ทำไมนักเรียนในยุคนี้ มีความรู้ และจริยธรรมลดลง ข้อความนี้ได้มาจากไหน? แต่สิ่งหนึ่งที่แสดงให้ทราบคือการวัดผลประเมินผลด้านคุณภาพผู้เรียนจากการประเมินของโรงเรียน จากการประเมินภายนอก และ จากการประเมินระดับชาติ
กระบวนการเรียนรู้ของนักเรียนแตกต่างไปจากเดิมหรือไม่ มีปัจจัยอะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง และ สุดท้ายเราจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ต้องเริ่มจากไหน ใครเป็นผู้กระทำ ? แค่ถามตนเองเล่นๆ แบบนี้ ก็มึนแล้ว
เราได้จัดทำมาตรฐานการศึกษาในระดับชาติ ให้แก่เยาวชนไทยแล้ว ครูก็ได้รับการอบรมเรื่องกระบวนการเรียนการสอนที่มุ่งนักเรียนได้บรรลุตามเป้าหมายหรือมาตรฐานการเรียนรู้ แต่เท่าที่ผ่านมา การกำหนดมาตรฐานของสถานศึกษายังมีบางส่วนที่ยังไม่สอดคล้องกับมาตรฐานชาติ และท้องถิ่น ไม่ได้นำจุดเด่นของท้องถิ่นที่เป็นวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้อย่างแท้จริง ไม่เกิดการต่อยอดในภูมิปัญญาที่มีจึงทำให้สิ่งที่ควรจะก้าวหน้า กลับดูเหมือนว่าคงเดิมหรืออาจถอยลง เนื่องจากการรับในสิ่งที่มีอยู่ได้รับเท่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิม แต่มีสิ่งที่มาจากวัฒนธรรมภายนอกที่เพิ่มเข้ามา ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่ด้วยเราไม่ได้สอนกระบวนการคิดและทักษะชีวิตแก่เด็กจึงทำให้เขาประยุกต์เองตามที่เขาคิด จึงเกิดเป็นความรู้วัฒนธรรมที่เกิดขึ้นตามกระแสนิยมของกลุ่มชุมชนเฉพาะ การเรียนรู้ในกระบวนการศึกษาก็มุ่งที่จะเรียนต่อ จะเข้าสู่สถาบันที่ตนเองชอบ หรือที่พรรคพวกชักชวนไปเข้าเรียน โดยที่ตัวเองไม่ได้ประเมินในตนเองว่าตนมีความรู้ หรือถนัดทางไหน เรียนแล้วต้องการที่จะประกอบอาชีพอะไร
เมื่อจบและยึดเป็นอาชีพจะทำให้ชีวิตเป็นสุขจริงหรือไม่ เมื่อไม่ได้วางแผนชีวิต เพราะไม่รู้ซึ้งถึงคุณค่าชีวิต โดยที่ไม่รู้ตน จึงทำให้เกิดวัฒนธรรมกระแสนิยม ความวุ่นวายสับสนจึงตามมา เมื่อได้ในสิ่งหวังก็ดีใจ เมื่อไม่ได้ก็เสียใจอาจก่อเกิดปัญหาทางสังคมติดตามมา
เดี๋ยวนี้ ทางการศึกษาจึงได้นำ การจัดการความรู้ การออกแบบการจัดการเรียนรู้ และการประเมินผลตามสภาพจริงมาเน้นในการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียน เนื่องด้วย
1.การจัดการความรู้ (Knowledge Management ) จะเป็นการนำเอา Best practice แนวปฏิบัติที่ดี ที่ภูมิใจ ความรู้ฝังลึก ของครูผู้สอน หรือของวิทยากรท้องถิ่น มาสู่การเป็นขั้นตอน / ทฤษฎีการสอน ที่หลากหลาย เป็นการหาสิ่งดีๆ ขั้นตอนการเรียนรู้ดีๆ แหล่งเรียนรู้ที่ดีๆ และอื่นๆที่ดี มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ มาร่วมกันสกัดสู่แก่นความรู้ที่จะนำเอาไปพัฒนาใช้เป็นเทคนิคการสอนของแต่ละกลุ่มสาระ อาจเรียกว่าเป็น Best practice ของกลุ่มสาระ
