รู้จักอาหารเบาหวานไหม


ดิฉันมักบอกให้กินแบบวิธีง่ายๆหยาบๆไม่ละเอียดจนเข้าใจยากจนทำให้เกิดความกังวลทำให้ขาดความอร่อยและความสุขในการกิน

หัวใจสำคัญที่จะทำให้ผู้เป็นเบาหวานพร้อมจะรับคำแนะนำเบาหวานอย่างเต็มใจก็คือต้องทำให้เขาทราบว่าภัยอันตรายอะไรที่ซ่อนเร้นและกำลังจะเกิดขึ้นตามมาจากการระบบในร่างกายเกิดบกพร่อง    ซึ่งธรรมชาติของมนุษย์ถ้าเขามองเห็นภัยใกล้ตัวย่อมต้องอยากหาทางออก ตัวกระตุ้นที่ดีก็คือเทคนิคการอธิบายต้องทำให้เข้าใจอย่างง่ายๆไม่ซับซ้อนมองเห็นและเข้าใจปัญหา  จะเป็นการชักนำให้ผู้เป็นเบาหวานอยากหาทางแก้ไข

โดยส่วนใหญ่เมื่อผ่านขั้นตอนแรกได้ขั้นต่อไปก็จะค่อนข้างง่าย       ผู้เป็นเบาหวานบางรายมักจะชิงถามว่าแล้วจะกินอย่างไรให้น้ำตาลดี   ดิฉันมักบอกให้กินแบบวิธีง่ายๆหยาบๆไม่ละเอียดจนเข้าใจยากจนทำให้เกิดความกังวลทำให้ขาดความอร่อยและความสุขในการกิน เคล็ดไม่ลับของดิฉันเน้นเรื่องน้ำก็คือ

1. ดื่มน้ำให้สัมพันธ์กับอาหารและกิจกรรมของร่างกายให้ได้ 6-8 แก้วต่อวันดิฉันมีหลักการง่ายๆ 5แก้วประจำคือ

        2แก้วแรก-ก่อนอาบน้ำเช้า 1แก้ว เย็น 1 แก้ว เพราะเรามักปัสสาวะน้ำทิ้งเวลาอาบน้ำอย่าง น้อย 2 ครั้งเราก็เติมเพื่อรักษาสมดุลย์น้ำเข้าน้ำออก

        3แก้วต่อมา -ดื่มอีก 1 แก้วหลังหรือขณะมื้ออาหาร เป็นการเจือจางน้ำตาลที่อยู่ในอาหารก่อนเข้าสู่กระแสเลือด

        3แก้วสุดท้าย- จากทานจุบจิบให้ดื่มน้ำล้างปากหรือล้างทางเดินอาหารให้สะอาด  หากมีออกกำลังกายหรือมีกิจกรรมที่ทำให้กระหายให้ดื่มเติมเท่าจำนวนน้ำที่เสีย

2. ทานอาหารไม่แปรรูป  เน้นอาหารที่ต้องมีการเคี้ยวจะทำให้ระบบย่อยอาหารได้ทำงานเป็นการชลอการปล่อยน้ำตาลสู่กระแสเลือด เช่น ให้ทานส้ม1ผลต่อมื้อแต่ต้องระวังเรื่องปริมาณเพราะผลไม้ให้น้ำตาลเพิ่ม   และเลี่ยงการดื่มน้ำส้มคั้นซึ่งปริมาณก็มากกว่ากากใยก็น้อยกว่าถือเป็นอาหารแปรรูปจากเดิม

3. ผลไม้ก็ขาดไม่ได้ช่วยให้ระบบต่างในร่างกายทำงานได้สมบูรณ์  วิธีทานถ้าเป็นผล ทานมื้อละ 1 กำมือเดียวที่หยิบได้ ถ้าตัดเป็นชิ้น 6-8 คำโดยประมาณ น้ำตาลสูงอยู่เลี่ยงผลไม้หวานมาก พยายามเลี่ยงน้ำที่มีรสชาดทุกชนิด

4. ถ้าปฏิบัติตั้งแต่ข้อ 1-3แล้วร่วมกับทานยาถูกต้องแล้ว ยังพอมีเวลาให้การออกกำลังกายก็จะเป็นตัวช่วยได้อีกทาง

อย่างไรก็ตามผู้เป็นเบาหวานส่วนใหญ่สูงอายุทานน้ำน้อยมาก   บางคนอิ่มข้าวก็ไม่ทานน้ำ(น้ำเปล่า) อยากบอกว่าอย่ากังวลเรื่องอาหารจนลืมว่าน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญเช่นกันเพราะช่วยในการย่อย, การดูดซึม, เพิ่มการไหลเวียนของในหลอดเลือด, ช่วยในการขับถ่าย, รักษาอุณหภมิและช่วยทำความสะอาดทางเดินอาหารด้วยนะคะ

ยุวดี   มหาชัยราชัน

หมายเลขบันทึก: 13283เขียนเมื่อ 25 มกราคม 2006 17:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ดิฉันเองก็บ่อยครั้งอธิบายคนไข้เวลามาตรวจเกี่ยวกับการทานอาหารอย่างหยาบๆ เพราะคิดว่ามีนักโภชนากรและนักสุขศึกษาให้ความรู้อยู่แล้ว สูตรนี้ง่ายดีค่ะ คนไข้คงชอบแน่ๆเพราะเข้าใจและทำตามง่ายดี ดิฉันจะนำสูตรนี้ไปแนะนำคนไข้ในคลินิกค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท