ทิศทาง IMF ภายใต้การนำของผู้บริหารคนใหม่จะเป็นอย่างไร

กรรมการบริหาร IMF 24 คน ก็ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วให้นาย Dominique Strauss-Kahn อดีตรัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส วัย 64 ปี ขึ้นนั่งตำแหน่ง Managing Director อย่างเป็นทางการแล้ว... IMF ยังประสบปัญหากับการขาดแคลนทางการเงินเนื่องจาก ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ในโลกอย่างเช่น บราซิล และประเทศในเอเชียตะวันออก ต่างหันไปกู้เงินจากตลาดพันธบัตรระหว่างประเทศมากกว่า และประเทศที่เป็นหนี้ IMF ส่วนใหญ่ก็ใช้หนี้ IMF หมดแล้ว

 

ในที่สุดกรรมการบริหาร (Board) ของ IMF 24 คน ก็ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วให้นาย Dominique Strauss-Kahn อดีตรัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส วัย 64 ปี ขึ้นนั่งตำแหน่ง Managing Director อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2550 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ นาย Dominique Strauss-Kahn ก็ให้คำมั่นว่า IMF ภายใต้การนำของเขานี้จะต้องเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการกอบกู้บทบาทที่กำลังลดลงของสถาบันการเงินแห่งนี้ (having promised to redouble efforts to revive the institution’s fading relevance)

 

นาย Dominique Strauss-Kahn ผู้บริหารคนใหม่ของ IMF  

อย่างไรก็ดี เป็นที่รู้กันดีว่าตำแหน่งผู้บริหาร IMF นั้น อยู่ภายใต้การควบคุมของยุโรป ในขณะที่ประธาน Worldbank ถูกผูกขาดโดยสหรัฐอเมริกา โดยก่อนหน้านี้สหรัฐอเมริกาก็ได้แต่งตั้งนาย Robert Zoellick ขึ้นมาเป็นประธาน Worldbank คนใหม่ แทนที่นาย Paul Wolfowitz ที่จำต้องลาออกไปเนื่องจากทนแรงกดดันไม่ไหว ที่ขึ้นเงินเดือนแบบพุ่งพรวดให้กับแฟนสาวของตนที่ทำงานอยู่ใน Worldbank ซึ่งก่อนหน้าหน้าทั้งสหรัฐอเมริกา และยุโรปต่างพยายามที่จะบอกชาวโลกว่า ทั้ง IMF และ WorldBank ในทศวรรษใหม่นี้จะต้องมีความโปร่งใสมากขึ้น แต่ภายหลังจากการแต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่ของ IMF ออกมา ก็ดูราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็มิได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

 

ทั้งนี้ นาย Dominique Strauss-Kahn ได้เข้ามารับตำแหน่งแทนที่นาย Rodrigo de Rato ซึ่งได้ลาออกไปโดยให้เหตุผลว่า “ต้องการใช้ชีวิตบั้นปลายกับครอบครัว และอยากจะอุทิศเวลาให้ครอบครัวให้มากขึ้น” แหมมม... รักครอบครัวจริง ๆ แต่ตื้นลึกหนาบางมีแรงกดดันอย่างไร อันนี้ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดนัก นอกจากนี้ นาย Dominique Strauss-Kahn ยังให้ความเชื่อมั่นว่า IMF จะมีการปฏิรูปโครงสร้างผู้หุ้นที่ซับซ้อนของ IMF ซึ่งประเทศในยุโรปรวมกันแล้วมีสัดส่วนถึง 32% ซึ่งประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ไม่ยอมที่จะลดบทบาทของตัวเองลงในองค์กรแห่งนี้

นาย Rodrigo de Rato อดีตผู้บริหาร IMF ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นรัฐมนตรีคลังของสเปน

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น IMF ยังประสบปัญหากับการขาดแคลนทางการเงินเนื่องจาก ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ในโลกอย่างเช่น บราซิล และประเทศในเอเชียตะวันออก ต่างหันไปกู้เงินจากตลาดพันธบัตรระหว่างประเทศมากกว่า และประเทศที่เป็นหนี้ IMF ส่วนใหญ่ก็ใช้หนี้ IMF หมดแล้ว ในขณะนี้เดียวกัน IMF ยังประสบกับปัญหาวิกฤตศรัทธาด้านความชอบธรรมในการสรรหาผู้บริหารคนใหม่อีกด้วย แล้ว IMF จะทำอย่างไรดีล่ะ...

 

คำตอบก็คงไม่ซับซ้อนอะไรนัก นอกจากจะต้องให้เวลากับนาย Dominique Strauss-Kahn พิสูจน์ฝีมือในเวทีระดับโลก ซึ่งคาดว่านาย Dominique Strauss-Kahn ก็น่าจะทำได้ดี เนื่องจากชื่อเสียงและบารมีที่นาย Dominique Strauss-Kahn สะสมมานานปีนั้น ก็น่าจะเป็นเครื่องยืนยันความสามารถได้ แต่อย่างไรก็ดี IMF ในยุคนี้ ต่างกับยุคก่อนอย่างยิ่งเนื่องจากที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาและยุโรป ถือได้ว่าผู้นำของทางเศรษฐกิจของโลก แต่ในปัจจุบันอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของจีนกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยนักวิเคราะห์จากหลายสำนักคาดการณ์ว่า ภายใน 25 ปี เศรษฐกิจของจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ เพราะในปัจจุบันขนาดของเศรษฐกิจจีนมีขนาดเกือบจะเทียบเท่าเยอรมันนีแล้ว ดังนั้น หากประเทศกำลังพัฒนาใด ๆ ที่ประสบปัญหาด้านการเงินก็มีแนวโน้มที่จะหันไปพึ่งจีนมากกว่า เนื่องจากจีนนั้นมีต้องการที่จะให้เงินสำรองระหว่างประเทศของตนผลิดอกออกผลให้มากกว่านี้ เพราะว่าในตอนนี้นั้นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนนั้นมากที่สุดในโลก คือ อยู่ที่เกือบ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

สิ่งต่าง ๆ ที่ท้าทายเหล่านี้ เป็นปัญหาใหญ่ที่ IMF จะต้องเผฃิญในอนาคตอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งมองดูแล้วไม่ง่ายเลยที่จะนำ IMF กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ในประเทศไทย เมื่อครั้งวิกฤตการณ์เศรษฐกิจเมื่อปี 1997 ท่านผู้อ่านคงบรรยายความรู้สึกของตนเองที่มีต่อ IMF ได้เป็นอย่างดี...

3 ตุลาคม 2550