สายธารแห่งความรัก..สาม...แม่ยังป่วยอยู่
ตอนสองที่ค้างไว้ มาช้าหน่อยนะคะ
*******************************************
เงาดำ ๆ ตะคุ่ม ๆ ที่เห็นเหนือถังน้ำปลาเมื่อสามสิบปีกว่ามาแล้วนั้น ในเวลานี้เป็นอาจารย์คนหนึ่งที่มหาวิทยาลัย(โรงเรียนแพทย์) แห่งหนึ่งแถว ๆภาคอีสาน ในวัยเด็กเป็นอย่างไร เติบใหญ่หลายคนยังคงเค้าความเดิมไว้ไม่มากก็น้อย
พี่ชายของดิฉัน ก็เป็นอย่างนั้น
ทุกวันนี้ไม่ได้ปีนถังน้ำปลา...แต่เขาก็ยังเดินทางไปไหนมาไหนพร้อมหนังสือเป็นกระบุง
เงาดำนั้น ก็คือตัวพี่ชายที่ใช้ไม้กระดานประมาณหนา ๆ คล้ายไม้หน้าสาม แต่แผ่นกว้างพอที่จะนั่งและวาง ลังน้ำปลา ต่างโต๊ะหนังสือ แล้วพี่ก็นั่งอ่านหนังสือเรียนทั้งคืน
เหตุที่ต้องปีนขึ้นไปบนปากถังหมักน้ำปลา ก็เพราะว่า
เพื่อให้ได้แสงสว่างมากสุด ยิ่งอยู่ใกล้หลอดไฟมากแค่ไหน (หลอดเล็กเพื่อประหยัดไฟแบบสมัยนั้น...ยังมิมีหลอดผอมกันค่ะ) ก็จะได้แสงมากขึ้น
เรื่องน่าหวาดเสียวกว่านี้ก็มีค่ะ
เป็นเรื่องของลูกสาวสองคนเล็ก...ดิฉันและพี่สาวค่ะ
เอาเรื่องพี่สาวก่อน
ความที่เป็นเด็กซ้น ซน เคยวิ่งเล่นอีท่าไหนไม่ทราบนะคะ
ตกลงไปในท่อระบายท่อใหญ่ ข้าง ๆ บ้านตึกที่เล่าให้ฟัง
แม่เล่าว่า...ได้ยินเสียงเรียกแม่ว่า..อี๊ ๆ (ที่บ้านเรียกแม่ว่าอี๊มากกว่า แม่ค่ะ) ได้ยินแปลก ๆว่ามาจากแถว ๆ ล่าง ๆ ยังไงบอกไม่ถูก แล้วเสียงก็คล้าย ๆเสียงลูกตัวเอง แต่หาตัวไม่เจอ....
ต้องมอง ๆ หา กันอยู่พักหนึ่ง ถึงพบว่าพี่สาวระเห็จไปอยู่ในท่อน้ำ ข้างบ้านนั่นเอง ส่วนหัวที่ใหญ่กว่าท่อปลายสุดของท่อระบายน้ำ เป็นตัวช่วยให้ พี่ค้างอยู่ในท่อและมีชีวิตหลุดรอดมาจนทุกวันนี้
มามีชีวิตวนอยู่ในวังวนของ โลกใบนี้
ส่วนเรื่องดิฉัน รอหน่อยนะคะ
เกี่ยวกับน้ำ และนักประดาน้ำจำเป็นค่ะ
ขอไปเยี่ยมแม่ แม้จะได้แค่ยืนมองนอกกระจกใส..ก็ยังดี
แม่ถูกเคลื่อนย้ายเข้า ไอซียูแล้วค่ะ
อาการ..ทรง ๆ ทรุด ๆ
หนักไปทางทรุดสักหน่อย....ขอมหัศจรรย์มีจริง
ขอพรพระไตรรัตน์ปัดเป่าโศก
สิ่งวิโยคทุกข์ใจให้เหือดหาย
ฟ้ามืดครึ้ม หลังฝน หล่นพรูพราย
ย่อมเห็นสาย รุ้งลาง กลางนภา