หลายคนคงจะเคยได้ยินเพลง Amazing Grace
กันมาบ้างเวลาได้ชมภาพยนตร์ต่างประเทศ
และวงออเคสตร้าก็นิยมนำเพลงนี้มาเล่น
ยิ่งถ้าเป็นเสียงบรรเลงด้วยปี่สก็อตแล้วล่ะก็
ความรู้สึกจะยิ่งเกินบรรยาย
แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักคนที่แต่งเพลงนี้
วันนี้ก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟังตามเคย เพลง "Amazing Grace"
แต่งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1748 กลางมหาสมุทรโดย "จอห์น นิวตัน" ชาวอังกฤษ
ซึ่งเป็นผู้คุมบนเรือค้าทาส
ที่บรรทุกทาสจากอาฟริกาไปยังประเทศอเมริกา
คืนนั้นเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ทะเลปั่นป่วน
นิวตันอ่านหนังสือเรื่อง The Imitation of Christ เขียนโดย โธมัส เอ
เคมพิส นิวตันสะดุดวลีหนึ่งเกี่ยวกับ
"ความไม่แน่นอนในชีวิตที่ดำเนินอยู่"
และข้อพระธรรมสุภาษิตที่ว่า "เพราะเราได้เรียกแล้ว และเจ้าปฎิเสธ...
ฝ่ายเราจะหัวเราะเย้ยความหายนะของเจ้า ...."
ถ้อยคำในหนังสือเล่มนี้ทำให้นิวตันกลับใจ และเขียนเพลงนี้ขึ้น
ซึ่งมีความหมายลึกล้ำ โดยเชื่อกันว่าได้ทำนองเดิม
มาจากเพลงสก็อตหรือไม่ก็ไอริช
เนื้อหาของเพลงนี้เขียนขึ้นมาจากชีวิตของนิวตันเอง
และบางส่วนมาจากพระคัมภีร์ (เพลงสดุดีพระเจ้า
ที่เขียนขึ้นโดยกษัตริย์ดาวิด ในพระธรรม 1 พงศาวดาร บทที่ 16-17)
เพลงที่แต่งขึ้นกลางทะเลลึกนี้
ต่อมาก็กระหึ่มดังก้องโลก และนิวตันก็เลิกจากการค้าทาส
หันมาทำงานรับใช้ศาสนาแทน
ทิ้งท้องทะเลและชีวิตเก่าไว้เบื้องหลัง...
เนื้อเพลงที่ร้องกันในสมัยนี้เปลี่ยนไปเล็กน้อยนิยมร้องกันแค่ 5 ท่อน
และปรับภาษาให้ทันสมัยขึ้น
เนื่องจากภาษาเดิมเป็นภาษาโบราณ แต่ไหนๆ
ก็เขียนถึงที่มาแล้วก็ขอเอาเวอร์ชั่นภาษาดั้งเดิมมาให้ชมก็แล้วกัน
Amazing grace, how sweet the
sound
That sav’d a wretch like me!
I once was lost, but now am found,
Was blind, but now I see.
’Twas grace that taught my heart to fear,
And grace my fears relieved;
How precious did that grace appear,
The hour I first believed!
Thro’ many dangers, toils and snares,
I have already come;
’Tis grace has brought me safe thus far,
And grace will lead me home.
The Lord has promis’d good to me,
His word my hope secures;
He will my shield and portion be,
As long as life endures.
Yes, when this flesh and heart shall fail,
And mortal life shall cease;
I shall possess, within the veil,
A life of joy and peace.
The earth shall soon dissolve like snow,
The sun forbear to shine;
But God, who call’d me here below,
Will be forever mine.
