สตรีชาวซาอุฯ เรียกร้องสิทธิในการขับรถ


ประเทศซาอุฯ เป็นประเทศเดียวในโลกที่ห้ามผู้หญิงขับรถยนต์

แปลและเรียบเรียงจากข่าวในเวป www.yahoo.com

วันที่ 17 กันยายน 2550

สตรีชาวซาอุฯ เรียกร้องสิทธิในการขับรถ

ประเทศซาอุฯ เป็นประเทศเดียวในโลกที่ห้ามผู้หญิงขับรถยนต์

ในกรุงเจดดาร์ได้มีการรวมกลุ่มกันของเหล่าสตรี เพื่อถวายฎีกาต่อองค์กษัตริย์อับดุลลา ในการเรียกร้องสิทธิดังกล่าว 

 คณะกรรมการกลุ่มเรียกร้องสิทธิ วางแผนที่จะเข้าถวายฎีกาในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันชาติของซาอุดิอะราเบีย สตรีทุกคนในซาอุฯ รวมทั้งสตรีชาวต่างชาติที่อาศัยในซาอุฯ ได้ถูกห้ามไม่ให้ขับรถยนต์ ทำให้ต้องจ้างคนขับรถประจำครอบครัว ส่วนครอบครัวที่ไม่สามารถจ่ายค่าจ้างคนขับรถ สมาชิกที่เป็นสตรีต้องอาศัยไหว้วานญาติพี่น้องในการขับรถไปส่งในการไปทำงาน ไปโรงเรียน ไปจับจ่ายซื้อของ และไปหาหมอ  

ได้มีการเสนอประเด็นการอนุญาตให้สตรีขับขี่รถครั้งสุดท้ายเมื่อสองปีก่อน โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาแห่งชาติ(ที่ไม่ได้รับการคัดเลือก) ผู้สมัครรายดังกล่าว เสนอให้พิจารณาความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้ผู้หญิงที่มาอายุมากกว่า 35 ถึง 40 ปี สามารถขับรถยนต์ได้ในถนนภายในเมืองได้ แต่การขับขี่รถบนทางหลวงต้องผู้ชายนั่งไปเป็นเพื่อนด้วย ข้อเสนอของเขาถูกตอบโต้จากสังคมอย่างรุนแรง เช่น ถูกเสนอให้ปลดออกจากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา กล่าวโทษว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้หญิงที่ต้องการทำบาปด้วยการละทิ้งจารีต รวมถึงผ้าคลุมหน้า มาปะปนกันผู้ชาย

นักอนุรักษ์นิยมชาวซาอุฯมีความเชื่อว่า ผู้หญิงควรจะปกปิดร่างกายตัวเองจากการพบเห็นของคนแปลกหน้า ในขณะที่ผู้หญิงที่สามารถขับรถได้นั้น จะสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างเสรี นอกจากนั้นในขณะขับขี่ผู้หญิงยังต้องใช้สายตาในการจ้องมองไปข้างหน้า ทำให้อาจได้ประสานสายตากับชายแปลกหน้าได้

 ส่วนเหตุผลของฝ่ายสนับสนุนได้กล่าวว่า ข้อห้ามไม่ให้ผู้หญิงขับขี่รถไม่ได้ระบุไว้ในข้อกฎหมายใดๆ หรือแม้แต่ในหลักศาสนา เพียงแต่เป็นประกาศิตของบรรดานักบวชผู้อาวุโส

 เคยมีเหตุการณ์ที่ผู้หญิงชาวซาอุฯ ฝ่าฝืนกฎระเบียบการห้ามขับขี่รถยนต์ ในเดือนพฤศจิกายน 1990 ในช่วงเวลาที่มีทหารอเมริกาเข้ามาอยู่ในซาอุฯ เพื่อติดตามการบุกคูเวตของทหารชาวอิรัก ในเหตุการณ์นั้นมีผู้หญิงชาวซาอุฯประมาณ 50 คน ได้ขับขี่รถยนต์ ปรากฏว่าสตรีเหล่านั้นถูกจำคุกคนละหนึ่งวัน นอกจากนั้นยังถูกเพิกถอนหนังสือเดินทาง และถูกให้ออกจากงาน 

