จากการประสานงาน เพื่อนำสะระต่างๆ มาแบ่งปันแลกเปลี่ยน เรียนรู้ผ้านระบบอันทันสมัย แต่เป็นเรื่องเก่าๆ มาเล่า เพราะเป็นเรื่องของดิน ซึ่งผมได้ประสานงานได้ประสานกับจ่าเอกสมบัติ วิสูตรพันธ์ ประธานกลุ่มผลิตอาหารดินอัดเม็ด ต. หนองแซง อ.หันคา จ.ชัยนาท ได้รับฟังคำพูดที่ได้สะท้อนความรู้สึกจากจิตใจของผู้ที่ผ่านการรับราชการทหารเรือ และผู้เป็นนักดนตรีประจำวงโยธวาทิต ของทหารเรือ แต่ลาออกมาคลุกฝุ่นและดินโคลนเฉกเช่นเกษตรกรของไทยทั่วไป และเคยสอบถามว่าจะสมัครเล่นการเมืองไหม ก็ได้รับคำตอบทันทีว่า "ในสายตาของสมาชิกกลุ่มเกษตรกรเขามองว่าผมเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ให้ความรู้ความเข้าใจกับเขา ผมจึงไม่อยากให้เขามองไปอย่างอื่นขอมีความสุขเฉกเช่นนี้เพื่อเป็นมิตรกับทุกๆ คน จะได้ไม่ต้องใช้คำว่า "ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวร ขอคำว่ามีมิตรที่จริงใจทั่วถิ่นไทยจะดีกว่า"
"จอ.สมบัติ" กล่าวถึงความรู้สึกว่า "ผมไม่เคยมองทรัพยากรของแผ่นดินแม่มาก่อน ไม่สนใจที่จะมองในทรัพยากรในชุมชนหรือตรงกันข้ามกลับดูแคลน ในทรัพยากรที่มีอยู่รอบกายว่าให้สารอาหารน้อย และเป็นเรี่ยงยุ่งยากแก่การใช้งานสู้ของที่มาจากต่างชาติไม่ได้ และเมื่อสอบถามเพื่อนเกษตรกรที่อยู่รอบๆ ก็คิดเช่นเดียวกัน แต่เมื่อสถานการณ์ผ่านไปยิ่งทำยิ่งจน ยิ่งเจ็บ หนี้สินของเพื่อนเกษตรกรด้วยกันเหมือนดินพอกหางหมู เนื่องจากปลูกข้าวด้วยการซื้อปุ๋ยเคมีเพื่อเร่งผลผลิต ดูเหมือนจะได้ผลผลิตมาก แต่เมื่อคำนวณดูแล้วแทบไม่มีกำไร เพื่อนเกษตรกรประมาณ 80-90 % ที่ดินของเพื่อนเกษตรกรอยู่ในสถาบันการเงินหรือนาทุน เพราะคิดแบบนี้มานานหลายปี
แต่วันนี้เปลี่ยนนวิธีคิดใหม่ก่อนที่จะสายเกินไป "เราคนไทยมีวัฒนธรรมที่เป็นไทยๆ มิใช่ ตัวเป็นไทย แต่ใจเป็นเทศ เพราะการใช้ปุ๋ยเคมีเหมือนกับกินอาหารฝรั่งที่มีไขมันมากอ้วนแต่อ่อนแอ เพราะไม่เหมาะสมกับสภาพของบ้านเรา ถาไม่ปรับเปลี่ยนวิธีคิดเกษตรกรคงสต้องจนและหมดตัวแน่นอน เพราะ เกษตรกรได้ชื่อว่ากระดูกสันหลังของชาติ ถ้าผุกร่อนไม่แข็งแรงประเทศชาติคงต้องล้มพับถึงจุดอับอันใกล้นี้" (ผู้เขียนคิดว่าเขาคงไม่ชอบที่จะเป็นรากหญ้าแน่นอน) การดำเนินการดำรงชีวิตอยู่ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน จะมีความสุขที่ยั่งยืน
การใช้ปุ๋ยเคมีกันมาเนิ่นนาน พึ่งต่างชาติอย่างสุดโต่ง วันนี้น้ำมันใต้ดินเหลือน้อยปุ๋ยเคใต้องแพงขึ้นแต่ผลผลิต และราคาผลผลิตไม่เพิ่มขึ้น คงต้องพบกับการขาดทุน เราจะต้องเร่งรัดการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเกษตรกร
การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเขา ประการแรกต้องผลิตปุ๋ยไทยที่ชุมชนสามารถผลิตเองได้จากปัจจัยในท้องถิ่น ถ้าปัจจัยจากภายนอกราคาแพง หรือไม่ส่งมาขาย เกษตรกรไทยก็สามารถอยู่ได้เพราะเรามี ปุ๋ยไทยที่ผลิตได้ในชุมชน เกษตรกรไทยไม่ต้องรำบาก เพราะทรัพยากรในประเทศไทยมีหลากหลายหามาทำปุ๋ยได้อย่างสบาย
สูตรดีๆ มีมากมาย จะนำเสนอต่อไปถ้ามีผู้ขอมา เราต้องพร้อมใจกัน ผลิตปุ๋ยไทย ให้พืชไทยกิน เกษตรกรผู้ผลิตจะไม่จนอย่างที่ผ่านมา
เป้นแนวคิดของพี่จ่าเอกสมบัติ ผมฟังแล้วภูมิใจในแกนนำเกษตรกรของไทย ของขอปรบมือให้มี่ชลอ ม้าทอง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 7ว ครับที่ได้ประสานการทำงานกับแกนนำตั้งแต่พี่จ่ามาจับงานการเกษตร เพราะเป็นแกนนำที่มีไฟในการพัฒนาเกษตรไทย
ขอชื่นชมคนที่เป็นกำลังสำคัญของชาติ และเป็นกำลังใจในการทำงานนะคะ