เพลงนี้ยังปลอบประโลมใจใครหลายๆ คนในยามโศกเศร้า ท้อแท้และสิ้นหวัง
ดังเหตุการณ์นึง เมื่อปี
1998
นอกชายฝั่งเมืองโนว่า สโคเทีย ประเทศแคนาดา
เกิดอุบัติเหตุสายการบินสวิสแอร์ตกลงในมหาสมุทรแอตแลนติก
ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือ 229 คน
เสียชีวิตหมดทั้งลำ ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวที่สูญเสีย
พ่อแม่ ญาติพี่น้อง คนรัก มิตรสหาย บรรดาสมาชิกของครอบครัวที่สูญเสีย
ยืนรวมกันที่หมู่บ้านเล็กๆ
ชื่อ Peggy's Cove
สายตาของพวกเขามองข้ามโขดหินไปยังมหาสมุทรเบื้องหน้า
ที่ที่บรรดาคนรักของพวกเขาได้จากไป ท่ามกลางความเศร้านั้น
พวกเขาพร้อมใจกันร้องเพลง Amazing Grace
เสียงเพลงดังไปทั่วชายฝั่งแห่งนั้น
ยามชายฝั่งรวมทั้งหน่วยกู้ภัยหยุดทำงาน
ยืนสงบนิ่งจนกระทั่งเพลงนี้ร้องจบลง
ถ้าจอห์น นิวตัน ยังอยู่
เขาคงมาร่วมร้องเพลงนี้ด้วย
ข้อมูลจาก: สิบอันดับเพลงนมัสการยอดเยี่ยม
MV
เพลงนี้อภินันทนาการจากอ.มนูญ
สามารถดูเนื้อแล้วร้องตามได้เลยค่ะ
ได้ความรู้เกี่ยวกับเพลงนี้จากคุณ Jass
เพลงเพราะมาก ตอนนี้กำลังใช้ชีวิตอยู่เมืองเว้ เวียตนาม
(ยังไม่จบครับมือไปโดน Enter ก่อน) ....ได้ความรู้แล้วก็เลยตามไปหา วิดีโอจาก youtube ได้ดูและได้ฟัง มันทั้งเศร้า ทั้งเหงา กินใจได้ลึกซึ้งจริงๆ ขอบคุณมากครับที่ช่วยนำเสนอ
วิดีโอ 2 ลิ้งค์นี้ครับที่ผมไปเจอ เลยเอามาฝากเพิ่มเติม......
http://www.youtube.com/v/PHpye0M34JQ
http://www.youtube.com/v/V84STSWVp3g
ผมตามงานเขียนของคุณ Jass มาตลอด ตั้งแต่ butterfly lover ...เพลงนี้ผมฟังมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ไม่รู้เนื้อหาเบื้องหลังมันคืออะไร เข้าใจที่มาของเพลงก็เพราะคุณ Jass ...นับถือ นับถือ นับถือ
ยินดีมากครับที่ได้เเป็นส่วนหนึ่งของ blog อันงดงามงดงามนี้
สวัสดีค่ะ
เพลงเพราะมากๆค่ะ ฟังไม่รู้กี่ร้อยเที่ยวแล้ว ก้ยังเพราะเหมือนเดิม อมตะจริงๆค่ะ
เห็นว่า ที่เจ็บหลัง ดีขึ้น ใช่ไหมคะ ดีใจด้วย นั่งมากไปหรือเปล่าคะ
จะไปเที่ยว สามชุก นี่ จ.ว.สุพรรณ พี่เคยไป สุดท้ายนี่ 2 ปีแล้ว ที่สุพรรณ ไม่ทราบน้ำท่วมหรือเปล่าคะ กลับมาเล่าให้ฟังนะคะ
ผมชื่อวินครับ
เป็นคริสเตียนครับ
อยู่ที่เชียงใหม่
ผมอยากรู้จักพี่ๆและทุกๆคนจังเลยครับทำไงดีครับ
น้องซูซานน่ะ ไปเที่ยวสามชุกมาเหรอค่ะ แอบไปไม่บอกเจ้าบ้านเลยคะ สนุกมั๊ยค่ะตลาด 100 ปี ได้ชิมข้าวห่อใบบัวหรือเปล่า อร่อยนะค่ะพี่ว่าคล้าย ๆ บะจ่างมั๊ย
