หลังจากที่วุ่นวายอยู่กับภารกิจที่มากมายก่ายกองอยู่แรมเดือน และจากเสียงเรียกร้องของน้อง ๆ ชาวพิปูนสังฆรักษ์ฯ ผ่านมาทางน้องเด่น บุตรชายสุดที่รักของ อ.จรุณี ผู้เริ่มงานนี้ร่วมกับเพื่อน ๆ อีกหลายคน และผู้บริหารของโรงเรียนนี้ ก็ทำงานผู้เขียนต้องกลับมาเขียนบันทึกฉบับนี้ให้แล้วเสร็จ
ต้องขออภัยกับพี่ ๆ น้อง ๆ หลาย ๆ คน ที่ปล่อยให้รอคอยอยู่นาน อันเนื่องมาจากการบริหารเวลาที่ไม่ค่อยแม่นยำของผู้เขียนเอง แต่ก็ดีอยู่หน่อยตรงที่ตอนไปคุยกับน้อง ๆ และอาจารย์จรุณี ได้ทำการจดบันทึกลงในสมุดไว้แล้ว...คราวนี้ เรามาคุยกันต่อถึงเรื่องราวของวิธีการปรับเปลี่ยนวิกฤต เป็นโอกาสให้กับน้อง ๆ กันต่อนะคะ
อ.จรุณี เล่าให้ฟังว่า โครงการนี้ชื่อ "โครงการพัฒนาการเรียนภาษาเพื่อการสื่อสารโดยครูเจ้าของภาษา" เป็นโครงการที่กำหนดให้มีขึ้นเพื่อสอนภาษาอังกฤษให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-5-6 อ.จรุณี บอกว่า เรามีวิธีการคัดเลือกง่าย ๆ โดยคัดเลือกจากนักเรียนที่สมัครใจ เพื่อเข้าร่วมเป็น Junior Guide ตามกำหนดในโครงการ ซึ่งปัจจุบัน มี 2 รุ่นแล้ว รุ่นที่ 1 จำนวน 23 คน และรุ่นที่ 2 อีกจำนวน 23 คน และหนึ่งในสองรุ่นนี่แหละคะที่ได้รับโควต้าเข้าศึกษาคณะศิลปศาสตร์ วิชาเอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ซึ่งก็คือน้องเนตรศจี ปรีชา (นามสกุลคุ้น ๆ แต่ผู้เขียนขอบอกเลยว่างานนี้ไม่มีเอี่ยวเรื่องเส้นสาย เป็นไปเพราะความสามารถของน้องเค้าล้วน ๆ นะจ้า)
การจัดการเรียนการสอนตามโครงการดังกล่าว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ปกครองและผู้ร่วมโครงการ จนสามารถจัดหาครูผู้สอนซึ่งเป็นเจ้าของภาษา ซึ่งมาจากประเทศแคนาดามาทำการสอนให้กับนักเรียนในโครงการดังกล่าวอาทิตย์ละ 2 วัน ในเวลาพักกลางวัน ในปัจจุบันมีครูสอนภาษาอังกฤษ 4 คน และเป็นครูเจ้าของภาษาอีก 1 คน (น่าทึ่ง สำหรับการขวนขวายของครู ที่มุ่งจะให้ศิษย์เท่าเทียมในโอกาสแห่งการเรียนรู้เมื่อเทียบกับโรงเรียนที่พร้อมในเรื่องนี้ นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ผู้เขียนไม่ได้สัมผัสแห่งจิตวิญญาณของความเป็นครู นับตั้งแต่อาจารย์อำภา ซึ่งเป็นอาจารย์ของผู้เขียนจากโลกใบนี้ไปแล้ว)
อ.จรุณี เล่าว่า นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ นอกจากจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้การใช้ภาษาอังกฤษแล้ว น้อง ๆ ยังได้ฝึกการใช้ การอยู่ และการกิน ของวัฒนธรรมตะวันตกด้วย ที่สำคัญอาจารย์ที่สอนซึ่งเป็นเจ้าของภาษาตรงต่อเวลามาก และเอาใจใส่นักเรียนมาก หากนักเรียนไม่เข้าชั้นเรียน อาจารย์ที่สอนก็จะไปตามตัวจนเจอ แล้วก็พามาฝึกฝน มีให้เห็นอยู่เนือง ๆ (อ.จรุณี เล่าให้ฟังน้ำเสียงแกมเอ็นดูในความเอาใจใส่ของผู้สอน และเอ็นดูในความเยาว์วัยของนักเรียนของตน)
