไม่งั้นป่วยเบาะๆ เบาๆ จะเป็นป่วยหนัก...ชาแขนขาน้อยอาจจะกลายเป็นชาทั้งตัวก็จะเดือดร้อนกันไปทั้งหมด หรืออาจจะพิจารณาใช้เทคนิคอื่นตามความเหมาะสม
ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักนอนเตียงที่เรียกว่า striker frame เรียกว่าพอหลับสลบก็สามารถจับพลิกเป็นคว่ำเหมือนปลาในตะแกรงที่ถูกพลิกไปมาแต่ตัวไม่ขยับเขยื้อน
ผู้ป่วยนอนคว่ำโดยมีผ้านุ่มรองรับแรงบริเวณหน้าผาก และคาง บริเวณตา จมูก และปากโล่ง อิสระ ไม่มีอะไรกดทับ ป้ายตาและปิดพลาสเตอร์ (ภาพนี้พลาสเตอร์ถูกลอกออกโดยบังเอิญขณะตรวจสอบการกดทับค่ะ)
อาจารย์วิสัญญีแพทย์เริ่มการดมยาสลบเสร็จก็เฝ้าผู้ป่วยไปด้วย...สอน นศพ.ไปด้วยค่ะ
การเฝ้าระวังของทีมดมยาสลบจะมีความระมัดระวังเป็นพิเศษในเรื่องของการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจ...โดย
· พลาสเตอร์ติดท่อช่วยหายใจเหนียวแน่น ไม่หลุดง่าย บางคราวใช้ ทิงเจอร์ เบนซอยด์ (Tr. Benzoid) ทารอบปาก พอหมาดๆก็ใช้เทปผ้าเหนียวติดทับ จะติดแน่นอยู่ได้นาน แต่ต้องระมัดระวังอาจแพ้ทิงเจอร์ เบนซอยด์ พองได้...
· หากไม่มีข้อห้ามก็สามารถให้ยาลดการหลั่งของน้ำลาย(atropine)ได้ตั้งแต่ก่อนคว่ำ... ก่อนพลิกคว่ำควรดูดเสมหะ น้ำมูกน้ำลายที่มีมากขึ้นจากการกระตุ้นตอนใส่ท่อช่วยหายใจออกให้เกลี้ยงเสียก่อน จะได้ไม่ไหลเลอะเทอะทำให้พลาสเตอร์ลอกหลุดได้ง่ายเช่นกัน....
........จากนั้นก็เริ่มกระบวนการผ่าตัด
การเฝ้าระวังและดูแลผู้ป่วยก็ใช้มาตรฐานทางวิชาชีพเช่นเดียวกันกับการผ่าตัดทั่วๆไปค่ะ...
· การใส่ใจกับการปรับขนาดและเติมยาอย่างเหมาะสม เมื่อการผ่าตัดยังดำเนินอยู่เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อไม่ทำให้ผู้ป่วยไอขณะผ่าตัดเพราะเส้นประสาทที่สำคัญอาจจะโดนเครื่องมือผ่าตัด เกิดภาวะแทรกซ้อนได้
· การประเมินการถอดท่อช่วยหายใจ ต้องพูดคุย สื่อสารกันในทีมให้มั่นใจว่าการถอดท่อออกไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย บางคราวจำเป็นต้องคาท่อช่วยหายใจไว้ก่อน บางรายตื่นจากการสลบดีแล้วก็สามารถถอดท่อได้เลย
.......ผู้ป่วยรายนี้เราเพิ่ม Esophageal stethoscope (เป็นอุปกรณ์ที่สอดผ่านปากเข้าไปตำแหน่งหลอดอาหาร) ใช้เฝ้าติดตามเสียงการหายใจและการเต้นของหัวใจไปพร้อมๆกันได้ตลอดการผ่าตัดค่ะ...เรียกว่าหากท่อช่วยหายใจหลุด หักพับ หรือหัวใจเต้นผิดปกติก็จะทราบได้ทันที....หากฟังอยู่ตลอดเวลา.......
ในสมัยใหม่ที่มีเครื่องวัดคลื่นระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในลมหายใจออกเป็นตัวช่วยดูการหายใจที่มีตลอดเวลาได้ บางท่านไม่เห็นความสำคัญของ esophageal stethoscope ...แต่โดยส่วนตัว ผู้เขียนยังชอบใช้เพราะสามารถได้ยินเสียงเสมหะในหลอดลมและบอกปริมาณลมที่เข้าได้ดี
เห็นแบบนี้แล้วก็ไม่น่ากลัวอันตรายจากการดมยาสลบท่าคว่ำอย่างที่คิดค่ะ
ทีมดมยาสลบ....น้อง(สวย)สุดใจ...ดูมีความสุขมากๆในการทำงานค่ะ
....ดูทีมแพทย์ผ่าตัดซีคะ น่ารักจะตายไป.....
(ขอขอบคุณ : http://jakewalksagain.com/stories.html ที่มีภาพตัวอย่างเตียงให้ดูค่ะ)
สวัสดีครับคุณติ๋ว
มาเก็บเกี่ยวความรู้ครับ ตอนเป็นเด็กเมื่อผู้ใหญ่ถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ก็บอกว่าอยากเป็นนายแพะ เพราะตอนเด็กขี้โรคไปหาหมอโดนจับฉีดยาบ่อย เลยอยากเป็นนายแพะจะได้ฉีดยาคนอื่น อิอิ
สวัสดีค่ะ ท่านบัณฑูร
สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้เข้ามาคุนด้วยอีกนะคะ ขอบคุณสำหรับความรู้ทาง ออนไลน์
สวัสดีค่ะ คุณหนึ่ง