เขียนยังไม่จบคะ กดผิดแป้นอ. มนูญ ไชยสมบูรณ์ ชวนมาฟังเพลงด้วยคะ
เพลงนี้เพราะมากและความหมายก็ดีจริงๆ คนเขียนก็เขียนได้ดีมากๆ อ่านแล้วไม่รู้จะคอมเมนท์อะไรเลยค่ะ (อิน ในอารมณ์เพลงด้วย)
ผมได้ยินเพลงนี้มาตั้งเเต่เด็กๆ เนื่องจากเรียนโรงเรียนคริสต์มาตั้งเเต่เด็กๆ ได้เเต่มองเเละสงสัยพร้อมกลับฟังเพลงอันเเสนไพเราะนี้ครั้งเเล้วครั้งเล่า บางครั้งถึงกับฮัมทำนองเพลงนี้เเม้จะไม่รุ้เนื้อร้องเเละความหมาย ก็ยังพยายามจะร้อง ในตอนนั้นผมยังเด็กมากได้เเต่สงสัย ทำไมพวกเขาที่อยู่ในโบสถ์ถึงร้องเพลงนี้ ทำไมคนเราต้องไหว้พระ ทำไมผู้หญิงเหล่านั้นถึงต้องโพกผมดำ ด้วยความไม่รุ้เดียงสาจึงได้เเต่สงสัยในเรื่องศาสนา เเม้จะถามคนโน้นคนนี้เเต่ก็ไม่อาจหาคำตอบที่ชัดเจนได้
ผมเองเกิดในครอบครัวชาวพุทธ เเละด้วยความเชื่อพื้นฐานจากครอบครัว เเม้จะได้พบกับหลายๆคน ที่พูดถึงพระเจ้าผมเองก็ได้เพียงเเต่รับฟัง แม้บางครั้งในใจจะสงสัยอยากรุ้อยากลองรับเชื่อ เเต่ด้วยเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ซึ่งประเพณีชาวพุทธลูกชายต้องบวชทดเเทนพระคุณให้พ่อเเม่ นั่นทำให้ผมเองเเม้จะสงสัยใคร่รู้จึกได้เเต่ตอบตัวเองไป " สักวันเราต้องบวชเป็นพระ เเล้วเราจะรับเชื่อเข้าสู่ศาสนาอื่นได้อย่างไร หน้าที่ของเราในการบวชยังไม่เสร็จสิ้น หากเราไม่ได้บวชให้พ่อเเม่ พวกท่านคงผิดหวังมากเนื่องจากประเพณีชาวพุทธ พ่อเเม่ล้วนเเต่อยากเห็นลูกชายบวชกันทุกบ้าน ทุกครอบครัว ผมจึงได้เเต่ตอบปฏิเสธตัวเอง เเละพวกเขาไป"
จนกระทั่งผมโตขึ้นเเละอายุที่สมควรบวช ผมจึงได้บวชเป็นพระประมาณ20วัน นำความปลาบปลื้มมาสู่ครอบครัวมาก ผมเองก็ได้รุ้สึกว่าหน้าที่ในส่วนนี้จบสิ้นลงเเล้วเช่นกัน ผมเองทำบาปทำกรรมมาทั้งชีวิต ทำให้พ่อเเม่เสียใจมามากต่อมาก เรียนมหาวิทยาลัย 3รอบ เรียนไงก็ไม่จบมันต้องมีเหตุให้เรียนไม่จบอยู่ร่ำไป ผมมาถึงวันนี้ยังไม่ท้อถอยยังพยายามเรียนต่อไป ถึงเเม้จะรุ้ว่าตัวเองอายุมากเเล้ว จะล้มเหลวจะพ่ายเเพ้กี่ครั้ง มันคงมีสักครั้งที่เป็นวันของผม ได้เเต่มองพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ รับปริญญา ไปงานพวกเขา เเต่ยังไม่ถึงวันของเรา ทุกวันนี้ผมเองรับแปลงาน แปลงานทำให้พวกเขาจบไปคนเเล้วคนเล่า ยังนึกถามตัวเองว่า เมื่อเราจะจบจะมีคนมาช่วยเราทำงานให้เราจบใหม นึกไปก็ท้อ เเต่มันเป็นชะตากรรม ที่ผมเริ่มมันเองทั้งสิ้น เกเรียนบ้าง หนีเที่ยวบ้าง ไม่ตั้งใจเรียนบ้าง วนเวียนเรียนเเล้วเรียนอีก จนกระทั่งได้ไปบวช ผมได้เเต่หวังว่าหลังจากบวชผมเองจะได้พบกับสิ่งดีๆในชีวิตบ้าง
