ลุงบุญมี
นายพีรวุฒิ เล้าภาษิต ม.5/1 เลขที่ 27
“ 1,000 2,000 เอ...ถ้าเราออกเรืออีกไม่กี่วันเราก็จะได้เงินพอสำหรับซ่อมบ้านแล้วนะ ต้องขยันเพิ่มอีกหน่อยซะแล้ว ดูซิทุกวันนี้หลังคามันจะหล่นใส่กะบานเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ” เสียงลุงแก่ๆ นั่งบ่นพึมพำอยู่คนเดียวอยู่ที่ใต้ถุนบ้าน มือสองมือก็กำลังนั่งสานเครื่องมือหาปลาอยู่ เวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงลุงบุญมีก็วางมือแล้วเดินขึ้นบ้านเข้าไปในครัวตักข้าวใส่ชามใบใหญ่พร้อมกับข้าวตามรายได้ที่ลุงพอจะหามาได้และลุงก็กินมาตั้งแต่เด็กๆ ก็คือ ปลาร้า ปูเค็ม หอยดอง และก็ผักที่ลุงปลูกไว้แถวบ้านและที่ขึ้นเองตามพื้นดิน เมื่อลุงเข้าไปตักข้าวแล้วเอาออกมานั่งกินที่ใต้ถุนบ้านที่เดิม ขณะที่ลุงกำลังตักข้าวจะเข้าปากก็เหลือบไปเห็นเสาบ้านที่ถูกปลวกกินจนข้างในกลวงใกล้จะหัก ผู้ใหญ่จิ๋วก็เดินเข้ามาทักทายลุง “ เอย.... เป็นไงบ้างล่ะตาบุญมี แหมช่วงนี้ไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย ไม่ไปทำบุญเลยนะช่วงนี้ ” ผู้ใหญ่จิ๋วถามด้วยสำเนียงคนสุพรรณเดินตรงมาหาลุง “ อ้าว กินข้าวกันก่อนผู้ใหญ่ เดี๋ยวไปตักให้ ” ลุงพูดพร้อมทำท่าจะลุก “เอย.. ไม่ต้อง..ไม่ต้อง ฉันมาคุยด้วยเฉยๆ หมู่นี้ไม่เห็นหน้าเห็นตาแก ก็เลยมาดู ช่วงนี้ฉันว่างๆ ไม่มีเพื่อนคุยก็เลยแวะมา แล้วเป็นไงบ้างละแกเนี่ย ” ผู้ใหญ่ถามด้วยหน้าตาที่เป็นห่วง “ ไม่เป็นไงหรอกผู้ใหญ่ก็อย่างที่เห็น บ้านมันจะพังใส่กะบานฉันอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้ไปวัดสามสี่วันพระแล้ว ตอนนี้ก็ต้องหาเงินซ่อมบ้านก่อน บุญฉันทำมาเยอะแล้วไว้เรื่องบ้านเรียบร้อยก่อนฉันจะชวนผู้ใหญ่ไปกราบหลวงตาที่วัดด้วยกัน ” ลุงมีพูดตอบกับผู้ใหญ่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ โอ้โฮ.....แล้วนี่ไปเช่าพระอะไรมาด้วยละผู้ใหญ่ องค์ใหญ่ขนาดนี้ไปได้มาจากวัดไหนมาอีกล่ะ แล้วพระผงเลี่ยมทองที่เคยบูชาหายไปแล้วเหรอ ” ลุงมีถามผู้ใหญ่ด้วยความแปลกใจ “ เอย...แกนี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย นี่ไม่ใช่พระแต่เป็นพวกองค์เทพของทางภาคใต้ที่เขาเรียกว่า...เรียกว่า.... อะไรหว่า... อะไร..คาม.. คาม นี่แหละ แหมมันติดอยู่ที่ปากนี่แหละ วะมันนึกไม่ออก แต่ว่าตอนนี้ แหมฮิตมาก ฉันเข้าไปในเมืองเห็นมีแต่คนบูชากันทั้งนั้นเลยนะตาบุญมี ” ผู้ใหญ่พูดด้วยสำเนียงสุพรรณอย่างเต็มเสียง ลุงบุญมีฟังผู้ใหญ่พูดพรางตักข้าวคำใหญ่ใส่ปาก เคี้ยวจนได้ยินเสียงแตงกวาแตกในปากลุงดัง “ เปราะๆ “ พอผู้ใหญ่พูดจบ ลุงรีบกลืนแล้วพูดขึ้นมาว่า “ผู้ใหญ่นี่ก็ไม่รู้อะไร ฉันเป็นคนที่ไหนผู้ใหญ่ไม่รู้เหรอ เทพองค์นั้นเขาเรียกกันว่า จตุคามรามเทพผู้ใหญ่ไม่ใช่เทพคามคาม เอ้อ... เรียกเขาเสียเทพหมดเลยผู้ใหญ่นี่ แต่ฉันไม่เคยเห็นแบบนี้เลย สมัยนี้เขาทำกันแบบนี้ด้วยเหรอผู้ใหญ่ ” “ เอย...แหมฉันก็ลืมไปแกไม่ใช่คนสุพรรณแต่กำเนิดนี่หว่าตาบุญมี แกย้ายมาจากปักษ์ใต้มาเมื่อสิบปีก่อน ฉันเองแก่แล้วก็เลอะเลือนจำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว ตาก็ฟางๆ มองอะไรมันก็ไม่ค่อยจะชัดจะเจนแถมยังหูตึงอีกต่างหาก เอ้อ..ๆ..