ขณะนี้ได้มีละครโทรทัศน์เรื่องหนึ่งที่กำลังฮือฮากันอยู่ในประเทศซาอุฯ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ต้องเดินทางมาอยู่ในเมือง และดิ้นรนหาเลี้ยงครอบครัวที่เพิ่งสูญพ่อไป หลังจากที่ล้มเหลวจากการหางานทำ เธอจึงตัดสินใจที่จะหันมายึดอาชีพคนขับแท็กซี่ ซึ่งเป็นอาชีพที่อนุญาตเฉพาะผู้ชายเท่านั้น เธอจึงจำเป็นต้องปลอมตัวเป็นชาย โดยการติดหนวดปลอม สวมชุดสำหรับผู้ชายและโพกศีรษะด้วยผ้าตาหมากรุกสีแดงขาว เมื่อละครออกอากาศปรากฏว่า บรรดาผู้ชมต่าง ช็อคกับประเด็นที่ว่าผู้หญิงปลอมตัวเป็นชาย และยังขับรถอีก ประชาชีฝ่ายหัวอนุรักษ์นิยมต่างพากันคัดค้านกันอย่างเต็มที่ พร้อมกับกล่าวตำหนิผู้เขียนบทละคร

 ความคิดเห็นของผู้บันทึก

นำมาเสนอเพราะเห็นว่าเป็นวิถีชุมชนที่แปลกไปอีกรูปแบบหนึ่งที่ในใจยังมีความขัดแย้งกันในความคิด ระหว่างการเคารพในจารีตประเพณีของแต่ละสังคม กับความเห็นของนักสิทธิที่อาจไม่เห็นด้วยกับข้อบังคับดังกล่าว

ถือว่าต่างมุมมองกันได้ครับ

หากแต่เราควรจะยอมรับฟัง มุมมองของแต่ละฝ่าย

หมายเลขบันทึก: 129574เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2007 13:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สองมุมที่ขัดแย้งอย่างสวนทางกันเต็มๆ ต้องใช้เวลาและเหตุผลที่สังคมค่อยๆปรับตัวไป สิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งที่สังคมกำหนดให้คนมีสิทธิเช่นนั้นเช่นนี้ หากสังคมหนึ่งเขามีวัฒนธรรมที่แปลกออกไปก็เป็นเรื่องของสังคมนั้นๆเขาจะพิจารณาจัดการ ต่อสู่ยอมรับกันเอง

เราเองน่าจะมีสิทธิคิด แต่ไม่มีสิทธิไปเปลี่ยนแปลงเขา ยกเว้นคนของเขาเอง 

ดูการเลิกทาษของเราซิ ยังเลิกได้ ก็ด้วยสังคมเราเอง แต่อาจจะมีเงื่อนไขต่างๆประกอบ

ไม่แน่ในระยะยาวเมื่อโลกเปลี่ยนไปมากๆ คนของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยน และเข้าใจว่ากำลังปรับเปลี่ยนอยู่นะ

เป็นกรณีที่น่าสนใจ ที่สิทธิมนุษยชนกับวัฒนธรรมชาติ เผ่าพันธุ์ ซึ่งจะแข็งแกร่งกว่าระบบทาษของเรามากนัก

 มีข่าวมาฝาก

 

P
4. จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
เมื่อ พ. 19 ก.ย. 2550 @ 09:02 [390394] [ลบ]

สวัสดีครับพี่ลูกช้าง พี่บู้ท

ผมได้ติดตามเนื้อหาที่นำไปสู่ เฮฮาศาสตร์ อย่างระทึกใจยิ่งครับ...เรื่องราวเหล่านี้มีคุณค่า และเป็นบันทึกที่ดีมากครับ

วัฒนธรรมทางเหนือสู่วัฒนธรรมอีสาน เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผมที่ได้ร่วมเรียนรู้

ผมตกลงกับน้องชายที่รัก   ว่าจะไปที่ดงหลวงแน่นอน และตอนนี้หากกำหนดเวลาชัดเจน ผมและน้องจะจองตั๋วเครื่องบินแล้วนะครับ - - -จากเมืองปายสู่ดงหลวง

น้องบอกว่าบอกว่าแม้งานเป็นแพทย์จะหนักเพียงใด หากมีโอกาสได้เข้าร่วมงานเฮฮาศาสตร์ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของชีวิต เขาปลีกตัวจากงานที่รัดตรึงสำหรับงานนี้ใจเกินร้อยครับ

 สวัสดีครับจาก...

ลูกช้างที่เมืองปายทั้ง สองครับ

 

P
9. จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
เมื่อ พ. 19 ก.ย. 2550 @ 09:57 [390432] [ลบ]

เป็นไปได้อยากทราบว่า "ลูกช้าง" ที่จะไปดงหลวง มีสักกี่เชือกครับ

ผมมีของฝากเฉพาะให้บรรดาลูกช้างเหล่านี้ด้วยครับ

แวะไปอ่านของท่าน  paleeyon  แล้วครับ Alternative จริงๆแบบคอเดียวกันแบบนี้มีหวังคุยกันยันรุ่ง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท