อันโลกธรรม นั้นหนอ สอพลอจิต
ให้เฝ้าคิด ฟุ้งเลิศ ละเมอสาน
เร่งสานต่อ ทอจิต มาช้านาน
ในทุกกาล ทุกเวลา พาจิตไป
ทั้งคำติ แลคำชม พลันโศรกทุกข์
สุขกระจุก ทุกข์กระจาย หาขวางกั้น
มียศเสื่อม มีลาภเสื่อม เลือนไปพลัน
จิตโศรกสันต์ อาดูร คูณโรคภัย
โลกธรรม เฝ้าเผา ผลาญจิตนี้
ในชีวี ทุกนาที หาสูญไม่
เพียรเร่งพิจ ให้เห็นชัด ด้วยรัตนตรัย
แก้วดวงใส สามประการ สว่างพลัน
ดุจพลิกของ ที่คว่ำนั้น ให้หงายได้
โลกธรรมคล้าย ฝาบาตร อันคว่ำนั้น
ยิ่งตักเติม ทำความเพียร ยิ่งเหนื่อยพลัน
ของคว่ำนั้น มิเก็บอยู่ แม้กลิ่นไอ
ยิ่งเร่งเติม ยิ่งเร่งใส่ ยิ่งหายยิ่ง
หมุนวนกลิ้ง ตกผาบาตร ตกเหวนั่น
ถ้าหมุนเปลี่ยน พลิกหงายขึ้น เกิดคุณพลัน
อันคุณนั้น เกิดประโยชน์ ไร้โรคภัย
โลกธรรม สมสู่ ในดวงจิต
เพียรเร่งพลิก เร่งแก้ไข ในจิตนั่น
อันลาภยศ สรรเสริญ นินทากัน
ทุกข์สุขนั้น ไม่จีรัง แลยั่งยืน
รัตนตรัย คือที่พึ่ง แห่งจิตแท้
เป็นทางแก้ โลกธรรม ฝังจิตนั้น
เฝ้าเร่งฟัง เพียรเร่งคิด ภาวนาพลัน
เป็นเครื่องกั้น กรองจิต เร้งทุกข์ภัย
เดินเข้าสู่ ประภัสสร แห่งจิตนี้
สร้างใจดี ใจสบาย คลายกรรมนั่น
หายใจเข้า หายใจออก ล้างจิตทัน
มินานนั้น จิตรประภัสสร เหมือนดังเดิม....
ไม่มีความเห็น