สตึก เมืองแห่งลุ่มน้ำมูล บุรีรัมย์
เดิมเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอเมืองบุรีรัมย์ จัดตั้งเป็นกิ่งอำเภอ พ.ศ.2481 ยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อ 1 พ.ย.2490 คำว่า " สตึก " มาจากภาษาเขมรว่า
" สเราะตึก " แปลว่าบ้านหรือชุมชนที่อุดมไปด้วยน้ำเพราะมีน้ำมูลและน้ำชีไหลผ่านประวัติความเป็นมา
อำเภอสตึก ชื่อ “สตึก” มาจากภาษาเขมรแปลว่า “น้ำ” (สเราะ + ตึก + เมือง +น้ำ) หมายถึง เมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ เพราะมีแม่น้ำ 3 สาย ไหลผ่าน
อำเภอสตึกแต่ก่อนมีสภาพเป็นป่าดงดิบอุดมไปด้วยน้ำ มีประชากรส่วนหนึ่งมาตั้งรกราก พูดภาษาเขมร และเรียกป่าดงดิบนี้ว่า “หมู่บ้านน้ำ” แต่เดิมอำเภอสตึกเป็นเพียงตำบลหนึ่งของอำเภอเมืองบุรีรัมย์ เมื่อมีราษฎรอพยพมาจากที่อื่น มาตั้งรกรากขึ้น ทางราชการจึงยกฐานะประกาศตั้งเป็นกิ่งอำเภอเมื่อ พ.ศ.2481 ต่อมาได้มีพระกฤษฎีกายกฐานะเป็นอำเภอสตึก เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490
สตึก เป็นเมืองที่เติบโตรวดเร็วเนื่องจากเป็นเมืองท่า สมัยก่อนค้าขายทางเรือ ล่องแม่น้ำมูลระหว่างเมืองพิมาย โคราช และท่าตูม ชุมพลบุรี ของสุรินทร์ ปัจจุบันตลาดสดในเทศบาลสตึกยังเป็นแหล่งกระจายสินค้าระหว่างจังหวัดในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ มีแม่ค้าจากร้อยเอ็ด มหาสารคาม สุรินทร์ นำสินค้ามาจำหน่าย และยังเป็นแหล่งจำหน่ายปลาน้ำจืดแหล่งใหญ่ที่ชุมชนประมงติดแม่น้ำมูล
สภาพปัญหา สตึกเผชิญปัญหาการพังทลายของตลิ่งจากการดูดทรายของนายทุน การปล่อยน้ำเสียของโรงงานสุรา และชุมชน การสร้างสะพานยกระดับข้ามแม่น้ำมูล อย่างไรก็ตามการรวมตัวของชาวบ้าน ชุมชนยังไม่เข้มแข็งนัก อาจเป็นเพราะกลุ่มที่เคลื่นไหวยัมีขนาดเล็ก ผู้นำยังเป็นลักษณะวีรชนเอกชน และบางคนอิงกับการเมือง ชาวบ้านยังรับรู้ข้อมูลข่าวสารน้อย คนสตึกจึงต้องช่วยกันทำงานมากขึ้น ร่วมมือกันมากขึ้น เพื่อพัฒนาสตึกของเรา
ไม่มีความเห็น