2. การออกแบบการสอน เดี๋ยวนี้ใช้ Backward Design หรือการออกแบบย้อนกลับ หรือการออกแบบถอยหลังกลับ เกิดจากแนวคิดของ Grant Wiggings and Jay Mctighe (1998) เป็นกระบวนการออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการออกแบบเป็นหน่วยการเรียนรู้ โดยเริ่มการออกแบบการจัดการเรียนรู้จากปลายทางซึ่งเป็นผลผลิตที่ต้องการ ด้วยการกำหนดความรู้ ความสามารถ ที่เป็นเป้าหมายหรือมาตรฐานการเรียนรู้ให้เกิดกับนักเรียน ซึ่งได้มาจากหลักสูตร มีการกำหนดร่องรอย หลักฐานแห่งการเรียนรู้(Performances) ที่ยอมรับได้ว่านักเรียนได้บรรลุตามเป้าหมายหรือมาตรฐานการเรียนรู้ และจากนั้นจึงนำไปสู่การวางแผนการสอน มีการจัดลำดับขั้นกิจกรรมประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อเป็นเครื่องมือนำไปสู่การสร้างร่องรอย หลักฐานแห่งการเรียนรู้ของนักเรียน ซึ่ง Grant Wiggings and Jay Mctighe (1998) ได้สรุปเป็นขั้นตอนที่เกี่ยวเนื่องและสัมพันธ์กัน 3 ขั้น คือ
ขั้นที่ 1 กำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่พึงประสงค์(Identify desired results) ด้วยการกำหนดความรู้ ความสามารถที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักเรียนตามเป้าหมายหรือมาตรฐานการเรียนรู้จากหลักสูตร
ขั้นที่ 2 กำหนดหลักฐานของการเรียนรู้ที่ยอมรับได้ผู้เรียนได้บรรลุตามเป้าหมาย ( Determine acceptable Evidence)
ขั้นที่ 3 ออกแบบกิจกรรม/วางแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้(Plan learning experiences and instruction) เพื่อให้นักเรียนหลักฐานตามเป้าหมายหรือมาตรฐานการเรียนรู้
จะเห็นได้ว่า เป็นการกำหนดให้ผู้เรียนได้รู้ว่าเราจะให้เด็กได้อะไรที่ติดตัว ติดใจ ฝังลึกในตน เพื่อนำไปสู่การมีทักษะชีวิต และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
3. การวัดผลตามสภาพจริง เป็นการกำหนดหลักฐานของการเรียนรู้ที่ยอมรับได้ว่าผู้เรียนได้บรรลุตามเป้าหมาย หรือมาตรฐานการเรียนรู้ที่ต้องการ ( Determine acceptable Evidence) คำถามที่ครูผู้ออกแบบการจัดการเรียนรู้ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า นักเรียนมีความรู้ ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตร การแสดงออกของนักเรียนเป็นอย่างไร จึงจะยอมรับได้ว่านักเรียนมีความรู้ ความสามารถตามที่กำหนด นั่นคือ ครูผู้สอนต้องประเมินความก้าวหน้าของนักเรียนไปจนถึงผลผลิตที่ต้องการ การประเมินผลเป็นการประเมินที่หลากหลายตามสภาพจริง ประเมินให้ครบทุกด้าน มีเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจนเป็นที่ยอมรับ
แผนผังการจัดการความรู้สู่ Best practice
ผมได้จัดทำแผนผังการจัดการความรู้ ในการขยายผลสู่โรงเรียนผู้นำการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
จากการนำไปทดลองใช้ในโรงเรียนผู้นำการเปลี่ยนแปลงแล้ว เห็นว่าได้เปลี่ยนเจตคติของครูผู้สอนให้มีการหากระบวนการสอนที่เป็นสุดยอดของตนเอง ของกลุ่มสาระ และจัดทำแผนการเรียนรู้ตามกระบวนการออกแบบได้แผนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เราต้องคอยดูผลที่จะเกิดแก่นักเรียนต่อไป
3 ตุลาคม 2550
สวัสดีค่ะ
เขียนได้ดี ขออนุญาตนำข้อมูลไปเผยแพร่นะค่ะ ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะท่าน
หลายท่านเข้ามาอ่านแล้วได้รับความรู้จากท่านไป
แล้วท่านเคยอ่านที่นี่..หรือเปล่าคะ
ขอบคุณค่ะที่ให้ความร่วมมือ
ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจครับ
ขอบคุณครูอ้อยครับ ระยะนี้กำลังวุ่นว่าจะจัดการตั้งนานแล้ว ลืมทุกที ขอบคุณครับผม แผนภาษาอังกฤษมีใหม่ๆ ช่วยเผยแพร่ด้วยจะนำไปเป็นวิทยาทานแก่ครูบ้านนอก
อาจารย์อธิบายได้ชัดเจนมากค่ะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ไม่ได้เรียนครุศาสตร์มากค่ะ