R2R

ถ้าทำวิจัยอย่างละเอียด จะมีผลช่วยแก้ปัญหาโรงพยาบาล และยังไปปรับปรุงระบบประกันสังคม

วันนี้มีประชุม กก นโยบาย R2R ที่ศิริราช อาจารย์ อัครินทร์ ผู้จัดการคนใหม่ต่อจาก อาจารย์ สมเกียรติที่ย้ายไปเป็นรองคณบดีฝ่ายคุณภาพ โชว์ฟอร์ม เล่าผลงานของชาวศิริราชได้น่าสนใจทำให้เห็นตัวอย่างชัดเจนขึ้นของการทำงานวิจัยจากงานประจำ แล้วเอาผลงานวิจัยกลับไปปรับปรุงงานประจำอีกที

R2R เดิมมาจากไอเดีย อจ วิจารณ์ที่ทำเอาวัยรุ่นอาย เพราะที่จริงเดิมเราคุยกันว่าอยากสร้างงานวิจัยจากงานประจำ อจเลยแปลงเป็นภาษา อ ว่า from routine to research แล้วก็เลยคิดต่อตามประสาผู้อาวุโส แต่หัวไวกว่าวัยรุ่นว่า R(outine) 2(to) R(esearch)

ประเด็นหนึ่งที่อาจารย์ประเวศชี้ให้เห็นคือ ที่จริงงานวิจัยเหล่านี้ ไม่ได้มีประโยชน์แค่การพัฒนาการทำงานประจำ อย่างประเด็นการมาใช้บริการ และภาระการเงินของคนไข้ประกันสังคม ถ้าทำวิจัยอย่างละเอียด จะมีผลช่วยแ้กปัญหาในศิริราช แล้วยังไปช่วยปรับปรุงระบบประกันสังคม

เท่ากับโรงพยาบาลที่ทำวิจัยไม่ต้องตกเป็นฝ่ายถุกกระทำ สามารถต่อรอง หรือหาทางออกจากข้อมูลที่มีการวิจัยอย่างเป็นระบบ แถมยังไปช่วยประกันสังคมให้เห็นจุดอ่อน ในการจัดการของตัวเองได้ด้วย (อย่างเรื่อง selection bias) ที่โรงเรียนแพทย์ส่วนใหญ่กำลังเจอกันอยู่จนรายจ่ายมากกว่ารายรับจากประกันสังคม

นึกถึงข้อเสนอที่ อจ อยากให้ รร แพทย์ทุกแห่งตั้งหน่วนวิจัยระบบสาธารณสุขขึ้น พลอยทำให้คิดว่า ถ้าพัฒนาไปเรื่อยๆ จาก R2R อาจกระตุ้นให้เกิดกน่วยวิจัยระบบได้จริงๆ 

 

[สมศักดิ์]

มาเพิ่มเติมข้อมูล เพราะเพิ่งคุยกับลูกชายจบไป ทราบว่าการประชุมของทีม HA ที่ รพ ศรีนครินทร์ ม ขอนแก่น ก็กำลังจะส่งเสริมให้มีการทำงานแบบ R2R โดยเริ่มที่ clinical lead team ก็ขอเอาใจช่วยครับ จะได้มีกลุ่มมา ลปรร ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น

ทางศิริราชเองจะมีการจัดประชุมขึ้นปีที่ 2 ของการทำ R2R ในวันที่ 24 กพ นี้ ทราบว่าจะมีการส่งเทียบเชิญทีมทางขอนแก่นเข้าร่วม เพราะแว่วมาว่าทาง มข กับทาง ศิริราช จะทำงานวิจัยบางเรื่องด้วยกันผ่าน ระบบ r2R นี่แหละครับ

หลายคนเห็นตรงกันว่า แนวคิดที่ชัดเจนควรจะเป็น R2R2R... แปลว่าต้อง routine to research แล้ว research ป้อนกลับไปพัฒนางาน routine แล้วเกิด research ใหม่จากงาน routin นั้น หมุนเวียนไปเรื่อยๆ เห็นทีจะต้องเปลี่ยนชื่อเป็น R2Rinfinity ซะแล้ว