ๆ ” ผู้ใหญ่พูดเสร็จก็หัวเราะด้วยความชอบใจ “ ผู้ใหญ่คนเราแก่แล้วก็ต้องเป็นกันทุกคนแหละ ฉันเองก็เริ่มจะมองไม่ชัดแล้วเหมือนกัน เวลาสานตะค่องก็สานผิดรูบ้างก็มี แต่ตอนที่ฉันอยู่ปักษ์ใต้เขาไม่เห็นนิยมอย่างนี้เลย” ลุงบุญมีพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆ “ เอย...แล้วแกรู้ประวัติเทพองค์นี้หรือเปล่า ” ผู้ใหญ่ถามอย่างสนใจ “ อ้าว...ผู้ใหญ่ พูดอย่างนี้ก็ดูถูกฉันนะสิ นี่ถ้าฉันเล่าไม่ได้ก็แย่เลยสิเนี่ย เดี๋ยวผู้ใหญ่ฟังและกันฉันจะเล่าประวัติให้ฟัง ” ลุงบุญมีพูดขึ้นมาแล้วก็วางจานข้าวที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะ หยิบขันน้ำขึ้นมากินสองสามอึกแล้วทำการเล่าต่อไป “ ตอนฉันอยู่ปักษ์ใต้ จำได้ว่าฉันพบเห็นเทพองค์นี้ครั้งแรกก็ตอนที่ฉันไปเที่ยวที่วัดพระธาตุในจังหวัดนครศรีธรรมราช ฉันเห็นท่านเป็นรูปปั้นที่สวยงามนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูที่มีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ในนั้น และฉันก็จำประวัติของเทพองค์นี้จาการเล่าสู่กันฟังของปู่และพ่อฉันได้อีกว่า ดินแดนทางใต้ของประเทศไทยในปัจจุบัน ก็คืออาณาจักศรีวิชัยในสมัยก่อนนะ มีกษัตริย์ท่านหนึ่งปกครองอาณาจักรนี้อยู่ แต่ด้วยความดีของท่านเมื่อท่านสิ้นพระชนม์ ท่านก็ได้มาเป็นเทพที่ปกปักรักษาดินแดนแถบนี้เรื่อยมาถึงปัจจุบัน แต่ตอนที่ฉันอยู่ปักษ์ใต้พวกเครื่องรางของขลังแบบนี้ยังไม่มีขายหรือเช่าบูชาเหมือนสมัยนี้เลยผู้ใหญ่ ถ้าจะมีวัตถุมงคลคนที่จะได้วัตถุมงคลไปครอบครองก็มีแต่คนที่ไปช่วยเหลือวัดบ่อยๆ และก็เด็กวัดเท่านั้น เพระบุคคลเหล่านี้มักจะคุ้นเคยกับวัดและเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสไม่มีอะไรจะตอบแทนจึงนำวัตถุมงคลมาแจกให้ แต่สมัยนี้ไม่ค่อยมีการแจกกันแล้ว ถ้าจะได้มาครอบครองก็ต้องทำบุญหรือบริจาคใส่ตู้กันหลายๆ ร้อย หลายๆ พันถึงจะมีหน้ามีตาและก็ได้วัตถุมงคลมาครอบครอง ” “ ผู้ใหญ่เชื่อไหมคนบางคนเชื่อในวัตถุมงคลเหล่านี้มากเกินไป ฉันเห็นมาหลายรายแล้ว รถคว่ำคนไม่เป็นอะไรก็ฮือฮาหาว่ามีของศักดิ์สิทธิ์อยู่ในรถ ความจริงแล้วมันยังไม่ถึงคราวตายคนพวกนี้ยังมีกรรมดีอยู่ แต่เมื่อไรที่ต้องชดใช้กรรมที่ทำชั่วกันตามมาถึงเมื่อไรถึงมีวัตถุมงคลชื่อดังก็ตายกันถมไป แล้วองค์ที่ผู้ใหญ่ไปเช่ามาบูชาก็คงจะหลายร้อยอยู่นะสิผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่.....ผู้ใหญ่........อ้าว...หลับซะแล้ว ” ลุงบุญมีบ่นเสร็จก็หยิบขันน้ำขึ้นมากินอีสองสามอึก “ครอก......ครอก....... ” เสียงกรนผู้ใหญ่ในท่านั่งหลับหลังพิงเสา ลุงบุญมีเล่าประวัติขององค์จตุคามรามเทพและชีวิตของลุงบุญมีตอนเด็กให้ผู้ใหญ่ฟัง แต่ผู้ใหญ่ฟังเพลินจนเผลอหลับไปไม่รู้ตัว ลุงบุญมีเห็นผู้ใหญ่หลับอยู่จึงลุกเอาจานข้าวไปเก็บบนบ้าน และก็ลงมาสานตะค่องต่อ “ เอย...อะไรหว่า อ้าว....แหมแกเล่าดีจนฉันหลับไปเลย ขอโทษทีแหมเผลอหลับไปได้เลยไม่รู้เรื่องกันเลย ” ผู้ใหญ่พูดตอมพร้อมขยี้ตา “ ฮึ ฮึ ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาผู้ใหญ่ ” ลุงบุญมีถามผู้ใหญ่
ครูพรรณา .....นำเรื่องของนักเรียนมาเล่าได้สนุกเชียวค่ะ..........จะเข้ามาอ่านบ่อยๆนะค่ะ.......เด็กๆเก่งกันจัง
ขอบคุณค่ะ
แวะมาทดลองอ่านดูครับ สนุกดีครับ
กวินทรากร
สวัสดีค่ะ
-ขอบคุณแทนเด็กๆ ค่ะ