คราวนี้ ผู้เขียนก็ขอโอกาสคุยกับน้อง ๆ สองคนที่มาทำหน้าที่ Junior guide แนะนำโรงเรียนในวันนี้บ้างค่ะ บทสนทนาระหว่างน้อง ๆ ทั้งสอง กับผู้เขียนในวันนั้น ผู้เขียนเลือกใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนากับน้อง ๆ โดยน้อง ๆ ก็ให้การตอบรับที่จะพูดคุยด้วยดี และจากการสนทนาในครั้งนั้น เริ่มแรกสอบถามทั้งสองคนเกี่ยวกับประวัติทั่วไป
น้องกิ๊ฟ หรือนางสาวเนตรศจี ปรีชา เป็นชาวพิปูนตั้งแต่กำเนิดนะค่ะ น้องกิ๊ฟมีน้องสาวอีก 1 คน น้องกิ๊ฟ เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ที่โรงเรียนปากระแนะ อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช และศึกษาต่อมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ที่โรงเรียนพิปูนสังฆรักษ์ประชาอุทิศ ตลอดมา สำหรับวิชาที่ชื่นชอบ คือภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ (แหะๆๆ จะไม่ให้น้องเค้าชอบภาษาอังกฤษได้ไงล่ะคะ ก็เห็น ๆ กัน ถ้าไม่ชอบจะมาสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ได้อย่างไรกัน เนอะ ๆ )
น้องหญิง (แหะๆๆ ชื่อเหมื๊อนเหมือน) หรือนางสาวเจษฎี หนูเพชร เป็นชาวสงขลา (อุ้ย นี่ก็เหมือน) น้องหญิงเป็นลูกโทนนะคะ ศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 1-6 ที่โรงเรียนวัดหน้าเขา อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช และศึกษาต่อมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ที่โรงเรียนพิปูนสังฆรักษ์ประชาอุทิศ
ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จาก อ.จรุณี มาก็เยอะ ก็เลยเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามน้อง ๆ ทั้งสองคนอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร
น้องกิ๊ฟกับน้องหญิงเล่าให้ฟังว่า ทั้งสองคนสนใจโครงการ Junior Guide มาก เพราะได้เรียนกับอาจารย์เจ้าของภาษา ซึ่งเป็นอาจารย์มาจากแคนาดา สำเนียงฟังง่าย สอนการโต้ตอบแบบง่าย ด้วยสำเนียงที่ถูกต้อง ประกอบกับมีความชอบในภาษาอยู่เป็นทุน จึงเรียนได้ง่ายยิ่งขึ้น
สอบถามแนวทางการคัดเลือกว่าคัดเลือกอย่างไร อ.จรุณี จึงเล่าให้ฟังว่า คัดเลือกจากนักเรียนที่มีความสนใจ และเรียนกับ อ.Thomas อยู่แล้ว เมื่อนักเรียนมาสมัครเข้าร่วมโครงการ จะคัดเลือกอีกครั้ง โดยจะคัดเฉพาะนักเรียนที่ให้ความสนใจและตั้งใจจริงที่จะเรียนภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ เมื่อนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษไปแล้ว อาจารย์ก็จะเสาะหาโอกาส ช่องทาง ให้นักเรียนได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ ๆ เสมอ ๆ โดยล่าสุด น้อง ๆ มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม Spelling Bee ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