เเต่เหมือนฝันร้ายยังไม่จบไม่สิ้น หลังจากผมสึกออกมา ชีวิตในช่วงนี้มีเเต่เรื่องเเย่ๆ ปู่เสีย น้องที่เคยเรียนมาด้วยกันจาก มหาลัยเก่ามาเสียไปอีกคน ผมเองก็ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ไปสอบไม่ได้ เเละเรื่องเเย่อื่นๆอีกมากมาย ผมก็ได้เเต่คิดว่า คงถึงคราวเคราะห์ของผมเองที่ชีวิตมาเป็นเเบบนี้
นึกอยากฟังเพลงนี้มานาน ไม่รุ้จะหันไปหาใครเลยกด searhจาก google เอาเลยหงเข้ามาในกระทู้นี้ ผมเองก็ไม่รุ้ว่าต่อไปชีวิตผมจะเป็นอย่างไร จะเเย่ลงกว่านี้ หรือจะดีขึ้นใหม ศาสนาพุทธที่ผมนับถืออยู่นี้ ผมก็ไม่รุ้เหมือนกันว่าจะได้นับถือไปตลอด รึจะได้เปลี่ยนเป็นศาสนาอื่นหรือไม่ เเต่ที่เเน่ๆคือ เพลงamazing grace จะบรรเลงในใจผมตลอดไป เเม้จะไม่ได้รับเชื่อในศาสนาคริสต์ ผมก็ยังภูมิใจที่ได้มีดอกาศ เเละรับฟังเพลงนี้
ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่าน คนบาปผู้หลงทางเข้ามาเขียนเสียยืดยาว
ขอความโชคดีมีชัยจงประสพเเด่ทุกท่าน
ขอขอบคุณ คุณ frost
สวัสดีจ้ะ ซูซาน(แม่น้องเล็ก แก้มยุ้ย)
เพราะๆๆๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆๆ>_<เศร้าT_Tเเต่เพราะอ่านข้อความเเล้วซึ้งมั้ฏกกก
เพลงเพราะดีอ่า- -ฟังได้ทุกวานม่าเบื่อ^^ชอบม๊ากกในเรื่องโคนันก็มี“โอเบล่า”*-*
5 5 5+: ขอบคุณที่เข้ามาฟัง
คุณ Sila Phu-Chava: เพลงนี้ความหมายดี และถ้าเข้าใจถึงเนื้อเพลงจะยิ่งซาบซึ้งขึ้นค่ะ
คุณคนที่ชอบเพลงนี้: ขอบคุณที่เข้ามาฟัง แต่ไม่ค่อยเข้าใจภาษาไทยแบบนี้ การใช้ภาษาบอกได้ถึงหลายอย่าง ทั้งรากเหง้า วัฒนธรรม การศึกษา สภาพครอบครัว พื้นเพชาติตระกูล นิสัยใจคอ ความคิดและสติปัญญาของเรา ช่วยกันใช้ให้ดีจะมีแต่คนสรรเสริญค่ะ
มาฟังอีกครั้งนึง- -ฟังทุกวันแหละเดี๋ยวจะมาเม้นมาให้ทุกวัน- -$_$
อยากรูความหมายอ่ะมีเรื่องอยากขอร้องอ่ะช่วยหาความหมายให้หน่อยได้ไหมนิ
•เเต่ถ้าไม่ได้มิเปงไรนะ***
•เเต่ถ้าได้จะดีมากกก***
***=เน้นความหมาย
เม้นท์ไม่ได้แล้วล่ะเพราะปิดไม่ให้เขียน รำคาญเด็กที่ไม่ค่อยมีมารยาท ไม่ใช่เพื่อน เวลาจะถามอะไรใครควรมีมารยาทกว่านี้หน่อย ที่บ้านเคยสอนไหม หัดซะนะ แล้วจะดีเอง
ดีมาก ๆ เลยฮัฟ