กิจกรรม Spelling Bee ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประสบการณ์กับน้อง ๆ ทั้งสองมากทีเดียว จะเห็นได้จากน้อง ๆ บอกว่า เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมภาษาอังกฤษ อีกทั้งยังได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษแนวใหม่ ๆ มีโอกาสได้พบและมีเพื่อนใหม่จากต่างท้องที่ ที่สำคัญ น้อง ๆ ทั้งสองคนบอกว่า นอกจากเรียนในตำราแล้ว ยังต้องนำไปใช้ในชีวิตประจำวันให้ได้ด้วย เพื่อจะได้เป็นการทบทวนการเรียนไปในคราวเดียวกัน
ก่อนที่จะขอตัวจากทุก ๆ คนกลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง ก็นั่งคุยกับน้อง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากการได้พูดคุยกับทั้งน้อง ๆ และอาจารย์ในวันนั้น สรุปได้ว่า...ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นเริ่มต้นฝัน เริ่มต้นคิด ก็ถือได้ว่าเริ่มต้น เมื่อมีจุดเริ่มต้น ก็มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน จากนั้นจึงเริ่มค้นหาวิธีการเพื่อให้จุดเริ่มต้น ได้ดำเนินการ เพื่อให้ถึงจุดมุ่งหมายที่วางไว้
ร.ร.พิปูนสังฆรักษ์ประชาอุทิศ มีแนวคิดจะให้นักเรียนของตน ได้มีโอกาสเรียนรู้ภาษากับเจ้าของภาษา ถึงแม้ว่าโรงเรียนนี้จะไม่มีทรัพยากรด้านนี้อยู่ แต่ก็หาวิธีการ แนวทาง และรวมพลังจากผู้บริหาร ครู และผู้ปกครอง เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์คือให้ลูกหลานของพวกเขา ชาวพิปูน ได้มีโอกาสเรียนรู้เท่าเทียมกันลูก ๆ หลาน ๆ ของที่อื่น น่าปลื้มใจแทนคนเหล่านี้เหลือเกิน... ผู้เขียนสังเกตเห็นน้อง ๆ ทั้งสองคนมีความสุขกับการเรียนรู้ สนุกกับสิ่งที่ได้ทำ และกล้าทำในสิ่งที่สวยงาม... นี่ล่ะ อนาคตของชาติ.. เค้าควรจะได้รับ และเป็นในสิ่งที่พวกเรา ผู้ใหญ่ ควรได้มองเห็นถึงความจำเป็นแก่พวกเขา... สู้ต่อไปนะค่ะ แล้วผู้เขียนจะหาโอกาส ไปเก็บบรรยากาศ ความทรงจำ และอะไรดี ๆ จากคุณอีกครั้ง...
โอกาสนี้ ขอบคุณ อ.จรุณี และทีมงาน (คนกล้าแหวกแนวคิดและปัญหา) น้องกิ๊ฟ และน้องหญิง (คนเก่งในใจของผู้เขียน) ที่ให้โอกาสได้นำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ แบ่งปันกับคนอื่น ๆ ที่สำคัญ... น้อง ๆ รุ่นที่ 2 อย่าลืมเจริญรอยตามรุ่นพี่ ๆ ด้วยนะจ้า...แล้วเมื่อไหร่พร้อม อย่าลืมเชิญพี่ไปเยี่ยมโรงเรียนอีกนะจ้ะ ที่สำคัญ อย่าลืมทักด้วยภาษาอังกฤษนะ...แหะๆๆ ไม่งั้นไม่พูดด้วยเจง ๆ นะ
ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์ ที่มีเรื่องดีๆมาเล่าให่อ่าน
จะติดตามอ่านอีกนะคะ
แน่นอนค่ะพี่หญิง....ขอบคุณอีกครั้งค่ะ...แวะไปเที่ยวอ่างเก็บน้ำที่พิปูน...ปลาทับทิมจากอ่างทอดกระเทียม..เมี่ยงปลาช่อน ...อร่อยค่ะที่พี่หลวงรีสอร์ท
สวัสดีค่ะ สบายดีหรือ พักนี้หายไปนะงานยุ่งหรือเปล่า คิดถึงจ้า
ช่วงนี้วุ่น ๆ เรื่องเคลียร์งานค่ะ อาจารย์ เลยไม่ได้เป็นอันโผล่หน้าให้ประชาชีเห็นบ่อยนัก มิถุนานี้ ก็จะไปเรียนแล้วล่ะค่ะ ส่งแรงใจ เป็นกำลังให้หน่อยนะค่ะ อีกไม่กี่จะได้เป็นมหาบัณฑิตแล้วล่ะค่ะ โชคดีหน่อยอาจจะได้ทุนไปต่อดุษฎี กะเค้า ก็ต้องอาศัยแรงใจจากพวกเราทุกคนเหมือนเดิม แต่ยังไงก็ยืนยันว่า ... ไม่ทิ้งกันค่ะ (สำหรับคนที่ไม่ทิ้งเรานะ ^_^)
จะเก็บดอกไม้ แทนกำลังใจ เพื่อไปตามเส้นทางฝัน คว้าความสำเร็จมาฝากพวกเราทุกคนนะค่ะ ... อ.ประจักษ์ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
sure ! จบไวๆนะ ขอเป็นอีกแรงที่ช่วยเป็นกำลังใจ....ไม่ได้เข้ามาทักเพราะยุ่งเหมือนกันจ้า
คิดถึงน้อง ๆ และอาจารย?ทุกท่านคะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์จรุณี สบายดีมั๊ยคะ แต่หวังว่าอาจารย์สบายดีนะคะ ระลึกถึงอาจารย์เสมอ ศิษย์เก่าลูกเสือผู้นำ
สวัสดีครับ....ทุกคน
ขอส่งกำลังใจไปให้นะครับตั้งใจทำอุดมการณ์ที่ทำไว้ให้ดีนะครับ สู้สู้
พี่เข้ ลาสิกขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนบวชก็ทราบข่าวมาเหมือนกัน และเมื่อไหร่จะมีข่าวดี
ลาสิก27เม.ย ครับ ยังครับก็เก็บเงินก่อนครับ มีเมลป่าว [email protected] ถ้าได้รับข้อความแล้วกรุณาตอบกลับด้วยครับ
ดีคับอาจารย์จรุณี ผมได้อ่านบทความแล้ว ผมภูมิใจในสถาบันมากเลยคับ ภาษาอังกฤษที่อาจารย์สอนผมมามีประโยชน์ต่อผมมากเลยคับ ตอนนี้ผมเรียนอยู่ที่ มอ หาดใหญ่ มีเพื่อนฝรั่งเยอะมากคับสาเหตุที่ผมมีเพื่อนฝรั่งเยอะก็เพราะสิ่งที่อาจารย์สอนผมมานี่แหละคับ คือความกล้าแสดงออกและกล้าคิด ขอขอบคุณอาจารย์มากน่ะคับ รักและเคารพอาจารย์จรุณีเสมอคับ ว่างๆๆๆผมจะกลับไปเยี่ยมที่โรงเรียนน่ะคับ
ศิษย์เก่า พสป คับ
ดีค่ะอาจารย์จรุณี สบายดีมั๊ยคะ แต่หวังว่าอาจารย์สบายดีนะคะ ดูแลสุขภาพบ้างน่ะค่ะ
ลูกแม่601'52(รักแม่แจ๋วค่ะ)
สวัสดี ค่ะ อ.จารุณี หนูจบ พสป. มานานมากแล้วค่ะ แต่ไม่เคยลืมที่นี่เลย ตอนนี้ทำงานกับชาว ต่างชาติค่ะ ทำมา 15ปีแล้วค่ะ หนูต้องขอบพระคุณ อาจารย์ มากค่ะที่ปูพื้นฐานให้ดีมาก ( ทั้งๆที่ตอนนั้นเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร่ แหะๆ ) แต่ตอนนี้หนูยังนึกภาพที่อาจารย์ สอนในห้องได้เลยนะค๊ะ .... อยากให้เด็กรุ่นต่อไปตั้งใจเรียนในห้องเรียนให้มากๆ ฝึกพูดบ่อยๆ อย่ากลัวที่จะพูดผิด หนูยังเสียดายที่ตอนนั้นสงสัยอะไร แต่ไม่กล้าถาม .... ยังระลึกคิดถึงอาจารย์ทุกท่านเสมอค่ะ
ศิษย์ค่อนข้างเก่า พสป. ค่ะ ( จบ2534)
ห้อง4/1เด็กอุดรเด้อ